เกี่ยวกับองค์กร (18)
วิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยม และหน้าที่
วิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยม และหน้าที่
วิสัยทัศน์
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เป็นองค์กรหลักในการสร้างสรรค์ และบริหารจัดการนโยบายและแผนด้านพลังงาน เพื่อความยั่งยืนของประเทศ
ยุทธศาสตร์
ประกอบด้วย 5 ยุทธศาสตร์ คือ
- ยุทธศาสตร์ที่ 1 สร้างสรรค์นโยบาย และบริหารแผนด้านพลังงานของประเทศ
- ยุทธศาสตร์ที่ 2 ส่งเสริมและพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานสะอาด
- ยุทธศาสตร์ที่ 3 ส่งเสริมและพัฒนาทุกภาคส่วนในการอนุรักษ์และการใช้พลังงาน อย่างมีประสิทธิภาพ
- ยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารด้านพลังงานของ ประเทศ
- ยุทธศาสตร์ที่ 5 สร้างความเข้มแข็ง เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรชั้นนำด้านบริหารจัดการ พลังงาน (Strengthening EPPO)
ค่านิยมหลัก
สนพ. ได้กำหนดค่านิยมและวัฒนธรรมของหน่วยงาน เพื่อสร้างบรรทัดฐานในการปฏิบัติงาน สร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของบุคลากร เป็นเอกลักษณ์เฉพาะองค์กร ให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดพึงยึดถือเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องและเกิดผลในทางปฏิบัติอย่างทั่วถึงให้เกิดเป็นวัฒนธรรมในการทำงานที่ดีต่อไป ดังนี้
“มุ่งความเป็นเลิศ ก่อเกิดเครือข่าย เป้าหมายส่วนรวม ร่วมใจหนึ่งเดียว”
พันธกิจ
เสนอแนะนโยบายและบูรณาการแผนบริหารพลังงานของประเทศเสนอแนะยุทธศาสตร์การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนของ ประเทศเสนอแนะมาตรการแก้ไขป้องกันการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งในระยะสั้นและ ระยะยาวกำกับ ติดตาม และประเมินนโยบายและแผนบริหารพลังงานของประเทศบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารด้านพลังงานของประเทศพัฒนาสู่การเป็นองค์กรเชิงยุทธศาสตร์
พันธกิจและภารกิจตามกฎหมายจัดตั้งหน่วยงาน
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) มีภารกิจหลักตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พ.ศ. 2535 พระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2516 พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานกระทรวงพลังงาน พ.ศ. 2551 พอสรุปอำนาจหน้าที่ของ สนพ. ตามกฎหมายดังกล่าวได้ดังนี้
ตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ฉบับที่ 2 พ.ศ.2550 และ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2551
ศึกษาและวิเคราะห์นโยบายและแผนการบริหารและพัฒนาพลังงานของประเทศเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติติดตาม ประเมินผล และเป็นศูนย์ประสานและสนับสนุนการปฏิบัติงานตามนโยบายและแผนการบริหารและพัฒนาพลังงานของประเทศเก็บรวบรวมข้อมูล ติดตามความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ด้านพลังงาน วิเคราะห์แนวโน้ม และประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เพื่อจัดทำข้อเสนอนโยบายและแผนการบริหารและพัฒนาพลังงานของประเทศ และเผยแพร่สถิติที่เกี่ยวข้องกับพลังงานปฏิบัติอื่นใดตามที่นายกรัฐมนตรี หรือคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติมอบหมาย
นอกจากปฏิบัติภารกิจตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในหน้าที่สำนักเลขานุการ ของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติแล้ว สนพ. ยังเป็นฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่แต่งตั้งขึ้นภายใต้พระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ มีรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานเป็นประธาน และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ มีหน้าที่ช่วยกลั่นกรองที่เกี่ยวกับการบริหารและพัฒนาพลังงานต่าง ๆ ก่อนนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ
ตามพระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวการณ์ขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2516
พระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวการณ์ขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2516 ได้ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีอย่างกว้างขวางในการกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา คือ กฎหมายที่ใช้ในการกำหนดราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และในการจัดตั้งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา คือ กฎหมายที่ใช้ในการกำหนดราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และในการจัดตั้งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนั้น สนพ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จึงมีหน้าที่โดยตรงในการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และในการกำหนดนโยบายและมาตรการเกี่ยวกับราคาน้ำมัน และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และฉบับที่ 2 พ.ศ. 2550
ได้กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะการการนดยบายพลังงานแห่งชาติ เพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์พลังงานไว้ในกฎหมายดังกล่าว สนพ. ในฐานะสำนักเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ จึงมีหน้าที่ในการเสนอแนะ และประสานงานเกี่ยวกับการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยเฉพาะการเสนอแนะนโยบาย แผนงาน และมาตรการด้านการอนุรักษ์พลังงาน รวมทั้งการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการให้สิ่งจูงใจ เพื่อส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพหรือเพื่อให้มีการผลิตเครื่องมือ เครื่องจักร และอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูง หรือเพื่อส่งเสริมด้านการศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านการอนุรักษ์พลังงานและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการพัฒนาและการใช้พลังงาน รวมตลอดถึงการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานใหม่
ตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน พ.ศ. 2551
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน มีภารกิจเกี่ยวกับการเสนอแนะการกำหนดนโยบายและแผน รวมทั้งมาตรการด้านพลังงานเพื่อให้ประเทศมีพลังงานใช้อย่างเหมาะสม พอเพียง มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศ โดยให้มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
เสนอแนะนโยบายและแผนการบริหารและพัฒนาการพลังงานของประเทศกำหนดมาตรการด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน และกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณ เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนกำหนดมาตรการแก้ไขป้องกันการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงประสาน ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติตามนโยบายและแผนการบริหารและพัฒนาการพลังงานของประเทศรวมทั้งบริหารจัดการกองทุนพลังงานบริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศพลังงานและการพยากรณ์แนวโน้มด้านพลังงานของประเทศปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือตามที่กระทรวงพลังงานหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย
ประวัติความเป็นมา
ประวัติความเป็นมา สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
จากวิกฤตพลังงานโลกในช่วงปี พ.ศ. 2516 ถึง พ.ศ.2518 และในช่วงปี พ.ศ. 2522 ถึงพ.ศ. 2523 ทำให้เศรษฐกิจโลกประสบสภาวะเงินเฟ้อสูง อัตราการว่างงานสูง และทำให้เศรษฐกิจโลกเกิดการชะลอตัวต่อเนื่องหลายปี เป็นผลให้ประเทศไทยในขณะนั้นได้รับผลกระทบไปด้วย อีกทั้งหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านพลังงานยังไม่ เป็นเอกภาพ ทำให้ยากต่อการควบคุมกำกับดูแล ส่งผลให้การกำหนดนโยบายด้านพลังงานขาดความต่อเนื่องและไม่มีประสิทธิภาพ
สืบเนื่องจากวิกฤตดังกล่าวทำให้รัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้นำเรื่องการปรับปรุงระบบการบริหารนโยบายพลังงานให้มีเอกภาพ ขึ้นมาพิจารณาเป็นเรื่องเร่งด่วน และได้นำเสนอแนวทางต่อคณะกรรมการรัฐมนตรีผ่ายเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ.2529 ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ สพช. ที่จะจัดตั้งขึ้นภายใต้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการเพทำหน้าที่กำหนดนโยบายและมาตรการต่างๆ ทางด้านพลังงาน และพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายการบริหารงานพลังงานแห่งชาติ พ.ศ.2529 และมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2529
ต่อมาคณะรัฐมนตรีในสมัยพลเอกชาติชาย ชุณหะวัน ได้มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2532 ให้ดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ โดยให้ยกฐานะของสพช. เป็นหน่วยงานถาวร ระดับกรม สังกัดสำนักเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ
เมื่อได้มีการแต่งตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งมีนายอนันต์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี จึงได้มีการออกพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติโอนอำนาจหน้าที่และกิจการบริหารบางส่วนของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ.2535 พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2536 พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2536 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกฐานะ สพช. เป็นหน่วยงานถาวรระดับกรม สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี และปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี
หลังจากนั้นในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ได้มีแนวนโยบายในการปฏิรูประบบราชการของประเทศไทย เพื่อพัฒนาการทำงานของหน่วยงานราชการ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยการยุบเลิกหน่วยงานที่ไม่จำเป็น เพื่อลดขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ซ้ำซ้อน และจัดตั้งหน่วยงานใหม่อีกหลายหน่วยงานเพื่อรับผิดชอบงานใหม่ และภารกิจที่ชัดเจนขึ้น จึงได้ตราพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 และพระราชบํญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 ขึ้น และได้จัดตั้งกระทรวงพลังงาน เพื่อกำกับดูแลบริหารกิจการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพลังงานของชาติ จึงได้โอนย้าย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) จากสำนักนายกรัฐมนตรี มาสังกัดกระทรวงพลังงาน และได้เปลี่ยนชื่อเป็น สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ สนพ. นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เกี่ยวกับองค์กร
เกี่ยวกับองค์กร
สำนักงานนนโยบายและแผนพลังงาน เป็นองค์กรหลักในการสร้างสรรค์ และจัดการด้านนโยบาย และแผนพลังงานเพื่อความยั่งยืนของประเทศ โดยมีภารกิจหลักเป็นไปตามพระราชบัญญัติ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานพระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง ตลอดจนเสนอแนะมาตรการการบริหารจัดการด้านราคาพลังงาน ให้มีราคาที่เป็นธรรมและสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน โดยเน้นการใช้ทรัพยากรในประเทศเพื่อความมั่นคงด้านพลังงาน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันที่ยังยืนต่อไป
"สร้างสรรค์พลังงานไทย ก้าวไกลสู่สังคม"