Super User
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 8-14 ธันวาคม 2557
กบง. ครั้งที่ 1 - วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 1/2557 (ครั้งที่ 1)
วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 14.00 น.
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
2. แนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคขนส่ง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายณรงค์ชัย อัครเศรณี กรรมการและเป็นประธานที่ประชุม
ผู้อำนวยการกลุ่มสำนักธุรกิจปิโตรเลียม นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู เป็นกรรมการและเลขานุการ(แทน)
เรื่อง การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. กบง. ในการประชุมเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2557 ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลขึ้น 0.60 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2557 อยู่ที่ 1.6506 บาทต่อลิตร
2. จากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2557 เมื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2557 พบว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลง 7.49 8.61 และ 8.73 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 65.90 79.08 และ 82.50 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราวันที่ 1 ธันวาคม 2557 อยู่ที่ 33.0467 บาท ต่อเหรียญสหรัฐฯ อ่อนค่าลง 0.0662 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ และราคาไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ ของกรดไขมันของวันที่ 2 ธันวาคม 2557 อยู่ที่ 34.60 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 2.91 บาทต่อลิตร เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 17 พฤศจิกายน 2557 ส่งผลให้ค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน 95 น้ำมันแก๊สโซฮอล 95E10 91E10 E20 E85 และน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2557 อยู่ที่ 4.3378 2.7331 2.7736 2.6653 2.7923 และ 2.4154 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับสูงกว่าค่าการตลาดที่เหมาะสม
ดังนั้น เพื่อรักษาค่าการตลาดของน้ำมันเชื้อเพลิงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสองกรณี ดังนี้
กรณีที่ 1 ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันของน้ำมันเบนซิน 95 และกลุ่มน้ำมันแก๊สโซฮอลขึ้นลิตรละ 1.00 บาทต่อลิตร ยกเว้น E85 และน้ำมันดีเซลขึ้นลิตรละ 0.90 บาทต่อลิตร ซึ่งผลจากการปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว จะทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน 95 น้ำมันแก๊สโซฮอล 95E10 91E10 E20 และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 3.3378 1.7331 1.7736 1.6653 และ 1.5154 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นประมาณวันละ 69.84 ล้านบาท จากมีรายรับ 289.40 ล้านบาทต่อวัน เป็น 359.24 ล้านบาทต่อวัน
กรณีที่ 2 ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันของน้ำมันเบนซิน 95 กลุ่มน้ำมันแก๊สโซฮอล และน้ำมันดีเซลขึ้นลิตรละ 0.50 บาทต่อลิตร ยกเว้น E85 ซึ่งผลจากการปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว จะทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน 95 น้ำมันแก๊สโซฮอล 95E10 91E10 E20 และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 3.8378 2.2331 2.2736 2.1653 และ 1.9154 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นประมาณวันละ 37.55 ล้านบาท จากมีรายรับ 289.40 ล้านบาทต่อวัน เป็น 326.94 ล้านบาทต่อวัน
ทั้งนี้ ฐานะกองทุนน้ำมันฯณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2557 มีทรัพย์สินรวม 21,119 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 13,197 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิเป็นบวก 7,923 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการ บริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2557 เป็นต้นไป
เรื่อง แนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคขนส่ง
สรุปสาระสำคัญ
เพื่อให้ราคาก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนและภาคขนส่งสะท้อนต้นทุนการจัดหามากขึ้น ฝ่ายเลขานุการฯขอเสนอปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันสำหรับก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่จำหน่ายให้ภาคครัวเรือนและ ภาคขนส่งในส่วนของผู้ค้าก๊าซเป็นผู้นำส่งขึ้น 0.9671 บาทต่อกิโลกรัม จาก 4.6729 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 5.64 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2557 เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาขายปลีก LPG ภาคครัวเรือนและ ภาคขนส่งเพิ่มขึ้น 1.03 บาทต่อกิโลกรัม จาก 23.13 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 24.16 บาทต่อกิโลกรัม และทำให้กองทุนน้ำมันมีรายรับเพิ่มขึ้นประมาณ 332 ล้านบาทต่อเดือน
ดังนั้น เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตามที่เสนอ ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอความเห็นชอบกำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 ที่ได้จำหน่ายก๊าซให้กับผู้บรรจุ ก๊าซหรือร้านค้าก๊าซ เพื่อจำหน่ายต่อให้กับภาคครัวเรือน และภาคขนส่งต้องส่งเงินเข้ากองทุนเพิ่มขึ้น 0.9671 บาทต่อกิโลกรัม จาก 4.6729 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 5.64 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2557 เป็นต้นไป โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน รวมทั้ง ขอความเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เรื่อง การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนสำหรับก๊าซที่จำหน่ายให้ภาคครัวเรือน และเรื่อง การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนสำหรับก๊าซที่จำหน่ายให้ภาคขนส่ง
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบกำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 ที่ได้จำหน่ายก๊าซให้กับผู้บรรจุก๊าซหรือร้านค้าก๊าซ เพื่อจำหน่ายต่อให้กับภาคครัวเรือน และภาคขนส่งต้องส่งเงินเข้ากองทุนเพิ่มขึ้น 0.9671 บาทต่อกิโลกรัม จาก 4.6729 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 5.64 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2557 เป็นต้นไป โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
2. เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เรื่อง การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนสำหรับก๊าซที่จำหน่ายให้ภาคครัวเรือน และเรื่อง การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนสำหรับก๊าซที่จำหน่ายให้ภาคขนส่ง
3. เห็นชอบให้กำหนดราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือน ภาคขนส่ง และภาคอุตสาหกรรม ให้เท่ากัน โดยเป็นไปตามต้นทุนโรงกลั่นน้ำมันตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2557 เป็นต้นไป
เรื่อง แนวทางการปรับราคาก๊าซ NGV
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2557 ได้มีมติให้ปรับโครงสร้างราคาก๊าซ NGV ดังนี้ เป้าหมายคือราคาขายปลีกเป็นไปตามกลไกตลาดที่ 16.00 บาทต่อกิโลกรัม โดย (1) ปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล 10.50 บาทต่อกิโลกรัม ให้ปรับขึ้นราคาขายปลีก 1 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 11.50 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 และ (2) คงราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับรถโดยสารสาธารณะ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม
2. ต่อมาเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2557 กบง. มีมติเห็นชอบแนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV โดยให้ปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลขึ้น 1.00 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิมอยู่ที่ 10.50 บาทต่อกิโลกรัม มาอยู่ที่ 11.50 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 และให้คงราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับรถโดยสารสาธารณะที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม และขอความร่วมมือให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ดำเนินการขยายสถานีบริการ และร่วมลงทุนขยายท่อส่งก๊าซ เพื่อให้การบริการทั่วถึงทุกภูมิภาค
3. เพื่อให้สามารถดำเนินการตามมติ คสช. ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอแนวทางการปรับราคา ขายปลีกก๊าซ NGV ดังนี้ (1) ปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล 11.50 บาทต่อกิโลกรัม ให้ปรับขึ้นราคาขายปลีก 1 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 12.50 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2557 (2) ให้คงราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับรถโดยสารสาธารณะ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบแนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 1.00 บาท ต่อกิโลกรัม จากเดิมอยู่ที่ 11.50 บาทต่อกิโลกรัม เป็นอยู่ที่ 12.50 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2557
2. ให้ปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับรถโดยสารสาธารณะเพิ่มขึ้น 1.00 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิมอยู่ที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม เป็นอยู่ที่ 9.50 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2557
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 1-7 ธันวาคม 2557
รัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 05 มิถุนายน 55
กบง. ครั้งที่ 1 - วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 1/2558 (ครั้งที่ 1)
วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 13.30 น.
1. รายงานผลคดีหมายเลขดำที่ 348/2558 เรื่องการปรับโครงสร้างราคาก๊าซ LPG
2. โครงสร้างราคาก๊าซ LPG เดือนมีนาคม 2558
3. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายณรงค์ชัย อัครเศรณี เป็นประธานที่ประชุม
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นายชวลิต พิชาลัย เป็นกรรมการและเลขานุการ
เรื่อง รายงานผลคดีหมายเลขดำที่ 348/2558 เรื่องการปรับโครงสร้างราคาก๊าซ LPG
สรุปสาระสำคัญ
1. นายวัชระ เพชรทอง ได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ต่อศาลปกครองกลาง เรื่องการปรับโครงสร้างราคา ตามมติ กบง. เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2558 ทำให้ต้นทุนราคาก๊าซ LPG เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อประชาชนและไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคทั้งประเทศ โดยขอให้เพิกถอนมติ กบง. ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2558 และขอให้ศาลไต่สวนและกำหนดวิธีการชั่วคราวเพื่อระงับการประกาศใช้มติ กบง. ดังกล่าวไว้ชั่วคราวก่อนการพิพากษา ต่อมาเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 ศาลปกครองกลาง ได้มีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีไปให้ถ้อยคำต่อศาลในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2558 เพื่อรับฟังข้อเท็จจริงเพิ่มเติมและพิจารณาคำขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติของผู้ถูกฟ้องคดี
2. ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในฐานะกรรมการและเลขานุการ กบง. ได้มอบหมายให้รองผู้อำนวยการ สนพ. (นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ) เป็นผู้ให้ถ้อยคำต่อศาล ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2558 แทน เนื่องจากติดราชการสำคัญ โดยยืนยันว่า การปรับโครงสร้างราคาก๊าซ LPG ในครั้งนี้จะส่งผลให้เกิดสาธารณประโยชน์ สร้างความเป็นธรรมให้แก่ทุกภาคส่วน ยกเลิกการบิดเบือนราคา ลดการชดเชยจากน้ำมันประเภทอื่น (cross subsidy) และทำให้การผลิต การบริโภค และการลงทุนเป็นไปตามกลไกตลาด อย่างที่ควรจะเป็น
3. เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2558 ศาลปกครองกลาง ได้มีหนังสือแจ้งคำสั่งศาล คดีหมายเลขดำที่ 348/2558 คดีหมายเลขแดงที่ 561/2558 โดยศาลมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีทั้งเจ็ดไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ทั้งนี้ เหตุผลที่ศาลไม่รับคำฟ้องคือ ผู้ฟ้องคดียังไม่ถือว่าเป็นผู้เดือดร้อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้จากมติ กบง. เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2558 จึงไม่เป็นผู้มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ศาลจึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา
มติของที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
เรื่อง โครงสร้างราคาก๊าซ LPG เดือนมีนาคม 2558
สรุปสาระสำคัญ
1. เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2558 กบง. ได้มีมติเห็นชอบการคำนวณราคา ณ โรงกลั่น ซึ่งเป็นราคาซื้อตั้งต้นของก๊าซ LPG โดยใช้ต้นทุนจากแหล่งผลิตและแหล่งจัดหา (โรงแยกก๊าซธรรมชาติ โรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงและโรงอะโรเมติก และนำเข้า) เฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนักตามปริมาณการผลิตและจัดหาเฉลี่ยย้อนหลัง 3 เดือน โดยราคาก๊าซ LPG ตลาดโลก (CP) เดือนมีนาคม 2558 อยู่ที่ 484 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากเดือนก่อน 22 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน และอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยเดือนกุมภาพันธ์ 2558 อยู่ที่ 32.7196 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยเดือนมกราคม 2558 ที่ 0.1619 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ราคา ณ โรงกลั่น ซึ่งเป็นราคาซื้อตั้งต้นของก๊าซ LPG (LPG Pool) โดยใช้ต้นทุนจากแหล่งผลิตและแหล่งจัดหา (โรงแยกก๊าซธรรมชาติ โรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงและโรงอะโรเมติกและนำเข้า) ปรับเพิ่มขึ้น 0.1920 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิม 16.3978 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 16.5898 บาทต่อกิโลกรัม
2. จากราคาก๊าซ LPG Pool ของเดือนมีนาคม 2558 ที่ปรับเพิ่มขึ้น 0.1920 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งจะส่งผลทำให้ราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น และเพื่อไม่ให้ราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภายในประเทศเปลี่ยนแปลง ฝ่ายเลขานุการขอเสนอปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของก๊าซ LPG ลง 0.1920 บาทต่อกิโลกรัม จาก 0.5380 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 0.3460 บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายรับลดลง 73 ล้านบาทต่อเดือน จากเดิม 137 ล้านบาทต่อเดือน เป็น 64 ล้านบาทต่อเดือน
3. ตามมติ กบง. ได้กำหนดราคาต้นทุนจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ณ ระดับราคา 498 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน เนื่องจากโรงแยกก๊าซ บริษัท ปตท.สผ. สยาม จำกัด อำเภอลานกระบือ จังหวัดกำแพงเพชร มีความแตกต่างกับโรงแยกก๊าซ 1 – 6 คือเป็นการผลิตน้ำมันดิบและจะมีแก๊สส่วนหนึ่งขึ้นมาด้วย ซึ่งนำมาแยกจะได้ ก๊าซ LPG เป็นผลพลอยได้ โดยราคาต้นทุนก๊าซ LPG จะแตกต่างจากราคาต้นทุนก๊าซ LPG ของโรงแยกก๊าซ 1 – 6 ในขณะนี้อยู่ระหว่างประเมินราคาต้นทุนก๊าซ LPG ของโรงแยกก๊าซ บริษัท ปตท.สผ.ฯ
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้กำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับก๊าซ LPG ที่ผลิตในราชอาณาจักร ที่อัตรา 0.3460 บาทต่อกิโลกรัม โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการ ออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม 2558 เป็นต้นไป
เรื่อง การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. กบง. ในการประชุมเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2558 ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอลลง 95E10 ลง 0.40 บาทต่อลิตร และปรับเพิ่มของน้ำมันดีเซลขึ้น 0.30 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ค่าการตลาดของน้ำมันแก๊สโซฮอล 95E10 และน้ำมันดีเซล ณ 13 มกราคม 2558 อยู่ที่ 0.5356 และ 1.3719 บาทต่อลิตร ตามลำดับ
2. จากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 6 มีนาคม 2558 เมื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 12 มกราคม 2558 พบว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.10 19.15 และ 9.71 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 58.30 77.04 และ 74.28 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ตามลำดับ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราวันที่ 6 มีนาคม 2558 อยู่ที่ 32.5709 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น 0.4307 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ และราคาไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันของวันที่ 9 มีนาคม 2558 อยู่ที่ 34.40 บาทต่อลิตร ลดลง 3.11 บาทต่อลิตร เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 12 มกราคม 2558 จากราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล 95E10 91E10 E20 E85 และน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 9 มีนาคม 2558 อยู่ในระดับที่ไม่เหมาะสม ดังนี้ 2.1666 1.2976 1.2890 1.2575 3.1846 และ 1.7877 บาทต่อลิตร ตามลำดับ
3. เพื่อรักษาค่าการตลาดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับลดอัตราเงิน ส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินลง 2.00 บาทต่อลิตร และกลุ่มน้ำมันแก๊สโซฮอลลง 1.00 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ปรับลดอัตราชดเชยลง 1.00 บาทต่อลิตร โดยทั้งนี้จะประสานขอความร่วมมือกับผู้ค้า ให้ปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินลง 2 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล 95E10 91E10 และ E20 ลง 1.00 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ราคาคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ในส่วนของน้ำมันดีเซลเสนอปรับลดอัตราเงิน ส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ 2 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ 1 เสนอให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ลง 0.20 บาทต่อลิตร เพื่อให้ราคาขายปลีกของน้ำมันดีเซลปรับลดลง 0.50 บาทต่อลิตร และส่วนที่ 2 เสนอให้ปรับลดเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ลงอีก 1.10 บาทต่อลิตร เพื่อนำไปรักษาระดับราคาขายปลีกของน้ำมันดีเซลให้คงเดิม หลังจากที่กระทรวงการคลังปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตและภาษีเทศบาลของน้ำมันดีเซลขึ้น 1.10 บาทต่อลิตร รวมทั้งยกเว้นการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลคงคลัง ณ วันที่ปรับภาษีสรรพสามิตอีกจำนวนหนึ่ง (1.10 บาทต่อลิตร x ปริมาณน้ำมันคงเหลือ)
4. จากการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผล ดังนี้ (1) กองทุนน้ำมันฯ มีสภาพคล่องลดลงประมาณ 3,155 ล้านบาทต่อเดือน จากมีรายรับ 7,821 ล้านบาทต่อเดือน เป็นมีรายรับ 4,666 ล้านบาทต่อเดือน (2) ภาษีสรรพสามิตมีรายรับเพิ่มขึ้นประมาณ 1,793 ล้านบาทต่อเดือน จากมีรายรับ 10,507 ล้านบาทต่อเดือน เป็นมีรายรับ 12,301 ล้านบาทต่อเดือน และ (3) กองทุนน้ำมันฯ จะรับภาระขาดทุนปริมาณน้ำมันคงเหลือ เท่ากับ 1.10 บาทต่อลิตร x ปริมาณน้ำมันคงเหลือ ณ วันที่ปรับภาษีสรรพสามิต ทั้งนี้ ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 8 มีนาคม 2558 มีทรัพย์สินรวม 41,415 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 6,344 ล้านบาท โดยมีฐานะสุทธิเป็นบวก 35,072 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการ บริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม 2558 เป็นต้นไป
2. เห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วลง 1.10 บาทต่อลิตร จาก 3.15 บาทต่อลิตร เป็น 2.05 บาทต่อลิตร และยกเว้นการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ของน้ำมันดีเซลคงเหลือ ณ คลัง (1.10 บาท/ลิตร x ปริมาณน้ำมันดีเซลคงเหลือ ณ คลัง) โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในวันที่มีการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตของน้ำมันดีเซล เพื่อให้ราคาน้ำมันดีเซลคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง