กอ. ครั้งที่ 54 - วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2554
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 2/2554 (ครั้งที่ 54)
วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2554 เวลา 14.00 น.
ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคารสำนักงานองค์การสวนสัตว์
1. การลาออกของอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน
2. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (เพิ่มเติม)
3. การขอรับคืนหุ้นจำนวน 34,200 หุ้น ของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ถือในนามกระทรวงการคลัง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน)
4. การตรวจสอบการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ระยะที่ 1-4 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การลาออกของอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะกรรมการกองทุนฯ มีคำสั่งลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน โดยมี ศ.ดร. จุลละพงษ์ จุลละโพธิ เป็นประธานอนุกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 8 ท่าน เป็นอนุกรรมการ และผู้แทน สนพ. เป็นเลขานุการฯ เพื่อทำหน้าที่ประเมินผลการดำเนินงานของโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ และเสนอข้อพิจารณาประกอบรายงานการประเมินผลของโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ต่อคณะกรรมการกองทุนฯ
2. ศ.ดร.วิวัฒน์ ตัณฑะพาณิชกุล อนุกรรมการประเมินผลฯ ได้มีหนังสือลงวันที่ 17 มีนาคม 2554 เพื่อขอลาออกจากการเป็นอนุกรรมการประเมินผลฯ ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2554 เป็นต้นไป เนื่องจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์ประจำสถาบันเทคโนโลยีแห่งโตเกียว ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2554 ได้มีมติรับทราบการลาออกของอนุกรรมการดังกล่าวแล้ว
มติที่ประชุม
รับทราบการลาออกของ ศ.ดร. วิวัฒน์ ตัณฑะพาณิชกุล อนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน
เรื่องที่ 2 งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (เพิ่มเติม)
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2554 ในวงเงินรวม 2,614,335,136 บาท ดังนี้
2. มีหน่วยงานยื่นความประสงค์ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 จากกองทุนฯ เพิ่มเติม ในวงเงินรวม 90,025,790 บาท เพื่อดำเนินโครงการ ดังนี้
2.1 กองทัพบก ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนฯ ในวงเงิน 39,654,200 บาท ดำเนิน "โครงการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ เพื่อใช้ในกองกำลังป้องกันชายแดน" เพื่อส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่มีศักยภาพ โดยจะดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ ขนาด 3 กิโลวัตต์ จำนวน 34 ชุด ให้กับฐานปฏิบัติการของกองกำลังป้องกันชายแดนที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้งานหรือมีกระแสไฟฟ้าใช้งานไม่เพียงพอ
2.2 พพ. ขอรับการสนับสนุนงบประมาณกองทุนฯ ในวงเงิน 44,685,590 บาท ดำเนิน "โครงการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับฐานปฏิบัติการทางทหาร" ให้กับกรมการพลังงานทหารและกองบัญชาการกองทัพเรือ ตามข้อตกลงในบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงพลังงานและกระทรวงกลาโหม เพื่อให้มีไฟฟ้าใช้ และเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติภารกิจในด้านปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ
2.3 กองบิน 1 ขอรับการสนับสนุนงบประมาณกองทุนฯ ในวงเงิน 3,686,000 บาท ดำเนิน "โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกองบิน 1" เพื่อขยายผลการใช้เทคโนโลยีและการผลิตพลังงานทดแทนจากโครงการนำร่องกองทัพสีเขียวการใช้พลังงานทดแทนในหน่วยงานกองทัพอากาศ
2.4 สนพ. ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนฯ ในวงเงิน 2,000,000 บาท เพื่อดำเนิน "การติดตามประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานทดแทน ปี 2553" เพื่อติดตามผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าที่มีการใช้พลังงานทดแทนเป็นเชื้อเพลิง
3. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้นำงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ (เพิ่มเติม) เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2554 แล้ว และมีความเห็นว่าการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ ให้กับฐานปฏิบัติการของกองกำลังป้องกันชายแดนที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้งานหรือมีกระแสไฟฟ้าใช้งานไม่เพียงพอ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติภารกิจในด้านปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ จึงเห็นควรให้การสนับสนุนโครงการฯ ตามคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ (เพิ่มเติม) ในวงเงินรวม 89,582,120 บาท ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ โดยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้
3.1 โครงการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ เพื่อใช้ในกองกำลังป้องกันชายแดน โดย กองทัพบก เห็นควรให้ปรับลดระยะเวลาดำเนินงาน จาก 1 ปี เป็น 6 เดือน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ให้เร็วขึ้น
3.2 โครงการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับฐานปฏิบัติการทางทหาร โดย พพ. เห็นว่า มีบางพื้นที่ที่จะดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ในฐานปฏิบัติการทางทหารซ้ำซ้อนกับโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อใช้ในกองกำลังป้องกันชายแดน ของกองทัพบก จึงให้ตัดพื้นที่ซ้ำซ้อนในโครงการของ พพ. ออก ทำให้จำนวนระบบผลิตฯ ลดลงเหลือ 176 ระบบ และคงเหลืองบประมาณในการดำเนินโครงการ ในวงเงิน 44,241,920 บาท
3.3 โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกองบิน 1 เห็นว่า เป็นการขยายผลการใช้เทคโนโลยีและการผลิตพลังงานทดแทน จากโครงการนำร่องกองทัพสีเขียว ซึ่งจะช่วยให้เกิดการส่งเสริมให้การใช้พลังงานทดแทนตามกลไกการผลักดันให้มีการใช้พลังงานทดแทนทุกภาคส่วน จึงเห็นควรให้การสนับสนุน ในวงเงิน 3,686,000 บาท
3.4 การติดตามประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ที่ใช้พลังงานทดแทน ปี 2553 โดย สนพ. เห็นว่า โครงการดังกล่าวจะทำให้ได้แนวทางในการดำเนินงานและ/หรือแนวทางในการปรับปรุงผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบไฟฟ้าในอนาคต จึงเห็นควรให้การสนับสนุน ในวงเงิน 2,000,000 บาท
3.5 เห็นควรจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กับ 2 หน่วยงานผู้เบิกเงินกองทุนฯ เพื่อดำเนินโครงการ ดังนี้
(1) ให้ พพ. ในวงเงิน 44,241,920 บาท ในการดำเนิน "โครงการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับฐานปฏิบัติการทางทหาร"
(2) ให้ สนพ. ในวงเงินรวม 45,340,200 บาท ในการดำเนิน
- โครงการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ เพื่อใช้ในกองกำลังป้องกันชายแดน ในวงเงิน 39,654,200 บาท โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 6 เดือน
- โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกองบิน 1 ในวงเงิน 3,686,000 บาท
- การติดตามประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ที่ใช้พลังงานทดแทน ปี 2553 ในวงเงิน 2,000,000 บาท
4. คณะอนุกรรมการฯ จึงมีมติให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ (เพิ่มเติม) ต่อไป
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2554 (เพิ่มเติม) แผนพลังงานทดแทน งานส่งเสริมและสาธิต ให้ พพ. ในวงเงิน 44,241,920 บาท (สี่สิบสี่ล้านสองแสนสี่หมื่นหนึ่งพันเก้าร้อยยี่สิบบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนิน "โครงการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับฐานปฏิบัติการทางทหาร" ระยะเวลาดำเนินงาน 6 เดือน
2. อนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2554 (เพิ่มเติม) แผนพลังงานทดแทน งานส่งเสริมและสาธิต ให้ สนพ. ในวงเงินรวม 45,340,200 บาท (สี่สิบห้าล้านสามแสนสี่หมื่นสองร้อยบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนิน
(1) โครงการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ เพื่อใช้ในกองกำลังป้องกันชายแดน ในวงเงิน 39,654,200 บาท โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 6 เดือน
(2) โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกองบิน 1 ในวงเงิน 3,686,000 บาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ 4 เดือน
(3) การติดตามประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานทดแทน ปี 2553 ในวงเงิน 2,000,000 บาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ 12 เดือน
เรื่องที่ 3 การขอรับคืนหุ้นจำนวน 34,200 หุ้น ของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ถือในนามกระทรวงการคลัง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน)
1. พพ. ได้ให้การสนับสนุนการศึกษาวิจัยแก่ บริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ในการดำเนิน "โครงการต้นแบบการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี Vanadium Redox Flow" สำหรับการลดภาระกำลังไฟฟ้าสูงสุด การผลิตไฟฟ้าผสมผสานขนาดเล็ก รถประจำทางไฟฟ้า และเซลล์เชื้อเพลิงคาร์โบไฮเดรท ในวงเงิน 175 ล้านบาท มีระยะเวลาตั้งแต่ 30 มีนาคม 2549 - 29 กรกฎาคม 2550 และได้ว่าจ้างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นที่ปรึกษาฯ โดยร่วมกับผู้ชำนาญการจากมหาวิทยาลัยของรัฐในประเทศ เพื่อติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลโครงการให้ พพ. และรับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากบริษัทฯ ในวงเงิน 25 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่ 30 มีนาคม 2549-29 ตุลาคม 2550
2. พพ. ได้ยกเลิกสัญญาสนับสนุนบริษัทเซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2552 เนื่องจากบริษัทฯ ทำงานล่าช้าและไม่ทำการปรับปรุงผลงานงวดที่ 1 ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบจาก สวทช. และไม่เป็นไปตามสัญญาฯ
3. พพ. และ สวทช. ได้ปรับลดวงเงินว่าจ้างตามสัญญาจาก 25 ล้านบาท เหลือ 3,461,487.60 บาท เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2553
4. ในสัญญาสนับสนุนฯ ระหว่าง พพ. และ บริษัทฯ ได้ระบุว่าบริษัทฯ ได้บริจาคหุ้นให้เป็นกรรมสิทธิแก่กระทรวงการคลัง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน) ได้แก่ หุ้นของบริษัทฯ และหุ้นของบริษัทฯ ในเครือ จำนวน 3 บริษัท อันเป็นหุ้นที่ได้มีการชำระเต็มมูลค่าแล้ว ดังนี้ (1) หุ้นของบริษัท Squirrel Holdings Ltd. จำนวน 330 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 330 เหรียญสหรัฐ (2) หุ้นของบริษัท Cellennium USA., Inc จำนวน 50 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 50 เหรียญสหรัฐ และ (3) หุ้นของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 34,200 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 3,420,000 บาท โดยคิดราคาหุ้นตามที่บริษัทฯ แจ้งไว้ ณ เดือนกันยายน 2548 ซึ่งเมื่อยกเลิกสัญญาฯ บริษัทฯ ได้มีหนังสือขอคืนหุ้น ซึ่ง พพ. ได้จัดทำหนังสือขอทราบความเหมาะสมจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อส.) เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการรับบริจาคและการบริหารจัดการหุ้นและช่วยตรวจร่างสัญญาสนับสนุนฯ ให้กับ พพ.
5. อส. ได้มีหนังสือแจ้งผลการหารือของ พพ. สรุปได้ว่า ตามสัญญาสนับสนุนฯ หุ้นที่บริษัทฯ บริจาคให้แก่กองทุนฯ นั้น เป็นสมบัติของกองทุนฯ นับแต่วันที่บริษัทฯ ได้โอนให้กับกองทุนฯ ซึ่งคือวันที่ลงนามในสัญญาฯ
6. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2554 (ครั้งที่ 25) เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2554 ได้มีมติเห็นชอบให้ พพ. คืนหุ้นจำนวน 34,200 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 3,420,000 บาท ให้แก่บริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ตามที่ได้ระบุไว้ในสัญญาสนับสนุนฯ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
มติที่ประชุม
เพื่อให้การปฏิบัติของคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นไปอย่างถูกต้อง จึงให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเรื่องดังกล่าวหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาว่า คณะกรรมการกองทุนฯ สามารถดำเนินการคืนหุ้นตามหนังสือการขอรับคืนหุ้น จำนวน 34,200 หุ้น ของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ได้หรือไม่ และมีแนวทางปฏิบัติอย่างไร
เรื่องที่ 4 การตรวจสอบการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ระยะที่ 1-4 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2538 วันที่ 3 ตุลาคม 2540 วันที่ 19 กันยายน 2544 และวันที่ 21 กันยายน 2550 ได้มีมติอนุมัติเงินกองทุนฯ ให้กับสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ (สวพ.) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในวงเงินรวมทั้งสิ้น 1,464,800,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนิน "โครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ระยะที่ 1-4" ตั้งแต่ปี 2538-2555 เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพรองรับน้ำเสีย/ของเสียจากการเลี้ยงปศุสัตว์
2. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ดำเนินการตรวจสอบโครงการส่งเสริมเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ระยะที่ 1-4 เฉพาะในส่วนฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่เข้าร่วมโครงการที่ก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพแล้วเสร็จ โดยทำการสุ่มตรวจสอบฟาร์มสุกรที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 173 ระบบ จากทั้งหมด 304 ระบบ ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน เพื่อให้มีการกระจายสัดส่วนครอบคลุมพื้นที่ทุกภาคของประเทศไทย จำนวน 17 จังหวัด พร้อมทั้งมีการตรวจสอบข้อมูลจากเอกสารรายงานต่างๆ ของโครงการฯ มีการสัมภาษณ์ในเชิงลึกกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และมีการสังเกตการณ์การดำเนินงานของระบบก๊าซชีวภาพที่สุ่มตรวจสอบในพื้นที่ก่อสร้างระบบจริง ใช้ระยะเวลาการตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2552 - 31 พฤษภาคม 2553 โดยมีข้อตรวจพบ 2 ประเด็น และข้อสังเกต 1 ประการ ทั้งนี้ สตง. ได้มีข้อเสนอแนะให้ สนพ. ดำเนินการ ดังนี้
ข้อตรวจพบที่ 1: การดำเนินงานไม่เป็นไปตามหลักการและข้อเสนอโครงการระบบก๊าซชีวภาพของฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการที่มีการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพแล้วเสร็จ และมีการเดินระบบผลิตก๊าซชีวภาพแล้ว ณ 31 กรกฎาคม 2552 พบว่าการดำเนินงานไม่เป็นไปตามหลักการและข้อเสนอแนะโครงการ ดังนี้
1) ฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ แต่ได้เข้าร่วมโครงการในฐานะเป็นฟาร์มขนาดกลาง จำนวน 8 ฟาร์ม รวม 19 ระบบ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.98 ของจำนวนที่สุ่มตรวจสอบ
2) ไม่มีการกระจายฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการ (มีการสนับสนุนการก่อสร้างระบบก๊าซชีวภาพในบริเวณที่ตั้งของฟาร์มเดียวกันมากกว่า 1 ระบบ) จำนวน 9 ฟาร์ม รวม 23 ระบบ หรือคิดเป็นร้อยละ 7.57
3) มีการอนุมัติให้องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) 2 แห่ง คือ อบต. สำนักตะคร้อ จ. นครราชสีมา และ อบต. ท่าหิน จ. สงขลา ซึ่งไม่มีอำนาจหน้าที่ในการทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์เข้าร่วมโครงการ
ข้อตรวจพบที่ 2: การดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ระบบก๊าซชีวภาพของฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ จำนวน 173 ระบบ จากระบบผลิตก๊าซชีวภาพที่มีการก่อสร้างและติดตั้งแล้วเสร็จทั้งหมด 304 ระบบ ณ กรกฎาคม 2552 พบว่า
1) ฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการที่มีการผลิตก๊าซชีวภาพและใช้ประโยชน์เพื่อทดแทน LPG หรือพลังงานไฟฟ้า ร้อยละ 65.63 ดำเนินการได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้
2) ฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการไม่มีการผลิตก๊าซชีวภาพและใช้ประโยชน์เพื่อทดแทน LPG หรือพลังงานไฟฟ้า โดยมีฟาร์มที่หยุดผลิตก๊าซชีวภาพ 2 ระบบ ได้แก่ อบต. ท่าหิน และฟาร์มพนัสพันธุ์สัตว์
ข้อสังเกต : การจัดทำสัญญาการดำเนินงานเพื่อก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพกับบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย พบว่า มีการลงนามในสัญญากับบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย จำนวน 3 ฟาร์ม รวม 9 สัญญา คิดเป็นร้อยละ 5.2 ของจำนวนระบบก๊าซชีวภาพที่สุ่มตรวจสอบ อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ ที่มิได้นำไปสนับสนุนการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพให้กับเจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย เป็นจำนวนเงินประมาณ 30.59 ล้านบาท และให้นำเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ ที่มิได้นำไปสนับสนุนการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพให้กับเจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย
ข้อเสนอแนะ สตง.ให้ สนพ. พิจารณาดำเนินการดังนี้
1) ในอนาคตหากมีการดำเนินโครงการในระยะต่อไป หรือโครงการอื่นที่มีลักษณะเช่นเดียวกัน
1.1 ต้องมีการควบคุมและตรวจสอบการดำเนินงานของโครงการ ให้เป็นไปตามหลักการและข้อเสนอของโครงการ และความเห็นหรือมติของคณะกรรมการกองทุนฯ อย่างเคร่งครัด
1.2 ควรมีการพิจารณาและตรวจสอบข้อเสนอโครงการ ให้มีการกำหนดกิจกรรมให้ครอบคลุมถึงระบบการใช้ประโยชน์จากก๊าซชีวภาพ
1.3 ควรกำหนดเป้าหมายการผลิตก๊าซชีวภาพและการใช้ประโยชน์ให้สอดคล้องกับสภาพการผลิตและใช้งานจริง
1.4 ควรกำหนดให้มีการติดตามผลและเก็บรวบรวมข้อมูลการดำเนินงานหลังจากเดินระบบครบ 1 ปี แล้ว และให้ฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการ รายงานผลให้ทราบเป็นระยะ
1.5 ควรกำหนดระยะเวลาการผลิตและใช้ประโยชน์ของระบบก๊าซชีวภาพไว้ในเงื่อนไขของสัญญา โดยให้สอดคล้องกับอายุการใช้งานของระบบผลิตก๊าซชีวภาพ
1.6 โครงการที่มีการดำเนินการต่อเนื่องระยะเวลาหลายปี ควรกำหนดให้มีการประเมินผลทุกระยะก่อนการอนุมัติเงินกองทุน เพื่อดำเนินโครงการในระยะต่อไป
2) โครงการฯ ระยะที่ 3 และ 4 อยู่ระหว่างดำเนินการ
2.1 ต้องมีการควบคุมและตรวจสอบการดำเนินงานของ สวพ. ให้เป็นไปตามหลักการและข้อเสนอของโครงการ และความเห็นหรือมติของคณะกรรมการกองทุนฯ รวมถึงแจ้งให้ สวพ. ควบคุมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และที่ปรึกษาให้เป็นไปตามหลักการและข้อเสนอของโครงการอย่างเคร่งครัด
2.2 ดำเนินการสำรวจระบบผลิตก๊าซชีวภาพที่มีปัญหา/หยุดการผลิต รวมทั้งระบบที่ผลิตและใช้ประโยชน์ได้ต่ำกว่าเป้าหมาย เพื่อรวบรวมปัญหาอุปสรรค และดำเนินการแก้ไขต่อไป
2.3 ฟาร์มที่ยังไม่ได้ทำสัญญาเข้าร่วมโครงการ ควรพิจารณาเพิ่มเงื่อนไขในสัญญาเกี่ยวกับระยะเวลาการผลิตและใช้ประโยชน์ของระบบผลิตก๊าซชีวภาพให้สอดคล้องกับอายุการใช้งานของระบบ และกรณีมีการรื้อถอนระบบผลิตก๊าซชีวภาพก่อนครบอายุการใช้งาน ฟาร์มต้องชำระเงินอุดหนุนค่าก่อสร้างและติดตั้งระบบผลิตก๊าซชีวภาพคืนให้กับกองทุนฯ ตามสัดส่วนของอายุการใช้งานที่เหลืออยู่ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานตามอายุการใช้งานของระบบ
3. สวพ. ได้ดำเนินการก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพในพื้นที่จำนวน 3 ฟาร์ม ได้แก่ 1) บริษัท วี.ซี.เอฟ. กรุ๊ป จำกัด 2) บริษัท ปฐมเกษตร จำกัด และ 3) บริษัท ชัยภูมิฟาร์ม จำกัด ซึ่ง สตง. ตรวจพบว่าการก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพ มีการลงนามในสัญญากับบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย ได้แก่ 1) นายวีระชัย เตชะสัตยา 2) นายสว่าง ศักดิ์ศรีสกุล และ 3) นายปราโมทย์ จิรกวินวาณิช และ นางสาวจริภรณ์ จิรกวินวาณิช ตามลำดับ เห็นว่าอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ เนื่องจากมีการทำสัญญากับบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย โดย สวพ. ได้ชี้แจงว่า การเข้าร่วมโครงการในนามบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย บุคคลดังกล่าวนั้น ได้จัดส่งเงินค้ำประกันสัญญา และได้ดำเนินการก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพ รวมทั้งอุปกรณ์ผลิตพลังงานทดแทนอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการตามที่สัญญาระบุ เมื่อ สวพ. ตรวจสอบแล้วพบว่า บุคคลดังกล่าวสามารถดำเนินการก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพได้ตามวัตถุประสงค์อย่างสมบูรณ์ จึงได้ดำเนินการเบิกจ่ายเงินสนับสนุนให้แก่บุคคลซึ่งเป็นคู่สัญญา ทั้งนี้ สวพ. ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินภายในของเจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย หรือเงินส่วนตัวของบุคคลในการนำมาใช้ในกิจกรรมการก่อสร้างตามสัญญา
4. สนพ. ได้ประสานงานให้ สวพ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นปรับปรุงการดำเนินงานโครงการที่กำลังจะดำเนินการในอนาคต หรือโครงการที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของ สตง. แล้ว ส่วนการดำเนินงานตามข้อสังเกตของ สตง. นั้น สนพ. เห็นสมควรนำเสนอกรรมการกองทุนฯ พิจารณากรณีการจัดทำสัญญาการดำเนินงานเพื่อก่อสร้างและติดตั้งระบบผลิตก๊าซชีวภาพกับบุคคลซึ่งไม่ใช่เจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย ของ สวพ.เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ ที่มิได้นำไปสนับสนุนการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพให้กับเจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย ตามข้อเสนอแนะของ สตง.
5. ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นควรเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ ให้มีการตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ ที่มิได้นำไปสนับสนุนการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพให้กับเจ้าของฟาร์มตามกฎหมาย ตามความเห็นของ สตง. โดยมีองค์ประกอบ ดังนี้
1. ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน (นายชุมพล ฐิตยารักษ์) ประธานอนุกรรมการ
2. ผู้แทนกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน อนุกรรมการ
3. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง อนุกรรมการ
4. ผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน อนุกรรมการ
5. หัวหน้ากลุ่มงานนิติการ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน อนุกรรมการและเลขานุการ
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ เพื่อดำเนินการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเสียหายต่อเงินอุดหนุนของกองทุนฯ ที่มิได้นำไปสนับสนุนการก่อสร้างและติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพให้กับเจ้าของฟาร์ม ตามกฎหมาย โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอมา
กอ. ครั้งที่ 53 - วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 1/2554 (ครั้งที่ 53)
วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 14.00 น.
ณ ห้องประชุม 9 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ อาคารบี
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
1. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
2. เกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2554
3. การมอบอำนาจให้มีผู้แทนคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานดำเนินการแทนคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในการดำเนินคดีทางปกครอง
เรื่องที่ 1 งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ได้รับทราบแผนอนุรักษ์พลังงานและเป้าหมาย ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-2554 ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เสนอ โดยมีเป้าหมายและการดำเนินการจะลดปริมาณการใช้พลังงานลง 7,820 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.8 ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศในปี 2554 และกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้แทนพลังงานเชิงพาณิชย์ 8,858 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 12.2 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554 และ กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 ได้เห็นชอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี โดยกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานทดแทนรวม 10,961 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 15.6 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554
2. สนพ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ได้รวบรวมงบประมาณรายจ่ายตามแผนงานและโครงการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับ ใช้จ่ายเป็นเงินหมุนเวียน เงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุนสำหรับการลงทุน และดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน ตามมาตรา 25 แห่ง "พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ยื่นขอการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในปีงบประมาณ 2554 เพื่อดำเนินโครงการ เป็นจำนวน 125 โครงการ ในวงเงินทั้งสิ้น 5,365,911,205 บาท
3. การพิจารณากลั่นกรองงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ดำเนินการโดย "คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำปี 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ที่ประธานคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้แต่งตั้ง โดยมีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธานคณะทำงานฯ ซึ่งได้เริ่มประชุมพิจารณางบประมาณตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2553 - 3 ธันวาคม 2553 รวม 9 ครั้ง มีหลักเกณฑ์การพิจารณาที่สำคัญ ดังนี้
(1) การจัดลำดับความสำคัญตามนโยบายและแผน โดยทำการพิจารณาถึงความสอดคล้องของโครงการกับภารกิจที่สำคัญ ได้แก่ ข้อกำหนดและกฎหมาย พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน มาตรา 25 ยุทธศาสตร์ระดับชาติ นโยบายรัฐบาล และกระทรวงพลังงาน และ ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี (พ.ศ. 2551-2565)
(2) ระยะเวลาการเกิดผลสัมฤทธิ์ โดยใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่งช่วงเวลาที่โครงการดังกล่าวสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้ในอนาคต โดยแบ่งเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และ ระยะยาว
(3) ศักยภาพในการขยายผล โดยเน้นโครงการวิจัยและ/หรือดำเนินการแล้วสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้จริง โดยแบ่งตามศักยภาพการขยายผลเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผลมากและน้อย
(4) โครงการต่อเนื่อง โดยพิจารณาผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ถ้ามีความก้าวหน้าเกินกว่าร้อยละ 50 ของแผนงาน และผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดี จึงจะได้รับงบประมาณสำหรับปีต่อไป
(5) งานประชาสัมพันธ์ ดำเนินงานเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารอย่างแท้จริง
(6) งบบริหารแผนการดำเนินงาน จะต้องเป็นภารกิจหรืองานที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และปรับอัตราค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แนวทาง และขอบเขตการพิจารณางบประมาณตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
4. คณะทำงานฯ ได้พิจารณารายละเอียดการของบประมาณรายจ่ายโครงการของกองทุนฯ ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะอนุกรรมการฯ แล้ว โดยเห็นสมควรสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายตามโครงการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ เป็นจำนวนไม่เกิน 2,614,335,136 บาท รวม 81 โครงการ ซึ่งได้ครอบคลุมการดำเนินงานทั้งในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจการจัดการด้านการใช้พลังงาน รวมถึงการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนในการผลิตไฟฟ้า และผลิตความร้อนในเทคโนโลยีต่างๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานชีวมวล และเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยแบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงิน กองทุนฯ ดังนี้
(1) พพ. จำนวน 883,618,960 บาท คิดเป็นร้อยละ 33.80 รวม 54 โครงการ
(2) สนพ. จำนวน 1,730,716,176 บาท คิดเป็นร้อยละ 66.20 รวม 27 โครงการ
5. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2553 ได้พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ แล้ว มีมติ
5.1 เห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ เป็นจำนวน 2,614,335,136 บาท
5.2 เห็นชอบให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ค่าใช้จ่ายในงานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 โดยให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในหมวดต่างๆ ได้ ตามความจำเป็นและเหมาะสม
5.3 ให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ ต่อไป
6. คณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2553 ได้พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ แล้ว มีความเห็นและข้อเสนอแนะที่สำคัญ ดังนี้
6.1 ผู้แทนนายกสภาวิศวกร (รศ.ดร.ชัยฤทธิ์ สัตยาประเสริฐ) มีความเห็นว่า การเสนอของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ หน่วยงานยังไม่ได้นำผลการตรวจสอบของ สตง. มาใช้ประกอบในการขอตั้งงบประมาณ ดังนั้น จึงขอให้ผู้บริหารกองทุนฯ ให้คำนิยามในเรื่องภารกิจของกองทุนฯ ให้ชัดเจน และสามารถแยกออกจากงบประมาณแผ่นดินอย่างไร โดยใช้กรณีศึกษาจากข้อสังเกตของ สตง. ในการพิจารณา พร้อมทั้งวิธีการคิดโครงสร้างค่าใช้จ่ายในการใช้อาคาร ซึ่งสามารถสอบถามได้ที่กรมบัญชีกลาง
6.2 ผู้แทนปลัดกระทรวงการคลัง เห็นว่าควรแยกภารกิจของกองทุนฯ และหน่วยงานให้ชัดเจน เนื่องจากมีบางโครงการที่เสนอของบประมาณกองทุนฯ อาจจะเป็นภารกิจของหน่วยงาน เช่น โครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการเป็นศูนย์กลางการค้าเชื้อเพลิงชีวภาพ (HUB) ในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และศึกษาแนวทางกำหนดดัชนีของราคาขายเอทานอลที่ซื้อขายในเอเซีย
6.3 นายสมชาติ โสภณรณฤทธิ์ เห็นว่าการขอตั้งงบประมาณในบางโครงการไม่เหมาะสม ได้แก่
(1) โครงการภายใต้งานส่งเสริมสาธิต มีบางโครงการที่ได้นำเทคโนโลยีบางประเภทที่ ไม่เหมาะสมมาทำการสาธิต เช่น เตา Gasifier ที่จะไปใช้กับชุมชน เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสำหรับงานที่ใช้การเดินเครื่องตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีบางประเภทที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ระบบก๊าซชีวภาพ และเครื่องผลิตไบโอดีเซลในชุมชน เนื่องจากการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ที่ผ่านมาพบว่าไม่ประสบผลสำเร็จค่อนข้างสูง
(2) โครงการสำหรับงานศึกษาวิจัย ไม่เห็นด้วยในการสนับสนุนการวิจัยเรื่องเชื้อเพลิงไฮโดรเจน เนื่องจากปัจจุบันเน้นเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่าเชื้อเพลิงไฮโดรเจน จึงเห็นว่าควรจะเป็นการวิจัยด้าน Energy Storage หรือแบตเตอร์รี่ น่าจะเหมาะสมกว่า
(3) โครงการปรับปรุงนโยบายการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเกี่ยวกับการกำหนดส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน มีความเห็นว่า การคิด Adder สำหรับเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งมี 6 ประเภท ตามประกาศในปัจจุบัน พบว่ามีความแตกต่างกันมากซึ่งเป็นผลมาจากการคิดตามต้นทุนการผลิตของแต่ละเทคโนโลยี ทำให้ Solar cell ได้รับ Adder สูงกว่าพลังงานหมุนเวียนชนิดอื่น มีผู้ผลิตไฟฟ้าจำนวนมากและส่งผลให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าแพงขึ้น ดังนั้น การศึกษา Feed in tariff ที่เหมาะสม ควรจะพิจารณา Avoided Cost ในเรื่องของสิ่งแวดล้อม เนื่องจากพลังงานหมุนเวียนแต่ละประเภทช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) หรือก๊าซเรือนกระจก (Green House Gas) ไม่แตกต่างกัน จึงควรให้ Adder ในระดับที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งจะทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าลดลง
6.4 นายสวัสดิ์ ตันตระรัตน์ มีข้อสังเกตว่า โครงการที่เป็น Grey area ควรมีเหตุผลการอนุมัติที่ชัดเจน และให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดทำเอกสารเพื่อประกอบการพิจารณาว่าทุกโครงการที่ขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในข้อใด และช่วยสนับสนุนเป้าหมายหรือเทคโนโลยีใด
6.5 คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีมติให้ฝ่ายเลขานุการฯ ไปดำเนินการทบทวนและตรวจสอบงบประมาณรายจ่ายในแต่ละโครงการตามข้อกำหนดในมาตรา 25 ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพิ่มเติม พร้อมทั้งตรวจสอบโครงการในมิติตามเป้าหมายการอนุรักษ์พลังงาน และจัดทำข้อมูลดังกล่าวเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อประกอบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ในการประชุมครั้งต่อไป
7. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบงบประมาณรายจ่ายในแต่ละโครงการตามข้อกำหนดในมาตรา 25 ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตรวจสอบโครงการในด้านเป้าหมายการอนุรักษ์พลังงานแล้ว สรุปได้ดังนี้
7.1 โครงการที่ของบประมาณรายจ่าย ปี 2554 เป็นไปตามวัตถุประสงค์การใช้เงินกองทุนฯ ตามมาตรา 25 (2) จำนวน 10 โครงการ และ มาตรา 25 (3) จำนวน 71 โครงการ
7.2 การตรวจสอบโครงการในด้านเป้าหมายการอนุรักษ์พลังงาน สรุปได้ว่า โครงการภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จะมีผลประหยัดที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการในปี 2554 จำนวน 332.83 Ktoe และโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน จะมีผลประหยัดที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการในปี 2554 จำนวน 14.11 Ktoe คิดเป็นมูลค่าผลประหยัดที่คาดว่าจะได้รับจากการดำเนินโครงการต่างๆ เป็นจำนวนเงิน 5,790 ล้านบาท
7.3 ปรับปรุงรายละเอียดข้อเสนอโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ของ สนพ. จำนวน 4 โครงการ คือ 1) โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน 2) โครงการส่งเสริมการผลิตพลังงานทดแทนในระดับชุมชน 3) โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีอนุรักษ์พลังงาน และ 4) โครงการปรับปรุงนโยบายการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ตามความเห็นและข้อเสนอแนะของกรรมการกองทุนฯ (นายสมชาติ โสภณรณฤทธิ์) แล้ว ดังรายละเอียดปรากฏในเอกสารข้อเสนอโครงการที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอขอแก้ไข และ โครงการของ พพ. ในโครงการที่ 1.1.3 การศึกษาประเมินและจัดทำแผนงาน วิจัยพลังงานทดแทน (Energy Storage) ตามกรอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี
8. ฝ่ายเลขานุการฯ มีข้อเสนอในการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ดังนี้
8.1 เนื่องจาก พพ. และ สนพ. มีงานบริหารเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานที่ต้องดำเนินงานต่อเนื่อง เช่น การเบิกจ่ายเงินให้หน่วยงาน โครงการ ตามข้อผูกพันสัญญาฯ การประสานหน่วยงาน โรงงาน อาคาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอนุรักษ์พลังงาน ฯลฯ จึงมีรายจ่ายประจำที่จำเป็นเพื่อการบริหารงานที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น ค่าจ้างพนักงานราชการ ค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมประชุมให้ความเห็น ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ งานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553
8.2 ขอแก้ไขข้อเสนอในระเบียบวาระเป็น งบประมาณ "โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน และด้านอนุรักษ์พลังงาน" เสนอพิจารณาอนุมัติไว้เป็นกรอบวงเงิน รวม 250 ล้านบาท ให้ผ่านการพิจารณากลั่นกรองของคณะทำงานที่ สนพ. แต่งตั้ง ก่อนเสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาเห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ ทั้งนี้ หากวงเงินที่ขอรับการสนับสนุนเกิน 50 ล้านบาท ให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบก่อนดำเนินโครงการต่อไป
8.3 งบประมาณรายจ่ายโครงการประชาสัมพันธ์ในแผนพลังงานทดแทนและแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เสนอพิจารณาอนุมัติไว้เป็นกรอบวงเงินแผนงานละ 350 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 700 ล้านบาท ให้ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน และให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผนงาน/งานเดียวกันได้ ทั้งนี้เมื่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เห็นชอบแล้ว ให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ต่อไป และให้กระทรวงพลังงานดำเนินการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ต่อไปด้วย
8.4 เพื่อให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ให้ สนพ. และ พพ. จัดส่งข้อมูลการดำเนินโครงการที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ 2554 พร้อมทั้งเอกสารรายงานที่ได้ตรวจรับแล้ว (ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์) ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทุก 4 เดือน เพื่อจัดส่งให้คณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน ใช้ในการติดตามประเมินผลโครงการต่อไป
มติที่ประชุม
1. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ เป็นจำนวน 2,614,335,136 บาท (สองพันหกร้อยสิบสี่ล้านสามแสนสามหมื่นห้าพันหนึ่งร้อยสามสิบหกบาทถ้วน) โดยแบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงินกองทุนฯ ดังนี้
2. เห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ งานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 โดยให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในหมวดต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
3. เห็นชอบให้งบประมาณ "โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน และด้านอนุรักษ์พลังงาน" ในวงเงินรวม 250 ล้านบาท ผ่านการพิจารณากลั่นกรองของคณะทำงานที่ สนพ. แต่งตั้ง ก่อนเสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาเห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ ทั้งนี้ หากวงเงินที่ขอรับการสนับสนุนเกิน 50 ล้านบาท ให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบก่อนดำเนินโครงการต่อไป
4. เห็นชอบให้งบประมาณโครงการประชาสัมพันธ์ในแผนพลังงานทดแทน 350 ล้านบาท และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 350 ล้านบาท ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน ก่อนเสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาเห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ ต่อไป และให้กระทรวงพลังงานดำเนินการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ด้วย
5. ให้ สนพ. และ พพ. จัดส่งข้อมูลการดำเนินโครงการที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ 2554 พร้อมทั้งเอกสารรายงานที่ได้ตรวจรับแล้ว (ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์) ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทุก 4 เดือน เพื่อจัดส่งให้คณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน ใช้ในการติดตามประเมินผลโครงการต่อไป
เรื่องที่ 2 เกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2554
1. คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 มีมติอนุมัติให้หน่วยงานต่างๆ ที่มีเงินนอกงบประมาณ ถือปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลเงินนอกงบประมาณด้วยการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามผลการดำเนินการ ซึ่งกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เป็นทุนหมุนเวียนที่เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงานตั้งแต่ปีบัญชี 2549 ซึ่งเป็นกลุ่มทุนหมุนเวียนเพื่อการสนับสนุนส่งเสริม
2. ร่างเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2554 ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ประชุมร่วมหารือระหว่างผู้ถูกประเมิน ประกอบด้วย ผู้แทนกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน และผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กับผู้ประเมิน คือ กรมบัญชีกลาง และบริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ทริส) เพื่อกำหนดตัวชี้วัดที่จะทำการประเมินที่เหมาะสม และสอดคล้องกับการดำเนินงานตามแผนการอนุรักษ์พลังงาน
3. กรมบัญชีกลาง (บก.) ได้มีหนังสือเรื่อง "การลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2554" เพื่อให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนเสนอประธานกรรมการกองทุนฯ ลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานฯ และส่งคืนกรมบัญชีกลางภายในวันที่ 7 มกราคม 2554
4. เกณฑ์การประเมินผลการดำเนินของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2554 ตามบันทึกข้อตกลงการประเมินผลฯ ระหว่างกระทรวงการคลังกับกองทุนฯ มีเกณฑ์วัดการดำเนินงาน 4 ด้าน 12 ตัวชี้วัด สรุปได้ดังนี้
1) ผลการดำเนินงานด้านการเงิน (ร้อยละ 15)
ตัวชี้วัดที่ 1.1 ร้อยละของงบประมาณที่มีการผูกพันสัญญาต่องบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากกองทุนฯ (ร้อยละ 10)
ตัวชี้วัดที่ 1.2 ค่าใช้จ่ายบริหารที่เกิดขึ้นจริงและผูกพันเทียบกับงบประมาณ (ร้อยละ 5)
2) ผลการดำเนินงานด้านปฏิบัติการ (ร้อยละ 40)
ตัวชี้วัดที่ 2.1 ร้อยละของจำนวนโครงการที่มีการทำสัญญาของแต่ละแผนงานต่อจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติทั้งหมดของแต่ละแผนงาน (ร้อยละ 15)
ตัวชี้วัดที่ 2.2 ร้อยละความสำเร็จของจำนวนโครงการที่ผูกพันและดำเนินงานได้ตามแผนภายในปีบัญชี 2554 ต่อจำนวนโครงการที่ผูกพันและมีแผนดำเนินงานภายในปีบัญชี 2554 (ร้อยละ 15)
ตัวชี้วัดที่ 2.3 การติดตามประเมินผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ (ร้อยละ 10)
3) การสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (ร้อยละ 15)
ตัวชี้วัดที่ 3.1 การจัดทำแผนการปรับปรุงการให้บริการจากผลสำรวจความพึงพอใจและการดำเนินงานตามแผนการปรับปรุง ประจำปีบัญชี 2553 (ร้อยละ 15)
4) การบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียน (ร้อยละ 30)
ตัวชี้วัดที่ 4.1 บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียน (ร้อยละ 5)
ตัวชี้วัดที่ 4.2 การบริหารความเสี่ยง (ร้อยละ 5)
ตัวชี้วัดที่ 4.3 การควบคุมภายใน (ร้อยละ 5)
ตัวชี้วัดที่ 4.4 การตรวจสอบภายใน (ร้อยละ 5)
ตัวชี้วัดที่ 4.5 การบริหารจัดการสารสนเทศ (ร้อยละ 5)
ตัวชี้วัดที่ 4.6 ความสำเร็จของแผนเพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับระบบการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล (ร้อยละ 5)
มติที่ประชุม
เห็นชอบเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2554 และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอประธานกรรมการลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2554 กับกระทรวงการคลังต่อไป
เรื่องที่ 3 การมอบอำนาจให้มีผู้แทนคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานดำเนินการแทนคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในการดำเนินคดีทางปกครอง
1. การกำหนดโครงสร้างของแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 1 (ในช่วงปี 2538-2542) และระยะที่ 2 (ในช่วงปี 2543-2547) คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯประกอบด้วย 3 แผนงาน ได้แก่ แผนงานภาคบังคับ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน
2. กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการดำเนินงานตามแผนงานภาคบังคับ ซึ่งในแผนงานดังกล่าว มีการกำหนดโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน เพื่อให้การสนับสนุนเจ้าของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ทั้งในด้านการวางแผนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการลงทุนเพื่อให้เป็นไปตามแผนดังกล่าว โดยโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมสามารถยื่นข้อเสนอต่อ พพ. เพื่อขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับใช้เป็น
(1) เงินช่วยเหลือให้เปล่าสำหรับทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย
(2) เงินอุดหนุนในการจัดทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานโดยละเอียด และรายงานการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ในวงเงินอุดหนุน 50% ของค่าใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย
(3) เงินลงทุนในการอนุรักษ์พลังงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในข้อ (2) ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการออกแบบทางวิศวกรรมด้วย โดยอุดหนุนไม่เกิน 60% ของเงินลงทุน และไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อมาตรการในแผนอนุรักษ์พลังงาน
ทั้งนี้ อาคารควบคุมของส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ กองทุนฯ จะให้ความช่วยเหลือในรูปของเงินให้เปล่าทั้งหมด (วงเงิน 100% ของค่าใช้จ่าย) ในการดำเนินการตามข้อ (1) (2) และ (3)
3. กฎกระทรวง ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2538) ออกตามความในพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 กำหนดให้เจ้าของอาคารควบคุมดำเนินการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน โดยต้องมอบหมายให้ที่ปรึกษาด้านการอนุรักษ์พลังงานที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับ พพ. เป็นผู้ช่วยดำเนินการให้
4. มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ได้เข้าร่วมโครงการโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน โดยในการดำเนินงานได้ว่าจ้าง ห้างหุ้นส่วนจำกัด คิวตรอน คอนซัลแตนท์ เป็นที่ปรึกษา เพื่อดำเนินงาน ดังนี้
(1) การจัดทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น ซึ่ง พพ. ได้ตรวจรายงานฉบับดังกล่าวแล้ว และเห็นว่า มหาวิทยาลัยฯ ได้ดำเนินการอย่างครบถ้วนและถูกต้องตามกฎหมายกำหนด พพ. จึงได้สนับสนับสนุนเงินกองทุนฯ เป็นเงินช่วยเหลือให้เปล่าให้กับมหาวิทยาลัยฯ ในวงเงิน 472,948 บาท
(2) การจัดทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานโดยละเอียด และรายงานการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ซึ่ง พพ. ได้ตรวจรายงานฉบับดังกล่าวแล้วเห็นว่า มหาวิทยาลัยฯ ได้ดำเนินการอย่างครบถ้วนและถูกต้องตามกฎหมายกำหนด แต่ พพ. ไม่สามารถสนับสนุนเงินกองทุนฯ เป็นเงินช่วยเหลือให้เปล่า ในวงเงิน 1,130,690.30 บาท ตามที่มหาวิทยาลัยฯ ขอมาได้ เนื่องจากคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2548 มีมติระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น การจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน และการลงทุนตามเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน แก่เจ้าของอาคารควบคุม ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2548 เป็นต้นไป
5. มติคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ที่ให้ระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ แก่เจ้าของอาคารควบคุม เป็นผลมาจากการประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ได้เห็นชอบแผนอนุรักษ์พลังงาน แนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ระยะที่ 3 (ในช่วงปี 2548-2554) ภายในวงเงินรวม 28,826 ล้านบาท ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของแผนอนุรักษ์พลังงาน เป็น 3 แผนงาน คือ แผนพลังงานทดแทน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ คณะกรรมการกองทุนฯ จึงได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการใช้เงินกองทุนฯ โดยการลดการช่วยเหลือเจ้าของโรงงานและอาคารควบคุม ทั้งในด้านการวางแผน และการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน รวมถึงการดำเนินงานที่เป็นหน้าที่และภารกิจของอาคารควบคุมที่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ก็ให้จัดสรรงบดำเนินการจากเงินงบประมาณเป็นหลักก่อน ทั้งนี้ ในการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานฯ ระยะที่ 3 คณะกรรมการกองทุนฯ ได้กำหนดให้คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ มีอำนาจปรับปรุงแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และการจัดสรรเงินตามแผนงานต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ภายในวงเงินรวมดังกล่าว
6. คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2548 จึงได้มีมติระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม โดยแจ้งให้ พพ. ทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
(1) ให้ระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำรายงาน การตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานเบื้องต้น การจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน และการลงทุนตามเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2537 และ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2539 แก่เจ้าของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2548 เป็นต้นไป
(2) ให้เจ้าของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่ได้ดำเนินการตามกฎกระทรวงฉบับเดิม และ พพ. ได้รับรายงานก่อนวันที่คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ให้ความเห็นชอบการระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม สามารถขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ฉบับเดิม โดยการอนุมัติเงินสนับสนุนดังกล่าวของปีงบประมาณ 2548 ให้ใช้เงินกองทุนฯ แผนงานเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานส่งเสริมและสาธิต
(3) ให้ยกเลิกการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการลงทุนตามเป้าหมายและแผนฯ ที่เจ้าของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมขอรับการสนับสนุนฯ ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2537 และ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2539 เฉพาะในส่วนที่ยังไม่ได้รับแจ้งการอนุมัติค่าใช้จ่ายจาก พพ.
7. พพ. จึงได้ออกประกาศกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ลงวันที่ 1 เมษายน 2548 เรื่อง ระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ ของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม ตามมติคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ดังกล่าว เพื่อแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบโดยทั่วกัน
8. เนื่องจาก มหาวิทยาลัยฯ ไม่สามารถจัดหางบประมาณ ในวงเงิน 1,130,690.30 บาท เพื่อมาจ่ายให้ ห้างหุ้นส่วนจำกัด คิวตรอน คอนซัลแตนท์ เป็นค่าจ้างสำหรับการจัดทำรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานโดยละเอียด และรายงานการจัดทำเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงานได้ ห้างหุ้นส่วนจำกัด คิวตรอน คอนซัลแตนท์ จึงได้ยื่นฟ้อง มหาวิทยาลัยฯ ต่อศาลจังหวัดพิษณุโลก ตามคดีหมายเลขดำที่ 1346/2548 ให้ มหาวิทยาลัยฯ จ่ายเงินตามสัญญาจ้างดำเนินงานดังกล่าว แต่เนื่องจากสัญญาจ้างนี้เป็นสัญญาที่เกี่ยวกับการให้บริการสาธารณะ จึงเป็นคดีปกครองอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลปกครองจังหวัดพิษณุโลก คดีดังกล่าวจึงโอนจากศาลจังหวัดพิษณุโลกไปยังศาลปกครองพิษณุโลก
9. ห้างหุ้นส่วนจำกัด คิวตรอน คอนซัลแตนท์ ได้ยื่นฟ้องมหาวิทยาลัยฯ ต่อศาลปกครองพิษณุโลก ตามคดีหมายเลขดำที่ 34/2550 ซึ่งการพิจารณาคดีได้ดำเนินการต่อเนื่อง จนมีผลให้หน่วยงานของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 3 หน่วยงาน ได้แก่ มหาวิทยาลัยฯ เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 กระทรวงการคลัง เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และ พพ. เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3
10. ศาลปกครองพิษณุโลกได้มีคำสั่งเรียกมายังคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ทำคำชี้แจงต่อศาลปกครองพิษณุโลก ตามคำสั่งเรียกให้ทำการชี้แจง ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2553 โดยกำหนดให้คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ทำคำชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม แต่เนื่องจากคณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2548 ได้มีมติเห็นชอบให้ยกเลิกคำสั่งคณะกรรมการกองทุนฯ ที่ 1/2547 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2547 สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ จึงได้จัดทำคำชี้แจงในประเด็นดังกล่าวเสนอต่อศาลปกครองพิษณุโลก
11. ศาลปกครองพิษณุโลก ได้มีคำสั่งเรียกมายังคณะกรรมการกองทุนฯ ให้เข้ามาเป็นคู่กรณีและทำคำให้การแก้คำฟ้องต่อศาลปกครองพิษณุโลก ตามคำสั่งเรียกให้เข้ามาเป็นคู่กรณีและให้ทำคำให้การ ลงวันที่ 12 มกราคม 2554 โดยมีประเด็นตามคำขอท้ายคำฟ้องของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด คิวตรอน คอนซัลแตนท์ ที่ศาลปกครองพิษณุโลกกำหนดให้คณะกรรมการกองทุนฯ ยื่นตอบ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำสั่งนี้ รวมทั้งสิ้น 3 ประเด็น ประกอบด้วย
(1) การประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการใช้เงินกองทุนฯ โดยลดการช่วยเหลือเจ้าของโรงงานและอาคาร ทั้งในการวางแผนและการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน รวมถึงการดำเนินงานที่เป็นหน้าที่และภารกิจของหน่วยงานใดก็ให้จัดสรรงบดำเนินการจากเงินงบประมาณเป็นหลักก่อน ในเรื่องดังกล่าว คณะกรรมการกองทุนฯ ได้แจ้งมติให้ พพ. หรือผู้เกี่ยวข้องทราบหรือไม่ และเมื่อใด
(2) การประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2548 ได้ระงับการสนับสนุนเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม ในเรื่องดังกล่าว คณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานใช้ดุลพินิจในการมีมติดังกล่าวจากข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงอย่างไร การระงับการสนับสนุนเงินกองทุนเช่นนี้ เป็นการยกเว้นระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการขอจัดสรร ขอเงินช่วยเหลือ หรือขอเงินอุดหนุนจากกองทุน ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2537 และฉบับที่ 2 พ.ศ. 2539 หรือไม่ และได้นำมตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด หากไม่ได้ประกาศ เพราะเหตุใด
(3) มติคณะกรรมการกองทุนฯ ที่จะต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 28 (3) และ (9) มีหลักเกณฑ์อย่างไร และมติการประชุมครั้งที่ 1/2548 เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2548 ที่ระงับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม ถือเป็นการกำหนดที่จะต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือไม่ เพราะเหตุใด
12. ศาลปกครองพิษณุโลกได้ระบุในคำสั่งศาลให้คณะกรรมการกองทุนฯ เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ในการดำเนินการจัดทำคำให้การแก้คำฟ้องและประเด็นที่ศาลกำหนด คณะกรรมการกองทุนฯ จะต้องมีมติมอบหมายให้มีผู้แทนคณะกรรมการกองทุนฯ ที่มีอำนาจทำการแทนคณะกรรมการกองทุนฯ ในการลงนามในใบมอบอำนาจและเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อแต่งตั้งพนักงานอัยการดำเนินการแทนคณะกรรมการกองทุนฯ ในการจัดทำคำให้การแก้คำฟ้องและประเด็นต่างๆ ตามที่ศาลกำหนด ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเสนอให้คณะกรรมการกองทุนฯ มอบอำนาจให้ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ในฐานะกรรมการและเลขานุการ เป็นผู้แทนคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับคดีนี้
มติที่ประชุม
มอบอำนาจให้ ผอ.สนพ. มีอำนาจทำการแทนคณะกรรมการกองทุนฯ ในคดีที่ศาลปกครองพิษณุโลกมีคำสั่งเรียกมาดังกล่าว ในการลงนามในใบมอบอำนาจและเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อแต่งตั้งพนักงานอัยการดำเนินการแทนคณะกรรมการกองทุนฯ ในการจัดทำคำให้การแก้คำฟ้องและประเด็นที่ศาลกำหนด รวมทั้งให้มีอำนาจให้ถ้อยคำหรือข้อเท็จจริงใดๆ ยื่นคำคัดค้าน หรือยื่นคำให้การต่อสู้คดีทั้งปวง ตลอดจนมีอำนาจดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีไปในทางจำหน่ายสิทธิได้ เช่น การยอมรับตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง การถอนฟ้อง การประนีประนอมยอมความ การสละสิทธิหรือใช้สิทธิในการอุทธรณ์หรือฎีกา หรือการขอให้พิจารณาคดีใหม่ ให้มีอำนาจรับเงินหรือเอกสาร หรือสิ่งของอื่นใดคืนจากศาล เจ้าพนักงาน หรือบุคคลอื่นแทนคณะกรรมการกองทุนฯ ได้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งตัวแทนช่วงคนหนึ่ง หรือหลายคน โดยให้มีอำนาจหน้าที่ดังกล่าวทั้งปวงด้วย
กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน เมษายน 2554
- กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน เมษายน 2554 (1345 Downloads)
กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน มีนาคม 2554
- กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน มีนาคม 2554 (1349 Downloads)
อนุ กอ. ครั้งที่ 25 - วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2554
มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 1/2554 (ครั้งที่ 25)
วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2554 เวลา 14.00 น.
ณ ห้องประชุม 5 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ อาคารบี
1. รายงานผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2553
2. การขอขยายระยะเวลาโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว จำนวน 15 โครงการ
3. การขอรับคืนหุ้นจำนวน 34,200 หุ้น ของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ถือในนามกระทรวงการคลัง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน)
4. การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
5. การแต่งตั้งคณะทำงานจัดทำแผนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559
นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานอนุกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน อนุกรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 รายงานผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2553
1. "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ได้เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนของกรมบัญชีกลาง (บก.) โดยมีประธานกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เป็นผู้ลงนาม ในบันทึกข้อตกลงการประเมินทุนหมุนเวียน (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน) ประจำปีบัญชี 2553 กับกระทรวงการคลัง
2. บก. ได้มีหนังสือรายงานผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2553 โดยภาพรวมอยู่ในระดับ 3.8121 คะแนน ได้เป็นไปตามเกณฑ์ในบันทึกข้อตกลง ซึ่งสรุปผลการประเมินได้ ดังนี้
1) ผลการดำเนินงานด้านการเงิน (ร้อยละ 15)
ตัวชี้วัดที่ 1.1 ร้อยละของงบประมาณที่มีการผูกพันสัญญาต่องบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากกอง ทุนฯ ผลการดำเนินงานอยู่ในระดับร้อยละ 99.84 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 4.9680
ตัวชี้วัดที่ 1.2 ค่าใช้จ่ายบริหารที่เกิดขึ้นจริงและผูกพันเทียบกับงบประมาณ ผลการดำเนินงาน อยู่ในระดับร้อยละ 80.56 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 3.2211
2) ผลการดำเนินงานด้านปฏิบัติการ (ร้อยละ 35)
ตัวชี้วัดที่ 2.1 ร้อยละของจำนวนโครงการที่มีการทำสัญญาของแต่ละแผนงานต่อจำนวนโครงการที่ได้ รับอนุมัติทั้งหมดของแต่ละแผนงาน ผลการดำเนินงานโดยรวมเฉลี่ยอยู่ที่ระดับคะแนน 4.1466
โดยแบ่งเป็น 3 ประเภทแผนงาน ดังนี้
(1) แผนพลังงานทดแทน อยู่ในระดับร้อยละ 97.44 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 4.4880
(2) แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน อยู่ในระดับร้อยละ 94.59 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 3.9180
(3) แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ อยู่ในระดับร้อยละ 100.00 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 5.0000
ตัวชี้วัดที่ 2.2 ร้อยละความสำเร็จของจำนวนโครงการที่ผูกพันและดำเนินงานได้ตามแผนภายในปี บัญชี 2553 ต่อจำนวนโครงการที่ผูกพันและมีแผนดำเนินงานภายในปีบัญชี 2553 ผลการดำเนินงานโดยรวมเฉลี่ยอยู่ที่ระดับคะแนน 4.9225 โดยแบ่งเป็น 3 ประเภทแผนงาน ดังนี้
(1) แผนพลังงานทดแทน อยู่ในระดับร้อยละ 100.00 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 5.0000
(2) แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน อยู่ในระดับร้อยละ 99.39 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 4.8780
(3) แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ อยู่ในระดับร้อยละ 100.00 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 5.0000
3) การสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (ร้อยละ 10)
ตัวชี้วัดที่ 3.1 การสำรวจความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ประจำปีบัญชี 2553 จากผลการสำรวจฯ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีระดับความพึงพอใจจากการใช้บริการของกองทุนฯ เฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 60.00 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 1.0000
ตัวชี้วัดที่ 3.2 การจัดทำแผนการปรับปรุงการให้บริการจากผลสำรวจความพึงพอใจและดำเนินการตาม แผนฯ ประจำปีบัญชี 2553 ไม่สามารถจัดทำแผนการปรับปรุงการให้บริการได้แล้วเสร็จ ภายใน 30 กันยายน 2553 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 1.0000
4) การบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียน (ร้อยละ 40)
ตัวชี้วัดที่ 4.1 การดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการประจำปีบัญชี 2553 ได้ดำเนินงานตามกิจกรรมในแผนปฏิบัติการสำเร็จ ร้อยละ 87.50 ส่งผลให้การดำเนินงานอยู่ที่ระดับคะแนน 2.5000
ตัวชี้วัดที่ 4.2 การติดตามประเมินผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์ พลังงาน ได้ดำเนินการนำเสนอรายงานการติดตามประเมินผลลัพธ์ฯ และได้รับความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2553 ส่งผลให้การดำเนินงานโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับคะแนน 5.0000
ตัวชี้วัดที่ 4.3 บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียน มีผลการดำเนินงานโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับคะแนนเท่ากับ 2.3600 ทั้งนี้ พิจารณาจากประเด็นหลักที่สำคัญ 4 ด้าน คือ
(1) การจัดให้มีทิศทาง แผนยุทธศาสตร์ และแผนปฏิบัติการประจำปี มีผลการดำเนินงาน ในระดับคะแนน 2.8667 จากรายละเอียดดังนี้
การกำหนดทิศทางยุทธศาสตร์ และเป้าประสงค์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์จัดตั้งและพันธกิจของทุนหมุนเวียน อยู่ในระดับคะแนน 5.0000
การจัดให้มีแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการประจำปีที่มีคุณภาพและระบุองค์ประกอบสำคัญครบถ้วน อยู่ในระดับคะแนน 5.0000
การให้ความเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์ อยู่ในระดับคะแนน 1.0000
การให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการประจำปี อยู่ในระดับคะแนน 1.0000
(2) การติดตามระบบการบริหารจัดการและผลการปฏิบัติงานตามภารกิจของทุนหมุนเวียน มีผลการดำเนินงานในระดับคะแนน 1.0000
(3) การจัดให้มีระบบประเมินผลผู้บริหารระดับสูงของทุนหมุนเวียน มีผลการดำเนินงานในระดับคะแนน 1.0000
(4) การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มีผลการดำเนินงานในระดับคะแนน 5.0000
ตัวชี้วัดที่ 4.4 การควบคุมภายใน มีผลการดำเนินงานโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับคะแนนเท่ากับ 4.7000 โดยพิจารณาจากประเด็นหลักที่สำคัญ 3 ด้าน คือ
(1) การจัดให้องค์กรมีสภาพแวดล้อมการควบคุมภายในที่ครบถ้วนเพียงพอ มีผลการดำเนินงานในระดับคะแนน 4.2500 จากรายละเอียด ดังนี้
ระบบข้อร้องเรียน โดยจัดทำรายงานสรุปเกี่ยวกับข้อร้องเรียนภายในองค์กรนำเสนอผู้บริหารขององค์กร อยู่ในระดับคะแนน 3.0000
การสอบทานและผลการสอบทาน กรณีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ อยู่ในระดับคะแนน 5.0000
การกำหนดขอบเขตระดับของอำนาจในการอนุมัติที่ชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรและสื่อสารให้พนักงานทราบทั้งองค์กร อยู่ในระดับคะแนน 5.0000
(2) การจัดให้มีกิจกรรมการควบคุมภายในที่ดี มีผลการดำเนินงานในระดับคะแนน 5.0000 จากรายละเอียด ดังนี้
ผู้บริหารสูงสุดและผู้บริหารระดับรองมีการสอบทานรายงานทางการเงิน อยู่ในระดับคะแนน 5.0000
ผู้บริหารสูงสุดและผู้บริหารระดับรองมีการสอบทานรายงานที่ไม่ใช่การเงิน อยู่ในระดับคะแนน 5.0000
(3) การติดตามผลและประเมินผล มีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับคะแนน 5.0000
ตัวชี้วัดที่ 4.5 การตรวจสอบภายใน มีผลการดำเนินงานโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับคะแนนเท่ากับ 5.0000 โดยพิจารณาจากประเด็นหลักที่สำคัญ 2 ด้าน คือ
(1) การปฏิบัติงานตรวจสอบภายใน อยู่ในระดับคะแนน 5.0000
(2) การปฏิบัติตามข้อเสนอแนะที่ระบุในรายงานผลการตรวจสอบ อยู่ในระดับคะแนน 5.0000
ข้อสังเกต/ข้อเสนอแนะของที่ประชุม
1. ประธานอนุกรรมการฯ เห็นว่าผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ในบางตัวชี้วัดมีคะแนนในระดับที่ต่ำ จึงให้ฝ่ายเลขานุการฯ ชี้แจงถึงสาเหตุของการดำเนินงานตามตัวชี้วัดเหล่านั้น ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้ชี้แจง ที่ประชุมทราบว่า ผลการดำเนินงานที่ได้รับคะแนนต่ำ ได้แก่ ตัวชี้วัดในด้านการสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งมีคะแนนอยู่ที่ระดับ 1.0 เป็นผลมาจากระดับความพึงพอใจจากการใช้บริการของกองทุนฯ ของผู้ มีส่วนได้ ส่วนเสียต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ และความล่าช้าในการจัดทำแผนการปรับปรุงการให้บริการ ซึ่งประธานอนุกรรมการฯ ให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดทำแผนการปรับปรุงการดำเนินงานดังกล่าวและให้นำเสนอคณะอนุกรรมการฯ เพื่อทราบในการประชุมครั้งต่อไป
2. นายพรายพล คุ้มทรัพย์ เห็นควรให้ฝ่ายเลขานุการฯ ชี้แจงผลการดำเนินงานในตัวชี้วัดที่มีระดับผลคะแนนต่ำกว่า 3 พร้อมแผนการปรับปรุงการดำเนินงานที่ชัดเจน
3. ประธานอนุกรรมการฯ ให้ฝ่ายเลขานุการฯ แจ้งผลการประเมินกองทุนฯ ในตัวชี้วัดที่มีระดับ ผลคะแนนต่ำกว่า 3 ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน รับทราบและร่วมกันพิจารณาปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานให้ดีขึ้นต่อไป
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2553 และให้ฝ่ายเลขานุการฯ ฯ จัดทำแผนการปรับปรุงการดำเนินงานในตัวชี้วัดที่มีระดับผลคะแนนต่ำกว่า 3 และเสนอคณะอนุกรรมการฯ เพื่อทราบในการประชุมครั้งต่อไป
เรื่องที่ 2 การขอขยายระยะเวลาโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว จำนวน 15 โครงการ
1. สืบเนื่องจากการประชุมคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2553 ที่ประชุมได้พิจารณาการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการจากที่คณะกรรมการกอง ทุนฯ ได้พิจารณาและอนุมัติไว้แล้ว และมีมติมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ พิจารณาทบทวนและหารือร่วมกับปลัดกระทรวงพลังงาน ในการขอขยายระยะเวลาโครงการ (ลำดับที่ 29-43) ซึ่งเป็นกลุ่มของโครงการที่สิ้นสุดระยะเวลานานแล้ว แต่ยังไม่ได้ปรับแผนขอขยายเวลาในช่วงที่ผ่านมา จำนวน 15 โครงการ ให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2553 และให้เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาต่อไป
2. ระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2553 หมวด 3 ข้อ 26 กำหนดว่า "การเปลี่ยนแปลงรายการ ระยะเวลาดำเนินการ ไปจากรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนได้อนุมัติไว้แล้ว โดยไม่เกินวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนจัดสรรให้ จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะอนุกรรมการกองทุนก่อน จึงจะเปลี่ยนแปลงได้
3. ฝ่ายเลขานุการฯ ร่วมกับปลัดกระทรวงพลังงาน (ปพน.)ได้พิจารณาการขอขยายระยะเวลาโครงการ จำนวน 15 โครงการแล้ว เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2554 และที่ประชุมมีความเห็น สรุปได้ดังนี้
1) เห็นชอบให้กลุ่มโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 5 โครงการ ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการได้ โดยให้แสดงเหตุผลในการขอขยายระยะเวลาที่ชัดเจน ดังนี้
(1) โครงการส่งเสริมการใช้ระบบขนส่ง มวลชน Park & Ride
(2) โครงการส่งเสริมการแปรรูปขยะเป็นน้ำมัน เทศบาลเมืองวารินชำราบ
(3) โครงการส่งเสริมการแปรรูปขยะเป็นน้ำมัน เทศบาลนครพิษณุโลก
(4) สัญญาซื้อขายปรับปรุงสถานีสำรวจศักยภาพพลังงานลม (จัดซื้อและติดตั้งเครื่องวัดลมและบันทึกข้อมูลพร้อมอุปกรณ์ประกอบ)
(5) โครงการปรับปรุงระบบการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในอาคารและโรงงานควบคุม (Feedback Report) ภายใต้พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
2) กลุ่มโครงการที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ จำนวน 10 โครงการ เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการได้ 8 โครงการ ดังนี้
(1) โครงการส่งเสริมการแปรรูปขยะเป็นน้ำมัน ในส่วนบริหารโครงการและติดตามประเมินผล
(2) โครงการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานด้วยไบโอดีเซลชุมชน (โครงการตรวจสอบการดำเนินงานโครงการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานด้วยไบโอดีเซลชุมชน)
(3) โครงการศูนย์ทดสอบมาตรฐานอุปกรณ์ระบบทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์
(4) โครงการการส่งเสริมพลังงานจากขยะชุมชน (ว่าจ้างที่ปรึกษาพัฒนาระบบผลิตพลังงานสำหรับเทศบาลที่มีขยะ 5-10 ตัน/วัน และ 10-50 ตัน/วัน)
(5) โครงการวิจัย สาธิต สนับสนุนระบบผลิตจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier (ว่าจ้างวิจัย สาธิตระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier ขนาด 400 กิโลวัตต์)
(6) โครงการวิจัย สาธิต สนับสนุนระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier (ว่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมการติดตั้งทดสอบและรายงานผลระบบ Gasifier แบบ Three Stages ขนาด 100 กิโลวัตต์ จำนวน 4 แห่ง)
(7) โครงการวิจัย สาธิต สนับสนุนระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier (ค่าจัดซื้อและติดตั้งระบบ Gasifier พร้อม Gas Engine เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 100 กิโลวัตต์ จำนวน 4 แห่ง)
(8) โครงการสาธิตพัฒนาพลังงานลมเพื่อผลิตไฟฟ้า (ค่าจัดหาติดตั้งเสาวัดลมขนาดเสาสูง 100 เมตร)
3) ให้ พพ. ดำเนินการยกเลิกโครงการส่งเสริมการใช้เตาหุงต้มและเตาชีวมวลประสิทธิภาพสูง เนื่องจากเป็นการจ้างที่ปรึกษาเพื่อจัดสรรเตาให้กลุ่มเป้าหมาย แต่ไม่มีปริมาณเตาให้ที่ปรึกษาฯ ไปดำเนินการต่อได้ ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะต้องขยายระยะเวลาของโครงการนี้ และให้ยกเลิกโครงการวิจัยพัฒนาประสิทธิภาพระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier เนื่องจากเป็นโครงการที่ต้องดำเนินการต่อเนื่องจากโครงการฯ ว่าจ้าง วิจัย สาธิตระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier ขนาด 400 กิโลวัตต์ ซึ่งยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ จึงไม่มีเหตุผลสมควรในการขยายระยะเวลาโครงการดังกล่าว
4) สำหรับโครงการวิจัย สาธิต สนับสนุนระบบผลิตจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier (ว่าจ้างวิจัย สาธิตระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier ขนาด 400 กิโลวัตต์) เห็นควรให้ พพ. กำกับดูแลโครงการให้แล้วเสร็จ ภายในระยะเวลาที่ขอขยายโครงการฯ
5) ปพน. เห็นควรให้ทั้ง พพ. และ สนพ. มีการกำกับดูแลโครงการที่ได้รับการจัดสรรอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินโครงการสัมฤทธิ์ผลภายในระยะเวลาดำเนินงานที่เสนอขอรับการ สนับสนุนจากกองทุนฯ
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว มีความเห็น สรุปได้ดังนี้
1. เห็นว่าเป็นกลุ่มโครงการที่หน่วยงานได้รับจัดสรรทุนแจ้งเรื่องขอขยาย ระยะเวลาเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการดำเนินโครงการแล้ว และตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2553 ข้อ 26 มิได้กำหนดให้คณะอนุกรรมการฯ มีอำนาจหน้าที่ ในการพิจารณาอนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการย้อนหลัง ดังนั้นจึงเห็นควรให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเรื่องดังกล่าวหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาและให้ความเห็น ในการอนุมัติให้หน่วยงานขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการย้อนหลัง ตามบทบาทหน้าที่ของคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ต่อไป
2. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง เห็นว่า การพิจารณาเรื่องดังกล่าวอยู่ในดุลยพินิจของคณะอนุกรรมการกองทุนฯ และได้มีข้อเสนอแนะว่า หากไม่ขยายระยะเวลาของโครงการ แต่เปลี่ยนเป็นการทำเรื่องขอเบิก-จ่ายเงิน โดยใช้งบประมาณในปี 2554 เพื่อนำไปจ่ายในส่วนที่เหลือของโครงการ ก็น่าจะเป็นไปได้ ทั้งนี้ อาจจะต้องเสนอเรื่องการเบิกจ่ายเงินให้คณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา เนื่องจากเป็นเงินงบประมาณที่อยู่นอกเหนือจากการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานในปี 2554 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้แล้ว
3. ปลัดกระทรวงพลังงาน ได้ชี้แจงว่า ในการพิจารณาการขอขยายระยะเวลาโครงการ จำนวน 15 โครงการ ร่วมกับฝ่ายเลขานุการฯ เป็นการพิจารณาตามข้อ 26 ของระบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินฯ พ.ศ. 2553 ที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ โดยโครงการที่พิจารณาจะเป็นโครงการ ที่อนุมัติแล้วในปี 2551-2552 ซึ่งหากดำเนินการยังไม่แล้วเสร็จจะต้องดำเนินการตามข้อ 18 ของระเบียบ จึงจะขยายระยะเวลาโครงการต่อไปได้
มติที่ประชุม
ให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเรื่องดังกล่าวหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาและให้ความเห็น ในการอนุมัติให้หน่วยงานขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการย้อนหลัง ตามบทบาทหน้าที่ของคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ต่อไป ซึ่งหากไม่สามารถดำเนินการได้จะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างไร
เรื่องที่ 3 การขอรับคืนหุ้นจำนวน 34,200 หุ้น ของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ถือในนามกระทรวงการคลัง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน)
1. กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้ให้การสนับสนุนการศึกษาวิจัยแก่ บริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ในการดำเนิน "โครงการต้นแบบการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี Vanadium Redox Flow" สำหรับการลดภาระกำลังไฟฟ้าสูงสุด การผลิตไฟฟ้าผสมผสานขนาดเล็ก รถประจำทางไฟฟ้า และเซลล์เชื้อเพลิงคาร์โบไฮเดรท ในวงเงิน 175 ล้านบาท มีระยะเวลาตั้งแต่ 30 มีนาคม 2549 - 29 กรกฎาคม 2550 และ พพ. ได้ว่าจ้างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นที่ปรึกษาฯ โดยร่วมกับผู้ชำนาญการจากมหาวิทยาลัยของรัฐในประเทศ เพื่อติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลโครงการให้ พพ. และรับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากบริษัทฯ ในวงเงิน 25 ล้านบาท ตามสัญญาว่าจ้างฯ เลขที่ 67/49 โดยมีระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่ 30 มีนาคม 2549-29 ตุลาคม 2550
2. พพ. ได้ยกเลิกสัญญาสนับสนุนบริษัทเซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2552 เนื่องจากบริษัทฯ ทำงานล่าช้าและไม่ทำการปรับปรุงผลงานงวดที่ 1 ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบจาก สวทช. และไม่เป็นไปตามสัญญาฯ
3. พพ. และ สวทช. ได้ปรับลดวงเงินว่าจ้างตามสัญญาจาก 25 ล้านบาท เหลือ 3,461,487.60 บาท เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2553 และขณะนี้รอให้ สวทช. ส่งงานงวดสุดท้ายให้ พพ.
4. ในสัญญาสนับสนุนฯ ระหว่าง พพ. และ บริษัทฯ ได้ระบุว่าบริษัทฯ ได้บริจาคหุ้นให้เป็นกรรมสิทธิแก่กระทรวงการคลัง (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน) ได้แก่ หุ้นของบริษัทฯ และหุ้นของบริษัทฯ ในเครือ จำนวน 3 บริษัท อันเป็นหุ้นที่ได้มีการชำระเต็มมูลค่าแล้ว ดังนี้ (1) หุ้นของบริษัท Squirrel Holdings Ltd. จำนวน 330 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 330 เหรียญสหรัฐ (2) หุ้นของบริษัท Cellennium USA., Inc จำนวน 50 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 50 เหรียญสหรัฐ และ (3) หุ้นของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 34,200 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 3,420,000 บาท โดยคิดราคาหุ้นตามที่บริษัทฯ แจ้งไว้ ณ เดือนกันยายน 2548 ซึ่งเมื่อยกเลิกสัญญาฯ บริษัทฯ ได้ทำหนังสือขอคืนหุ้น ซึ่ง พพ. ได้ทำหนังสือขอทราบความเหมาะสมจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อส.) เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการรับบริจาคและการบริหาร จัดการหุ้นและช่วยตรวจร่างสัญญาสนับสนุนฯ ให้กับ พพ.
5. อส. ได้มีหนังสือที่แจ้งผลการหารือของ พพ. สรุปได้ว่า ตามสัญญาสนับสนุนฯ หุ้นที่บริษัทบริจาคให้แก่กองทุนฯ นั้น เป็นสมบัติของกองทุนฯ นับแต่วันที่บริษัทฯ ได้โอนให้กับกองทุนฯ ซึ่งคือวันที่ลงนาม ในสัญญาฯ
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว มีข้อคิดเห็น ดังนี้
1. ประธานอนุกรรมการกองทุนฯ ได้สอบถามผู้แทน พพ. ในการมอบหุ้นของบริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ให้แก่กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ถือเป็นเงื่อนไขในสัญญาหรือเป็นการให้โดยเสน่หา ซึ่งหากการมอบหุ้นเป็นเงื่อนไขในสัญญา เมื่อสัญญาสิ้นสุดก็ควรที่จะคืนหุ้นแก่บริษัทฯ ต่อไป
2. นายพรายพล คุ้มทรัพย์ ได้พิจารณาสัญญาสนับสนุนระหว่าง พพ. กับ บริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด แล้ว เห็นว่าข้อ 17 มีข้อความที่ระบุว่า "หากปรากฏในภายหลังว่าการโอนหุ้นดังกล่าว ในวรรคก่อนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนไม่มีผลโดยสมบูรณ์ เป็นเหตุให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานไม่ได้รับกรรมสิทธิ์ใน หุ้นดังกล่าว ให้ถือว่าผู้วิจัยปฏิบัติผิดสัญญา" จึงถือว่าการให้หุ้นดังกล่าวเป็นเงื่อนไข ในสัญญา นอกจากนี้ ยังเห็นว่าควรระมัดระวังในการใช้ภาษาให้ถูกต้องและเหมาะสม เนื่องจากในสัญญาไม่ได้ระบุว่าเป็นการบริจาคหุ้นให้กองทุนฯ แต่เจตนารมย์ของการให้หุ้นถือว่าเป็นการต่างตอบแทน ดังนั้น เมื่อสัญญาสิ้นสุด ก็ควรคืนหุ้นกลับคืนไปที่บริษัทฯ
3. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ได้สอบถามผู้แทน พพ. เรื่องการเลิกสัญญาตามที่ระบุไว้ในข้อ 13 ซึ่งกำหนดว่า "กรมสงวนสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญานี้ทั้งหมดหรือบางส่วน โดยหากมีเหตุอันเชื่อได้ว่าผู้วิจัย ไม่สามารถดำเนินการโครงการให้แล้วเสร็จ หรือผลการวิจัยไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ หรือผู้วิจัยมิได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้หรือพบว่าผู้ วิจัยนำข้อเสนอโครงการเดียวกับที่นำเสนอภายใต้สัญญานี้ ไปยื่นขอรับการสนับสนุนจากแหล่งทุนอื่นภายในระยะเวลาของสัญญานี้ เพื่อดำเนินงานในลักษณะเดียวกันโดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร จากกรมก่อน และในทุกกรณีดังกล่าวหากผู้วิจัยมิได้ดำเนินการแก้ไขภายใน 30 (สามสิบ) วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากกรมเป็นลายลักษณ์อักษร กรมมีสิทธฺบอกเลิกสัญญาได้ทันที ทั้งนี้ การวินิจฉัยของกรมถือเป็นเด็ดขาดโดยผู้วิจัยไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย ค่าชดเชย หรือเงิน อื่นใดในทำนองเดียวกันจากกรมรวมทั้งจะพิจารณาให้เป็นผู้ทิ้งงานตามระเบียบ ของทางราชการ..." นั้น พพ. ได้ดำเนินการพิจารณาให้เป็นผู้ทิ้งงานหรือไม่ รวมทั้งได้พิจารณาว่าการที่บริษัทฯ ดำเนินงานไม่แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์นั้น มีค่าเสียหายเกิดขึ้นหรือไม่ ก่อนที่จะคืนหลักค้ำประกันให้แก่บริษัทฯ รวมถึงการเบิกจ่ายเงินให้ สวทช. ว่าจะรวมเป็นค่าเสียหายที่เกิดขึ้นหรือไม่ แม้ว่าอัยการสูงสุดจะเห็นว่าไม่ถูกรวมเป็นค่าเสียหาย เนื่องจากไม่ได้ถูกระบุไว้ในข้อที่ 18 หรือในสัญญานี้ แต่อย่างไรก็ตาม เป็นข้อสังเกตไว้ว่า ควรจะถือว่าเป็นอุทาหรณ์ในการทำสัญญาลักษณะเดียวกันนี้ในการดำเนินโครงการ ต่อไปว่าควรคำนึงถึงประเด็นต่างๆ ข้างต้น
4. ผู้แทน พพ. ได้ชี้แจงว่า จากนโยบายที่ พพ. ต้องการสนับสนุนให้มีความร่วมมือระหว่างหน่วยงานราชการกับภาคเอกชนในการ วิจัยพัฒนาเทคโนโลยีพลังงาน ดังนั้น การทำสัญญากับเอกชนในครั้งนี้ จึงแตกต่างจากการทำสัญญาจ้างทั่วไปกับเอกชนรายอื่น เนื่องจากเป็นการสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน ในการถ่ายทอดองค์ความรู้จากภาคเอกชนสู่หน่วยงานราชการ ประกอบกับภาครัฐเองมิได้มีเจตนาที่จะแสวงหารายได้จากภาคเอกชน แต่มุ่งเน้นการส่งเสริมสนับสนุนมากกว่าการได้รับประโยชน์ และการให้ความเป็นธรรมกับภาคเอกชนในเรื่องนี้ จึงไม่ได้ดำเนินการพิจารณาให้เป็นผู้ละทิ้งงานและไม่คิดค่าเสียหายที่เกิด จากการที่บริษัทฯ ดำเนินงานไม่แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ตามที่ผู้แทนกรมบัญชีกลางได้ตั้งข้อสังเกตไว้
5. ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้มีข้อสังเกตว่า เมื่อเกิดความขัดแย้งในผลการวิจัยระหว่าง สวทช. และ บริษัทฯ จะมีผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาช่วยในการพิจารณาหรือไม่ เนื่องจากองค์ความรู้ในเรื่องแบตเตอรี่เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การใช้ พลังงานของโลกเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งผู้แทน พพ. ได้ชี้แจงว่า สวทช. มีผู้เชี่ยวชาญและไม่ได้รับผลประโยชน์จากบริษัทฯ ประกอบกับไม่มีความขัดแย้งใดๆ กับบริษัทฯ จึงเชื่อว่า สวทช. จะให้ความเห็นที่เป็นกลาง
6. ประธานอนุกรรมการกองทุนฯ ได้สอบถามผู้แทน พพ. ในการพิจารณาให้เป็นผู้ทิ้งงานตามระเบียบราชการของบริษัทฯ ซึ่งผู้แทน พพ. ได้ชี้แจงว่า พพ. ได้พิจารณาประเด็นดังกล่าวแล้ว และเห็นว่าการทำงานของบริษัทฯ ไม่ใช่เป็นการทิ้งงาน แต่เป็นเรื่องทางวิชาการที่มีความเห็นแตกต่างกันระหว่าง สวทช. กับบริษัทฯ จึงทำให้ต้องมีการยกเลิกสัญญา
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้ พพ. คืนหุ้นจำนวน 34,200 หุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นรวม 3,420,000 บาท แก่ บริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ตามที่ได้ระบุไว้ใน
สัญญาสนับสนุนฯ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
เรื่องที่ 4 การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
1. มีหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานไป แล้ว ได้ยื่นเรื่องขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการจากที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้พิจารณาและอนุมัติไว้ รวมจำนวน 20 โครงการ โดยระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินฯ และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2553 หมวด 3 ข้อ 26 กำหนดว่า การเปลี่ยนแปลงรายการ ระยะเวลาดำเนินการ ไปจากรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้แล้วโดยไม่เกินวงเงินที่คณะกรรมการกองทุน จัดสรรให้ จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ก่อน จึงจะเปลี่ยนแปลงได้
2. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้พิจารณาเหตุผลและรายละเอียด ที่เจ้าของโครงการฯ ได้แจ้งขอเปลี่ยนแปลงแล้ว โดยจำแนกเรื่องที่ขอเปลี่ยนแปลงออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี่
กลุ่มที่ 1 ขอขยายระยะเวลาโครงการฯ มีจำนวน 13 โครงการ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มย่อย ดังนี้
กลุ่มย่อยที่ 1.1 ขอขยายระยะเวลาในโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 2 โครงการ
โครงการ |
ระยะเวลา ดำเนินการเดิม |
ระยะเวลาที่ขอขยายอีก/ รวมระยะเวลาของโครงการทั้งสิ้น | เหตุผลที่ขอขยายเวลา |
1. โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในสวนพฤกษศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ร.9 จังหวัดนครราชสีมา งบประมาณ: 5.58 ล้านบาท หน่วยงาน: สป.พน. (สวภ.5) |
7 เดือน 30 มิ.ย. 53 - 26 ม.ค. 54 |
3 เดือน 27 ม.ค. 54 - 26 เม.ย. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 10 เดือน |
ความล่าช้าจากการจัดซื้อจัดจ้างเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม สำหรับผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยระบบอิเล็กทรอนิคส์ |
2. โครงการรณรงค์สร้างการรับรู้ (Campaign) "เมืองไทย เมืองแห่งพลังงานทดแทน" งบประมาณ : 120.0 ล้านบาท หน่วยงาน: สป.พน. |
15 เดือน 14 ก.ย. 52 - 28 ธ.ค. 53 |
2 เดือน 29 ธ.ค. 53 - 28 ก.พ. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 17 เดือน |
การจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ในช่วงม.ค.-ก.พ. 2553 แต่ไม่สามารถหาผู้รับจ้างได้ จึงได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างใหม่อีกครั้ง |
กลุ่มย่อยที่ 1.2 ขอขยายระยะเวลาในกลุ่มโครงการที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ จำนวน 11 โครงการ
โครงการ |
ระยะเวลา ดำเนินการเดิม |
ระยะเวลาที่ขอขยายอีก/ รวมระยะเวลาของโครงการทั้งสิ้น | เหตุผลที่ขอขยายเวลา |
3. โครงการประชาสัมพันธ์และรณรงค์ "โครงการภูเก็ตสีเขียว" งบประมาณ: 1.052 ล้านบาท หน่วยงาน: สป.พน. |
6 เดือน 24 ก.ย. 53 - 31 มี.ค. 54 |
3 เดือน 1 เม.ย. 54 -30 มิ.ย. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 9 เดือน |
ทำการประกาศสอบราคาจ้าง แต่ปรากฏว่าไม่มีผู้มาขอรับเอกสาร ต้องดำเนินการสอบราคาใหม่อีกครั้ง |
4. โครงการสื่อสารเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนในส่วนภูมิภาค งบประมาณ : 1.9 ล้านบาท หน่วยงาน : สป.พน. |
2 เดือน 24 ก.ย. 53 - 23 พ.ย. 53 |
6 เดือน 24 พ.ย. 53 - 22 พ.ค. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 8 เดือน |
จัดทำ TOR จัดจ้างเสร็จแล้ว แต่พน. มีนโยบายให้ทบทวนแผนยุทธศาสตร์ในส่วนภูมิภาค จึงต้องจัดทำ TOR ใหม่ เพื่อให้เนื้อหาและรูปแบบในการสื่อสารสอดคล้องกับแผนใหม่ |
5. โครงการเผยแพร่ผลการดำเนินงานของ กระทรวงพลังงานตามนโยบายรัฐบาล งบประมาณ: 2.0 ล้านบาท หน่วยงาน: สป.พน. |
4 เดือน 29 มิ.ย. 53 - 26 ต.ค. 53 |
6 เดือน 27 ต.ค. 53 - 25 เม.ย. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 10 เดือน |
ผู้บริหารให้มีการปรับปรุงเนื้อหาใหม่ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการเผยแพร่ผลการดำเนินงานของกระทรวงพลังงาน ตามนโยบายรัฐบาล |
6. โครงการพัฒนาพลังงานทดแทนบริเวณชายแดน งบประมาณ: 10.80 ล้านบาท หน่วยงาน: สป.พน. (สวภ.5) |
7 เดือน 30 มิ.ย. 53 - 26 ม.ค. 54 |
6 เดือน 27 ม.ค.54 - 25 ก.ค.54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 1 ปี 1 เดือน |
ฐานปฏิบัติการ จำนวน 30 ฐาน ที่จะติดตั้งเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ อยู่ในป่าเขาบริเวณตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งสถานการณ์อยู่ในภาวะตึงเครียด ทำให้กระบวนการติดตั้งและตรวจรับงานล่าช้า |
7. โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 6 โครงการ | |||
7.1 เรื่อง "อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่จดทะเบียนใหม่ภายในประเทศไทย" งบประมาณ: 30,000 บาท หน่วยงาน : มจธ. |
1 ปี 1 ต.ค. 52- 30 ก.ย. 53 |
6 เดือน 1 ต.ค.53 - 31 มี.ค. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 1 ปี 6 เดือน |
อยู่ระหว่างการจัดเตรียมบทความ เพื่อเผยแพร่ |
7.2 เรื่อง "การผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์มในเอทานอลภาวะเหนือวิกฤตและกึ่งวิกฤตด้วย ตัวเร่งปฏิกิริยาแบบวิวิธพันธุ์ในเครื่องปฏิกรณ์เบดนิ่ง" งบประมาณ: 63,000 บาท หน่วยงาน : จุฬาฯ |
1 ปี 3 เดือน 1 มิ.ย. 52 - 31 ส.ค. 53 |
9 เดือน 1 ก.ย.53 - 31 พ.ค. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 2 ปี |
ประสบปัญหาในขั้นตอนทดลองผลิตไบโอดีเซล ทำให้ไม่สามารถดำเนินงานวิจัยให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ได้ |
7.3 เรื่อง "การศึกษาความเป็นไปได้ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีไพโรไลซิส สำหรับขยะพลาสติกในกิจกรรมเพาะเห็ด " งบประมาณ : 40,000 บาท หน่วยงาน : ม.ราชภัฏลำปาง |
1 ปี 1 ต.ค. 52 - 31 ก.ย. 53 |
6 เดือน 1 ต.ค.53 - 31 มี.ค. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 1 ปี 6 เดือน |
อยู่ระหว่างการรอสอบตามกระบวนการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัย และเพื่อให้ได้ผลงานวิจัยที่มีคุณภาพสามารถนำองค์ความรู้ไปต่อยอดได้ |
7.4 เรื่อง "การผลิตไฮโดรเจนโดยสาหร่ายสีเขียวในประเทศไทย เพื่อใช้เป็นแหล่งของพลังงานทดแทน" งบประมาณ: 177,000 บาท หน่วยงาน : มก. |
3 ปี
1 มิ.ย. 51 - 31 ธ.ค. 53 |
1 ปี
1 ม.ค. 54 - 31 ธ.ค. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 4 ปี |
ได้เพิ่มเติมตัวอย่างสาหร่ายที่ใช้ในการวิจัย ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาในการแยกเซลล์สาหร่ายประมาณ 2-3 เดือน ก่อนจะนำมาทำการทดลองชักนำให้เกิดการผลิตไฮโดรเจน ทำให้ล่าช้า |
7.5 เรื่อง "การศึกษาการผลิตเอทานอลจากกากกาแฟ" งบประมาณ: 35,000 บาท หน่วยงาน : ม.ราชภัฏพระนคร |
1 ปี 1 ต.ค. 52 - 30 ก.ย. 53 |
6 เดือน 1 ต.ค.53 - 31 มี.ค. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 1 ปี 6 เดือน |
ประสบปัญหาในขั้นตอนการย่อยเซลูโลสให้เป็นน้ำตาลไม่สำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทำให้ระยะเวลาการดำเนินงานล่าช้า |
7.6 เรื่อง "การผลิตไบโอดีเซลจากน้ำปาล์มโดยปฏิกิริยาทรานส์เอสเทอริฟิเคชั่นโดยตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธุ์ที่กำจัดออกได้" งบประมาณ: 64,000 บาท หน่วยงาน : ม.อุบลราชธานี |
1 ปี 1 มิ.ย. 52 - 31 พ.ค. 53 |
1 ปี 5 เดือน 1 มิ.ย. 53 - 31 ต.ค. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 2 ปี 5 เดือน |
ผู้วิจัยลาคลอดบุตร จึงทำให้ไม่สามารถดำเนินงานวิจัยให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาได้ |
8. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ งบประมาณ: 4.65 ล้านบาท หน่วยงาน: มศก. |
4 ปี 27 ก.ย. 49 - 26 ก.ย. 53 |
1 ปี 27 ก.ย.53 - 26 ก.ย.54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 5 ปี |
เพื่อจัดทำวิทยานิพนธ์ให้แล้วเสร็จ |
9. โครงการส่งเสริมการแปรรูปขยะเป็นน้ำมัน เทศบาลนครขอนแก่น งบประมาณ: 30.10 ล้านบาท หน่วยงาน: เทศบาลนครขอนแก่น |
1 ปี 26 ก.ย. 51 - 26 ก.ย. 52 |
1 ปี 7 เดือน 27 ก.ย. 52 - 30 เม.ย. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 2 ปี 7 เดือน |
ขั้นตอนการจัดจ้าง และระเบียบราชการว่าด้วยการสรรหาผู้ร่วมทุน ซึ่งไม่เอื้ออำนวยต่อการจัดหาผู้ร่วมลงทุน และต้องมีการประกาศคัดเลือกให้มีผู้เสนอเข้ารับการคัดเลือกมากกว่า 1 ครั้ง นอกจากนี้ในช่วงที่ออกประกาศคัดเลือกนั้น ราคาน้ำมันตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้ผู้ลงทุนชะลอการลงทุนเนื่องจากเกรงว่าจะไม่คุ้มค่าการลงทุน ประกอบกับเครื่องจักรต้องมีการสั่งนำเข้าจากประเทศจีน ทำให้เกิดความล่าช้ากว่าแผนงานที่วางไว้ |
10. โครงการศึกษาระบบผลิตพลังงานทดแทนจากขยะ เทศบาลตำบลจะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา งบประมาณ: 2.50 ล้านบาท หน่วยงาน: สป.พน. (สำนักงานพลังงานจังหวัดสงขลา) |
8 เดือน 2 ส.ค. 53 - 2 เม.ย. 54 |
2 เดือน 3 เม.ย. 54 - 16 มิ.ย. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 10 เดือน |
สำนักงานพลังงานจังหวัดสงขลาเพิ่งดำเนินการว่า จ้างบริษัทที่ปรึกษาในการดำเนินงานได้ในวันที่ 15 ต.ค. 2553 และสัญญาสิ้นสุดในวันที่ 16 มิ.ย. 2554 |
11. โครงการพัฒนากำลังพลด้านพลังงานตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง งบประมาณ: 30.00 ล้านบาท หน่วยงาน: กรมการพลังงานทหาร ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร (พท.) |
3 ปี 27 ธ.ค. 50 - 30 ธ.ค.53 |
1 ปี 31 ธ.ค.53 - 30 ธ.ค. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 4 ปี |
บริษัท บีเอ็นบี อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นคู่สัญญาละทิ้งงานจากการขาดสภาพคล่องทางการเงิน ดังนั้น พท. จึงต้องจัดหาบริษัทรับจ้างรายใหม่ เพื่อให้การดำเนินโครงการแล้วเสร็จ |
12. โครงการศูนย์สาธิตและพัฒนาพลังงานทดแทนจากข้าวครบวงจร งบประมาณ: 14.05 ล้านบาท หน่วยงาน : พพ. |
2 ปี 7 เดือน 27 ธ.ค.50 - 31 ก.ค.53 |
10 เดือน 1 ส.ค. 53 -31 พ.ค. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 3 ปี 5 เดือน |
มูลนิธิชัยพัฒนามีความจำเป็นต้องปรับปรุงแบบอาคารโรง คลุมระบบฯ และต้องรอให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาดำเนินการมอบโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินบริเวณ พื้นที่ดำเนินโครงการแล้วเสร็จก่อน จึงจะสามารถดำเนินการจัดตั้งศูนย์ฯ ได้ |
13. โครงการสาธิตการใช้แก๊สซิไฟเออร์ผลิตเชื้อเพลิงแก๊สใช้ในด้านความร้อนสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็ก งบประมาณ: 6.55 ล้านบาท หน่วยงาน: สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มช. |
1 ปี 6 เดือน 29 ก.ย. 52 - 28 มี.ค. 54 |
6 เดือน 29 มี.ค. 54 - 27 ก.ย. 54 รวมระยะเวลาโครงการ ทั้งสิ้น 2 ปี |
มช. ต้องใช้เวลาในการคัดเลือกโรงงานต้นแบบที่เหมาะสมสำหรับติดตั้งและสาธิตระบบ แก๊สซิไฟเออร์ จำนวน 5 แห่ง ปัจจุบันติดตั้งระบบครบทั้ง 5 ระบบแล้ว และอยู่ระหว่างการทดลองการใช้งานทั้ง 5 ระบบ |
กลุ่มที่ 2 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ จำนวน 3 โครงการ
มีสาเหตุจากผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำหนังสือยืนยันการรับทุนไว้แต่ละ หน่วยงาน ได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีเหตุสุดวิสัยและมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงการดำเนินงาน
โครงการ | การขอเปลี่ยนแปลง |
1. โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 1 ทุน งบประมาณ : 35,000 บาท หน่วยงาน : ม.พะเยา |
ม.พะเยา ขอเปลี่ยนชื่อโครงการ จากเดิมเรื่อง "การเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์โดยใช้กระจกเงาในการ สะท้อนรังสี" เป็น "การเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์โดยใช้สังกะสีในการ สะท้อนรังสี" เนื่องจากประสบปัญหาการใช้กระจกเงาในการดำเนินงานวิจัย ซึ่งแตกหักเสียหายได้ง่าย จึงขอเปลี่ยนมาใช้สังกะสีในการสะท้อนรังสีแทน |
2. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษา ต่างประเทศ จำนวน 1 ทุน งบประมาณ : 4.61 ล้านบาท หน่วยงาน : มศก. |
มศก. ขอเปลี่ยนสถานศึกษาให้กับนางพิมลศิริ ประจงสาร จาก University of Sheffield เป็นที่ University of Liverpool ตั้งแต่เดือนมกราคม 2554 เป็นต้นไป เนื่องจากอาจารย์ที่ปรึกษาของผู้รับทุนจำเป็นต้องย้ายไปประจำอยู่ที่ University of Liverpool และเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญพิเศษเกี่ยวกับหัวข้อวิจัยที่ผู้รับทุนกำลังศึกษา อยู่เพียงคนเดียว |
3. โครงการนำร่องเพื่อผลิตพลังงาน ทดแทนจากชีวมวลในระดับชุมชน งบประมาณ : 46.21 ล้านบาท หน่วยงาน : สนช. |
ที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ยื่นข้อเสนอโครงการเฉพาะระบบที่มีขนาดใหญ่ เนื่องจากสาเหตุด้านศักยภาพของระบบ ความคุ้มค่าทางด้านเศรษฐศาสตร์ และความยั่งยืนของระบบ ดังนั้นเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการดำเนินโครงการ และสอดคล้องกับสภาพการณ์จริง สนช. จึงขอปรับเปลี่ยนรายละเอียดการให้เงินสนับสนุนระบบผลิตพลังงานทดแทนจากชี วมวลในแต่ละขนาดของระบบ โดยใช้วงเงินสนับสนุนรวมเท่าเดิม และได้จำนวนระบบ และตัวชี้วัดโครงการไม่น้อยกว่าเป้าหมายเดิมที่ได้เสนอไว้ คือ มีจำนวนระบบไม่น้อยกว่า 11 ระบบ โดยแบ่งเป็นระบบผลิตความร้อน ไม่น้อยกว่า 8 ระบบ ระบบผลิตไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 3 ระบบ |
กลุ่มที่ 3 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ และขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน จำนวน 4 โครงการ
มีสาเหตุจากคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำสัญญาจ้างหรือ หนังสือยืนยันการรับทุนไว้แต่ละหน่วยงาน ได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีข้อจำกัดระหว่างการดำเนินงาน
โครงการ | การขอเปลี่ยนแปลง |
1. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศ จำนวน 1 ทุน งบประมาณรวม : 0.369 ล้านบาท หน่วยงาน : สนพ. |
1) สนข. ขอเปลี่ยนแปลงสาขาการศึกษาให้กับ ว่าที่ร้อยเอกณัฏฐพร บัวผุด จากเดิม สาขาวิศวกรรมขนส่ง คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็น สาขา โลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย |
2. โครงการกำหนดเกณฑ์และจัดทำฉลากเตาหุงต้ม LPG ประสิทธิภาพสูง งบประมาณ: 4.81 ล้านบาท หน่วยงาน : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) |
1) มจธ. ขอขยายเวลาโครงการ ออกไปอีก 9 เดือน จากเดิมสิ้นสุดในวันที่ 20 มีนาคม 2553 เป็นสิ้นสุดในวันที่ 20 ธันวาคม 2553 เนื่องจาก มจธ. ต้องใช้เวลาในการปรับปรุงห้องปฏิบัติการสำหรับการทดสอบตัวอย่างเตา รวมทั้งอุปกรณ์และมาตรฐานการทดสอบทุกชนิดเพื่อให้มีความเหมาะสมกับเตาหุงต้ม แอลพีจีชนิดความดันสูง |
3. การดำเนินการสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ปีที่ 3 งบประมาณ : 25 ล้านบาท หน่วยงาน : สำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (สพน.) |
1) สพน. ขอขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการฯ ออกไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2554 - 31 มีนาคม 2555 เพื่อให้ครอบคลุมการดำเนินงานในส่วนการประสานและกำกับดูแลการศึกษาโครงการ ต่างๆ ที่ยังไม่แล้วเสร็จ จำนวน 16 โครงการ และงานในส่วนของการทำหน้าที่เป็นเลขานุการของคณะกรรมการประสานงานฯ ในการประสานจัดประชุมของอนุกรรมการฯ และคณะทำงาน รวมทั้ง สพน. ยังต้องทำหน้าที่ในการปรับปรุงรายงานความพร้อมของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงาน นิวเคลียร์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ภายหลังจากที่ IAEA ได้ส่งผลการพิจารณา INIR ฉบับสมบูรณ์ให้กับไทยในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2554 |
4. โครงการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรด้านการทดสอบถังและอุปกรณ์ NGV (ปีที่ 1) งบประมาณ : 7.00 ล้านบาท หน่วยงาน : ธพ. |
1) ขอขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงวดที่ 1 ไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2554 |
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว มีความเห็น ดังนี้
1. เห็นควรให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการได้ ยกเว้นโครงการที่ขอขยายระยะเวลาภายหลังจากสิ้นสุดโครงการไปแล้ว คือ โครงการที่ 4 โครงการที่ 5 โครงการที่ 7.1-7.3 โครงการที่ 7.5-7.6 โครงการที่ 9 และ โครงการที่ 12 เนื่องจากหน่วยงานที่ได้รับทุนส่งเรื่องการขอขยายระยะเวลาโครงการภายหลังจาก สิ้นสุดระยะเวลาโครงการแล้ว และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเรื่องการขอขยายระยะเวลาโครงการภายหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการแล้ว หารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ความเห็นในการอนุมัติให้หน่วยงาน ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการย้อนหลัง ตามบทบาทหน้าที่ของคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ต่อไป
2. การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ จำนวน 3 โครงการ เห็นควรให้เปลี่ยนแปลงรายละเอียดได้ทั้ง 3 โครงการ นอกจากนี้ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้มีข้อเสนอแนะสำหรับโครงการ สนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษา ในการดำเนิน "โครงการการเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์โดยใช้กระจก เงาในการสะท้อนรังสี" ที่ขอเปลี่ยนจากกระจกเงาเป็นสังกะสี เนื่องจากเห็นว่า สังกะสี ไม่คงทนและผุง่าย ควรเปลี่ยนมาใช้แสตนเลส น่าจะเหมาะสมกว่า อย่างไรก็ตาม ประธานอนุกรรมการฯ เห็นว่า ให้เป็นเงื่อนไขว่าสามารถเปลี่ยนเป็นสังกะสีหรือแสตนเลสก็ได้ ขึ้นกับความเหมาะสม ในการดำเนินงานของผู้รับทุนวิจัย
3. การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดและขยายระยะเวลาโครงการ จำนวน 4 โครงการ เห็นควรให้เปลี่ยนแปลงรายละเอียดและขยายระยะเวลาดำเนินโครงการได้ ยกเว้นโครงการที่ 1 และ โครงการที่ 2 เนื่องจากหน่วยงานที่ได้รับทุนส่งเรื่องการขอขยายระยะเวลาโครงการภายหลังจาก สิ้นสุดระยะเวลาโครงการแล้ว และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเรื่องการขอขยายระยะเวลาโครงการภายหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการแล้ว หารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ความเห็นในการอนุมัติให้หน่วยงานขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการย้อน หลัง ตามบทบาทหน้าที่ของคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ต่อไป
มติที่ประชุม
1. อนุมัติการขยายระยะเวลาโครงการ (กลุ่มที่ 1) จำนวน 9 โครงการ ดังนี้
โครงการ | หน่วยงาน | ระยะเวลาที่ขอขยายอีก | รวมระยะเวลาโครงการ |
1. โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในสวนพฤกษศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ร. 9 จังหวัดนครราชสีมา | สป.พน. (สวภ.5) |
3 เดือน (27 ม.ค. 54 - 26 เม.ย. 54) | 10 เดือน |
2. โครงการรณรงค์สร้างการรับรู้ (Campaign) "เมืองไทย เมืองแห่งพลังงานทดแทน" | สป.พน. | 2 เดือน (29 ธ.ค. 53 - 28 ก.พ. 54) | 17 เดือน |
3. โครงการประชาสัมพันธ์และรณรงค์ "โครงการภูเก็ตสีเขียว" | สป.พน. | 3 เดือน (1 เม.ย. 54 - 30 มิ.ย. 54) | 9 เดือน |
4. โครงการพัฒนาพลังงานทดแทนบริเวณชายแดน | สป.พน. (สวภ.5) |
6 เดือน (27 ม.ค.54 - 25 ก.ค.54) | 1 ปี 1 เดือน |
5. โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา เรื่อง "การผลิตไฮโดรเจนโดยสาหร่ายสีเขียวในประเทศไทย เพื่อใช้เป็นแหล่งของพลังงานทดแทน" | มก. | 1 ปี (1 ม.ค. 54 - 31 ธ.ค. 54) | 4 ปี |
6. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ | มศก. | 1 ปี (27 ก.ย.53 -26 ก.ย.54) | 5 ปี |
7. โครงการศึกษาระบบผลิตพลังงานทดแทนจากขยะเทศบาลตำบลจะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา | สป.พน. | 2 เดือน (3 เม.ย. 54 - 16 มิ.ย. 54) | 10 เดือน |
8. โครงการพัฒนากำลังพลด้านพลังงานตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง | พท. | 1 ปี (31 ธ.ค. 53 -30 ธ.ค. 54) | 4 ปี |
9. โครงการสาธิตการใช้แก๊สซิไฟเออร์ผลิตเชื้อเพลิงแก๊สใช้ในด้านความร้อนสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็ก | มช. | 6 เดือน (29 มี.ค. 54 - 27 ก.ย. 54) | 2 ปี |
2. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ (กลุ่มที่ 2) จำนวน 3 โครงการ ดังนี้
โครงการ | หน่วยงาน | การอนุมัติ |
1. โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา | ม.พะเยา | เปลี่ยนชื่อโครงการ จากเดิมเรื่อง "การเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์โดยใช้กระจกเงา ในการสะท้อนรังสี" เป็น "การเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์โดยใช้สังกะสีในการ สะท้อนรังสี" |
2. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ | มศก. | เปลี่ยนสถานศึกษาให้กับนางพิมลศิริ ประจงสาร จาก University of Sheffield เป็นที่ University of Liverpool ตั้งแต่เดือนมกราคม 2554 เป็นต้นไป |
3. โครงการนำร่องเพื่อผลิตพลังงานทดแทนจากชีวมวลในระดับชุมชน | สนช. | ปรับเปลี่ยนรายละเอียดการให้เงินสนับสนุนระบบผลิต พลังงานทดแทนจากชีวมวลในแต่ละขนาดของระบบ โดยใช้วงเงินสนับสนุนรวมเท่าเดิม และได้จำนวนระบบ และตัวชี้วัดโครงการ ไม่น้อยกว่าเป้าหมายเดิมที่ได้เสนอไว้ คือ มีจำนวนระบบไม่น้อยกว่า 11 ระบบ โดยแบ่งเป็นระบบผลิตความร้อน ไม่น้อยกว่า 8 ระบบ ระบบผลิตไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 3 ระบบ |
3. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ และขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน (กลุ่มที่ 3) จำนวน 2 โครงการ ดังนี้
โครงการ | หน่วยงาน | การอนุมัติ |
1. การดำเนินการสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ปีที่ 3 | สพน. |
|
2. โครงการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรด้านการทดสอบถังและอุปกรณ์ NGV (ปีที่ 1) | ธพ. |
|
4. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเรื่องดังกล่าวหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาและให้ความเห็น ในการอนุมัติให้หน่วยงานขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการย้อนหลัง ตามบทบาทหน้าที่ของคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ต่อไป ซึ่งหากไม่สามารถดำเนินการได้จะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างไร
เรื่องที่ 5 การแต่งตั้งคณะทำงานจัดทำแผนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559
1. เนื่องจากแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 (ปี 2548-2554) จะสิ้นสุดในปี 2554 ดังนั้น เพื่อให้การจัดทำแผนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในระยะต่อไป เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสอดคล้องกับแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี และแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี รวมทั้งเพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2550
2. ให้มีคณะทำงานจัดทำแผนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559 โดยมีองค์ประกอบ ดังนี้
(1) ปลัดกระทรวงพลังงาน หรือรองปลัดกระทรวงพลังงานที่ปลัดกระทรวงพลังงานมอบหมาย ประธานคณะทำงาน
(2) อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน หรือผู้แทน คณะทำงาน
(3) ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือผู้แทน คณะทำงาน
(4) ผู้แทนคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน คณะทำงาน
(5) ผู้แทนกรมบัญชีกลาง คณะทำงาน
(6) ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คณะทำงาน
(7) ศ.ดร. พรายพล คุ้มทรัพย์ คณะทำงาน
(8) ศ.ดร. บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ คณะทำงาน
(9) รศ.ดร. สุวิทย์ เตีย คณะทำงาน
(10) ม.ร.ว. พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ คณะทำงาน
(11) ผู้อำนวยการสำนักนโยบายอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน สนพ. คณะทำงานและเลขานุการ
และมีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(1) เสนอแนะนโยบายและทิศทางการจัดทำแผนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2555-2559
(2) กำกับ เร่งรัด และติดตามความก้าวหน้า การจัดทำแผนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
(3) รายงานความก้าวหน้า การจัดทำแผนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานทราบเป็นระยะ
(4) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานได้ตามที่เห็นสมควร
(5) ปฏิบัติงานอื่นๆ ตามที่คณะอนุกรรมการกองทุนฯ มอบหมาย
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว และเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะทำงานจัดทำแผนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์ พลังงาน ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559 โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
มติที่ประชุม
เห็นชอบการแต่งตั้งคณะทำงานจัดทำแผนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2559 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน กุมภาพันธ์ 2554
- กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน กุมภาพันธ์ 2554 (1330 Downloads)
กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน มกราคม 2554
- กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน มกราคม 2554 (1196 Downloads)
กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ธันวาคม 2553
- กองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ธันวาคม 2553 (1234 Downloads)
กอ. ครั้งที่ 52 - วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม 2553
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 3/2553 (ครั้งที่ 52)
วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม 2553 เวลา 15.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
2. รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553
3. ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557
4. รายงานการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553
5. รายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
6. บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง
7. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. เลขานุการฯ ได้แจ้งที่ประชุมทราบว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2553 ได้มีมติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนฯ จำนวน 7 ราย ดังนี้
1.1 นายสวัสดิ์ ตันตระรัตน์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม |
1.2 นายสมชาติ โสภณรณฤทธิ์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.3 นายกฤษณพงศ์ กีรติกร | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.4 หม่อมราชวงศ์พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.5 นายยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.6 นางสาวพวงเพชร สารคุณ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.7 นายพรายพล คุ้มทรัพย์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ |
2. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2553 ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2553 เป็นต้นไป และฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านทราบแล้ว
มติที่ประชุม
รับทราบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 2 รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553
เลขานุการฯ ได้รายงานผลการใช้จ่ายเงินและฐานะเงินกองทุนฯ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท | |
ยอดยกมา ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2553 | 16,385.31 |
บวก รายรับ | 1,232.38 |
รวม | 17,617.69 |
หัก รายจ่าย | 901.63 |
คงเหลือ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 | 16,716.06 |
มติที่ประชุม
1. รับทราบรายงานฐานะการเงินกองทุนฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
2. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำข้อเสนอแนะของผู้แทนกรมบัญชีกลางไปพิจารณาดำเนินการ และเสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาเห็นชอบก่อนดำเนินการ และให้รายงานต่อคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อทราบ
เรื่องที่ 3 ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557
1. กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2552 ได้มีมติให้ยกเลิกการจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนอนุรักษ์ฯ ในส่วนที่เก็บเพื่อส่งเสริมโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่งของทั้งน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล ที่จัดเก็บในอัตรา 0.50 บาท/ลิตร และให้โอนเงินที่ได้จัดเก็บไว้แล้ว มาสบทบกับเงินสำหรับส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และลดอัตราจัดเก็บเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ของน้ำมันดีเซลสำหรับส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน จากที่เก็บอยู่ 0.25 บาท/ลิตร เหลือ 0.05 บาท/ลิตร เป็นระยะเวลา 1 ปี และให้จัดเก็บในอัตราเดิม คือ 0.25 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2553
2. รายได้ที่จัดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ สำหรับ "โครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง" ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2551 - 1 ตุลาคม 2552 รวมทั้งสิ้น 8,151.37 ล้านบาท โดยปัจจุบันได้โอนเงินดังกล่าวเข้าสมทบกับเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ทั้งนี้ฐานะเงิน "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 16,385 ล้านบาท
3. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้จัดทำประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 สรุปได้ดังนี้
หน่วย: ล้านบาท
ปีงบประมาณ | 2554 | 2555 | 2556 | 2557 | รวมช่วงปี54-57 |
1.เงินคงเหลือณวันที่ 30 กันยายน 2553 | 16,385 | 16,385 | |||
2.ยอดยกมาต้นปีงบประมาณ | 17,536 | 22,272 | 29,666 | ||
3.รายรับประกอบด้วย | |||||
3.1 ประมาณรายรับจากผู้ผลิต/ผู้นำเข้าน้ำมัน | 7,083 | 7,214 | 7,379 | 7,453 | 29,129 |
3.2 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากพพ. | 968 | 862 | 671 | 710 | 3,210 |
3.3 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากปตท. | 211 | 212 | 204 | 135 | 762 |
หน่วย: ล้านบาท
ปีงบประมาณ | 2554 | 2555 | 2556 | 2557 | รวมช่วงปี54-57 |
3.4 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากกฟผ. | 550 | - | - | 400 | 950 |
รวมรับ | 8,812 | 8,288 | 8,254 | 8,698 | 34,051 |
4.รายจ่ายประกอบด้วย | |||||
4.1 รายจ่ายผูกพันปี 2538-2547 | 274 | 132 | 21 | - | 426 |
4.2 รายจ่ายผูกพันปี 2548-2552 | 4,701 | 3,420 | 838 | 766 | 9,726 |
4.3 รายจ่ายผูกพันปี 2553 (สนพ.) | 1,281 | 1,281 | |||
4.4 รายจ่ายผูกพันปี 2553 (พพ.) | 1,406 | 1,406 | |||
รวมจ่าย | 7,661 | 3,552 | 860 | 766 | 12,839 |
5.เงินคงเหลือปลายปี (1+2+3-4) ยกไป | 17,536 | 22,272 | 29,666 | 37,598 | 37,598 |
ประมาณการรายได้/รายจ่ายสุทธิ (3-4) | 1,151 | 4,736 | 7,394 | 7,932 | 21,213 |
มติที่ประชุม
รับทราบประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 4 รายงานการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553 ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ในวงเงิน 1,823,952,000 บาท และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในวงเงิน 1,379,613,752 บาท รวมเป็นเงิน 3,203,565,752 บาท โดยแยกเป็นแผนพลังงานทดแทน ในวงเงิน 1,039,305,450 บาท แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในวงเงิน 2,034,859,090 บาท และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ในวงเงิน 129,401,212 บาท
2. พพ. และ สนพ. ได้ดำเนินโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ปีงบประมาณ 2553 ตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ไว้แล้ว โดยมีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นจำนวนเงิน 2,931,520,752 บาท คิดเป็นร้อยละ 91.51 ของงบประมาณรวม และได้เบิกจ่ายเงินคิดเป็นร้อยละ 23 ของงบที่ผูกพัน ดังนี้
2.1 การดำเนินโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน ได้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 979.95 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 94 ของงบที่ได้รับ
2.2 การดำเนินโครงการภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ได้มีใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 1,822.17 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 90 ของงบที่ได้รับ
2.3 การดำเนินงานภายใต้แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ได้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 129.40 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 100 ของงบที่ได้รับ
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553 ตามที่ ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 5 รายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
1. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม 2551 - 31 กรกฎาคม 2552 เพื่อให้ทราบว่าการดำเนินงานของกองทุนฯ และโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ มีผลการดำเนินงานบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายหรือไม่การใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ประหยัด และคุ้มค่าหรือไม่ อย่างไร โดยขอตรวจสอบตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549-2551 และได้ขอความร่วมมือ สนพ. จัดเตรียมเอกสารและข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับกองทุนฯ และสถานที่ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานระหว่างการตรวจสอบ
2. สตง. ได้แจ้งผลและส่งรายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549-2551 มายัง สนพ. เพื่อทราบและดำเนินการตามข้อเสนอแนะ ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ 2 ประเด็น ดังนี้
2.1 การใช้จ่ายเงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ โดยครอบคลุมการใช้จ่ายเงินเพื่อบริหารกองทุนฯ ทั้งในส่วนของ สนพ. และ พพ. ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามภารกิจหน้าที่ของกองทุนฯ ซึ่งกำหนดไว้ในวัตถุประสงค์ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
2.2 ผลการดำเนินงานโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไม่บรรลุวัตถุประสงค์และไม่มีการใช้ประโยชน์ ซึ่ง สตง. ได้ตรวจสอบทั้งหมด 42 โครงการ ตามแผนพลังงานทดแทน และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยมีผลการดำเนินงานโครงการไม่บรรลุวัตถุประสงค์ และไม่มีการใช้ประโยชน์จากโครงการ จำนวน 11 โครงการ (พพ. จำนวน 10 โครงการ และ สนพ. จำนวน 1 โครงการ)
3. สตง. เสนอแนะให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอผลการตรวจสอบของ สตง. ให้ประธานกรรมการกองทุนฯ รับทราบและพิจารณา ดังต่อไปนี้
3.1 กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหาร เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
3.2 จัดให้มีการติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหารเพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งทราบปัญหา อุปสรรค
3.3 ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาของการดำเนินงานโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ โดยการพิจารณาดำเนินการตามรายงานประเมินผลและข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน และแจ้งปัญหาในการดำเนินงานของทั้ง 11 โครงการ ตามผลการตรวจสอบให้ สนพ. และ พพ. ทราบและดำเนินการแก้ไข เพื่อให้การดำเนินงานโครงการมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและยั่งยืน
3.4 กำหนดกฎระเบียบให้ สนพ. และ พพ. ซึ่งได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ จัดส่งข้อมูล โครงการให้กองทุนฯ เพื่อให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ใช้ในการติดตามประเมินผล
3.5 การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กับโครงการที่มีลักษณะการส่งเสริมและสาธิต ในอนาคตต้องกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ก่อน เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับพิจารณาตัดสินใจให้การสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับการดำเนินงานโครงการต่อไป
4. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ สตง. แล้ว สรุปได้ดังนี้
4.1 ได้จัดทำหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการประจำปี 2554 เพื่อใช้ในการพิจารณางบประมาณกองทุนฯ ปี 2554 ดังนี้
1) เกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ประจำปี 2554
เพื่อให้ใช้จ่ายเงินกองทุนในส่วนของงานบริหารงานกองทุนฯ เป็นไปตามเจตนารมณ์ ของพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรการ 25 (4) ที่กำหนดวัตถุประสงค์ให้ "เป็นค่าใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในการบริหารงานการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้" การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ประจำปี 2554 คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำ 2554 ใช้หลักเกณฑ์เบื้องต้นในการพิจารณาจัดสรร ดังนี้
1.1) เป็นรายการค่าใช้จ่ายที่มีความเกี่ยวข้องกับภารกิจและหน้าที่ของกองทุนเพื่อส่งเสริม การอนุรักษ์พลังงาน
1.2) อัตราค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนด และรายการค่าจ้างที่ปรึกษาให้เป็นไปตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
1.3) เป็นรายการค่าใช้จ่ายที่เป็นไปตามภารกิจที่คณะกรรมการกองทุนฯ และคณะอนุกรรมการกองทุนฯ มอบหมาย
1.4) เป็นรายการค่าใช้จ่ายที่ดำเนินการตามตัวชี้วัดเงินทุนหมุนเวียนของกรมบัญชีกลาง
1.5) นำผลประเมินของคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ มาประกอบการพิจารณาในการจัดสรรงบประมาณแต่ละปี
2) แนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณต่อไป
2.1) ฝ่ายเลขานุการฯ จะจัดตั้งคณะทำงานกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ของกองทุนฯ เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณเป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตามภารกิจ หน้าที่ของกองทุนฯ ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนจาก สนพ. พพ. กรมบัญชีกลาง และผู้แทนสำนักงบประมาณ
2.2) นำหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ของกองทุนฯ ที่กำหนดโดยคณะทำงานมาใช้ในการจัดสรรงบประมาณแต่ละปี
4.2 ฝ่ายเลขานุการฯ จะดำเนินการจัดทำหนังสือแจ้งประธานอนุกรรมการประเมินผลฯ เพื่อติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหารต่อไป
4.3 สนพ. และ พพ. ได้ชี้แจงเหตุที่ไม่บรรลุวัตถประสงค์หรือไม่มีการใช้ประโยชน์ พร้อมทั้งเสนอแนวทางการแก้ไขการดำเนินโครงการให้เกิดการใช้ประโยชน์สูงสุด ทั้ง 11 โครงการแล้ว ซึ่งมีรายละเอียดตามเอกสารแนบของระเบียบวาระ
4.4 การจัดส่งข้อมูลโครงการให้กองทุนฯ นั้น ได้เพิ่มเติมข้อเสนอในเรื่องที่ 4.1 เพื่อเป็นมติให้ สนพ. และ พพ. จัดส่งข้อมูลโครงการให้กองทุนฯ เพื่อให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ใช้ในการติดตามประเมินผลแล้ว
4.5 สนพ. ได้มีหนังสือแจ้ง สตง. ให้ทราบผลการดำเนินงานเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตามที่ ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และประธานกรรมการกองทุนฯ ให้ฝ่ายเลขานุการฯ และหน่วยงานทั้ง สนพ. และ พพ. นำข้อท้วงติงของ สตง. ไปเป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินงานต่อไป เพื่อมิให้มีรายการค่าใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ที่ผิดวัตถุประสงค์เกิดขึ้นอีก
เรื่องที่ 6 บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 มีมติอนุมัติให้หน่วยงานต่างๆ ที่มีเงินนอกงบประมาณ ถือปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลเงินนอกงบประมาณ ที่กระทรวงการคลังเสนออย่างเคร่งครัด โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามผล การดำเนินการ และกรมบัญชีกลางเริ่มใช้ระบบประเมินผลทุนหมุนเวียน ตั้งแต่ปีบัญชี 2547 ซึ่งกองทุน เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเป็นทุนหมุนเวียนที่เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงาน ตั้งแต่ปีบัญชี 2549
2. ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 กรมบัญชีกลางได้กำหนดตัวชี้วัดภาคบังคับ "บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียน" ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ทุกทุนหมุนเวียนในความรับผิดชอบของกรมบัญชีกลางจะต้องปฏิบัติตาม โดยมีความมุ่งหวังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลของคณะกรรมการทุนหมุนเวียน โดย จะประเมินจาก 4 ประเด็นหลักที่สำคัญ ดังนี้
2.1 การจัดให้มีทิศทาง แผนยุทธศาสตร์ และแผนปฏิบัติการประจำปี โดยพิจารณาจากคณะกรรมการทุนหมุนเวียนกำหนดทิศทาง ยุทธศาสตร์ และจัดให้มีแผนยุทธศาสตร์หรือแผนระยะยาว และแผนปฏิบัติการประจำปี ที่มีองค์ประกอบครบถ้วน มีคุณภาพ และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์จัดตั้ง รวมถึง พันธกิจของทุนหมุนเวียน
2.2 การติดตามระบบการบริหารจัดการและผลการปฏิบัติงานตามภารกิจของทุนหมุนเวียน โดยพิจารณาจากคณะกรรมการทุนหมุนเวียนมีการติดตามผลการปฏิบัติงานตามพันธกิจและระบบบริหารจัดการที่สำคัญ ได้แก่ ระบบการควบคุมภายใน ระบบการตรวจสอบภายใน ระบบการบริหารความเสี่ยง ระบบบริหารจัดการสารสนเทศ และระบบบริหารทรัพยากรบุคคลของทุนหมุนเวียนอย่างครบถ้วน เพียงพอ และสม่ำเสมอทั้งปี
2.3 การจัดให้มีระบบประเมินผลผู้บริหารทุนหมุนเวียน โดยพิจารณาจากการประเมินผลผู้บริหารระดับสูงที่เป็นระบบ โดยมีหลักเกณฑ์ชัดเจนสอดคล้องและเชื่อมโยงกับหลักเกณฑ์ และเป้าหมายระดับองค์กร
2.4 การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยพิจารณาจากการเปิดเผยข้อมูลสารสนเทศที่ครบถ้วน ถูกต้อง เชื่อถือได้ ทันกาล
3. การกำหนดเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2554 นั้น ฝ่ายเลขานุการฯ กำลังดำเนินการเจรจาต่อรองระหว่างผู้ถูกประเมิน คือ กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (สนพ. และ พพ.) กับผู้ประเมิน คือ กรมบัญชีกลางและทริส เพื่อให้ได้ตัวชี้วัดที่เหมาะสมกับการดำเนินงานของกองทุนฯ มากที่สุด ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จกลางเดือนมกราคม 2554
มติที่ประชุม
รับทราบบทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง ตามที่ ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ รายงานผลการประเมินการดำเนินงานของกองทุนฯ ในแต่ละรอบ ต่อคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อทราบต่อไปด้วย
เรื่องที่ 7 งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ได้รับทราบแผนอนุรักษ์พลังงานและเป้าหมาย ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-2554 ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เสนอ โดยมีเป้าหมายและการดำเนินการจะลดปริมาณการใช้พลังงานลง 7,820 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.8 ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศในปี 2554 และกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้แทนพลังงานเชิงพาณิชย์ 8,858 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 12.2 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554 และ กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 ได้เห็นชอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี โดยกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานทดแทนรวม 10,961 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 15.6 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554
2. สนพ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ได้รวบรวมงบประมาณรายจ่ายตามแผนงานและโครงการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับ ใช้จ่ายเป็นเงินหมุนเวียน เงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุนสำหรับการลงทุน และดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน มาตรา 25 แห่ง "พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" โดยมีหน่วยงานยื่นขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในปีงบประมาณ 2554 เป็นจำนวน 125 โครงการ ในวงเงินทั้งสิ้น 5,365,911,205 บาท
3. การพิจารณากลั่นกรองงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ดำเนินการโดย "คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำปี 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ที่ประธานคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้แต่งตั้งเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 โดยมีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธานคณะทำงานฯ ซึ่งได้เริ่มประชุมพิจารณางบประมาณตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2553 - 3 ธันวาคม 2553 รวม 9 ครั้ง และคณะทำงานฯ ได้ยึดแนวทาง/หลักเกณฑ์การพิจารณากลั่นกรองโครงการฯ ของกองทุนฯ โดยมีหลักเกณฑ์ที่สำคัญ ดังนี้
1) การจัดลำดับความสำคัญตามนโยบายและแผน โดยทำการพิจารณาถึงความสอดคล้องของโครงการกับภารกิจที่สำคัญ ดังนี้
- ภารกิจตามข้อกำหนดและกฎหมาย พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
- ภารกิจตามยุทธศาสตร์ระดับชาติ นโยบายรัฐบาล และกระทรวงพลังงาน
- ภารกิจตามเจตนารมณ์ของกองทุนฯ ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตามแผนและเป้าหมายอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554
- ภารกิจตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี (พ.ศ. 2551-2565)
2) ระยะเวลาการเกิดผลสัมฤทธิ์ โดยใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่งช่วงเวลาที่โครงการดังกล่าวสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้ในอนาคต โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะ "สั้น" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 1-2 ปี) ระยะ "กลาง" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 3-5 ปี) และ ระยะ "ยาว" (เกิดผลสัมฤทธิ์ต้องใช้เวลามากกว่า 5 ปี)
3) ศักยภาพในการขยายผล โดยเน้นโครงการวิจัยและ/หรือดำเนินการแล้วสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้จริง (Deployment Potential) โดยแบ่งตามศักยภาพการขยายผลเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "มาก" และกลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "น้อย"
4) โครงการต่อเนื่อง โดยพิจารณาผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ถ้ามีความก้าวหน้าเกินกว่าร้อยละ 50 ของแผนงาน และผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดี จึงจะได้รับงบประมาณสำหรับปีต่อไป
5) งานประชาสัมพันธ์ ดำเนินงานเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารอย่างแท้จริง
6) งบบริหารแผนการดำเนินงาน จะต้องเป็นภารกิจหรืองานที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และปรับอัตราค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แนวทาง และขอบเขตการพิจารณางบประมาณตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
4. คณะทำงานฯ ได้พิจารณารายละเอียดการของบประมาณรายจ่ายโครงการของกองทุนฯ ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะอนุกรรมการฯ แล้ว โดยเห็นสมควรสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายตามโครงการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ เป็นจำนวนไม่เกิน 2,614,335,136 บาท รวม 81 โครงการ ซึ่งได้ครอบคลุมการดำเนินงานทั้งในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจ การจัดการด้านการใช้พลังงาน รวมถึงการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนในการผลิตไฟฟ้า และผลิตความร้อนในเทคโนโลยีต่างๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานชีวมวล และเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยแบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงิน กองทุนฯ ดังนี้
1) พพ. จำนวน 883,618,960 บาท คิดเป็นร้อยละ 33.80 รวม 54 โครงการ
2) สนพ. จำนวน 1,730,716,176 บาท คิดเป็นร้อยละ 66.20 รวม 27 โครงการ
5. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2553 ได้พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ แล้ว ที่ประชุมมีมติเห็นชอบงบประมาณรายจ่าย เป็นจำนวน 2,614,335,136 บาท ตามที่คณะทำงานฯ เห็นสมควร และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ดังนี้
จำแนกตามแผนอนุรักษ์พลังงาน | จำนวนโครงการ | รวม | ร้อยละ | จำแนกตามหน่วยผู้เบิก (บาท) | |
พพ. | สนพ. | ||||
1. แผนพลังงานทดแทน | 39 | 1,449,445,340 | 55.44 | 318,758,500 | 1,130,686,840 |
1.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 10 | 214,635,000 | 8.21 | 61,635,000 | 153,000,000 |
1.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 20 | 341,945,340 | 13.08 | 228,703,500 | 113,241,840 |
1.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 9 | 864,445,000 | 33.07 | - | 864,445,000 |
1.4 งานบริหารแผนงาน | - | 28,420,000 | 1.09 | 28,420,000 | - |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 40 | 1,087,318,060 | 41.59 | 564,860,460 | 522,457,600 |
2.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 3 | 107,800,000 | 4.12 | 7,800,000 | 100,000,000 |
2.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 21 | 492,940,000 | 18.86 | 492,940,000 | - |
2.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 16 | 479,543,060 | 18.34 | 57,085,460 | 422,457,600 |
2.4 งานบริหารแผนงาน | - | 7,035,000 | 0.27 | 7,035,000 | - |
3. แผนบริหารเชิงกลยุทธ์ | 2 | 77,571,736 | 2.97 | - | 77,571,736 |
3.1 งานศึกษาวิจัยเชิงนโยบาย | 2 | 14,000,000 | 0.54 | - | 14,000,000 |
3.2 งานบริหารแผนงาน | - | 63,571,736 | 2.43 | - | 63,571,736 |
รวมงบประมาณ กทอ.ปี 2554 | 81 | 2,614,335,136 | 100.00 | 883,618,960 | 1,730,716,176 |
6. ฝ่ายเลขานุการฯ มีข้อเสนอในการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ดังนี้
1) เนื่องจาก พพ. และ สนพ. มีงานบริหารเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานที่ต้องดำเนินงานต่อเนื่อง เช่น การเบิกจ่ายเงินให้หน่วยงาน โครงการ ตามข้อผูกพันสัญญาฯ การประสานหน่วยงาน โรงงาน อาคาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอนุรักษ์พลังงาน การให้คำแนะนำกับประชาชนในเรื่องวิธีประหยัดพลังงาน ฯลฯ จึงมีรายจ่ายประจำที่จำเป็นเพื่อการบริหารงานที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น ค่าจ้างพนักงานราชการ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปให้ความรู้ความเข้าใจ การร่วมประชุมให้ความเห็น ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ งานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553
2) การพิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการภายใต้งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ทั้งแผนพลังงานทดแทนและแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในส่วนที่ สนพ. รับผิดชอบ ขอเสนอวิธีการดำเนินงานในลักษณะเดียวกับปีงบประมาณ 2553 โดยให้ สนพ. ทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองรายละเอียดของโครงการที่มีผู้ยื่นขอรับการสนับสนุน ตามรายละเอียดการของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 แล้วนำเสนอผู้มีอำนาจอนุมัติภายในวงเงิน ดังต่อไปนี้
(1) ผอ.สนพ. ไม่เกิน 10,000,000 บาท
(2) คณะอนุกรรมการกองทุนฯ เกิน 10,000,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000,000 บาท
(3) คณะกรรมการกองทุนฯ เกิน 50,000,000 บาท
3) เพื่อให้งานประชาสัมพันธ์มีความเป็นเอกภาพ และมีทิศทางการปฏิบัติไปในแนวเดียวกัน จึงขอเสนอพิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายโครงการประชาสัมพันธ์ในแผนพลังงานทดแทนและแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ไว้เป็นกรอบวงเงินแผนงานละ 350 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 700 ล้านบาท ให้ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน และให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผนงาน/งานเดียวกันได้ ทั้งนี้เมื่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เห็นชอบแล้ว ให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินโครงการต่อไป และให้กระทรวงพลังงานดำเนินการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ต่อไปด้วย
4) เพื่อให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ให้ สนพ. และ พพ. จัดส่งข้อมูลการดำเนินโครงการที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ 2554 พร้อมทั้งเอกสารรายงานที่ได้ตรวจรับแล้ว (ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์) ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทุก 4 เดือน เพื่อจัดส่งให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ใช้ในการติดตามประเมินผลโครงการต่อไป
มติที่ประชุม
ประธานกรรมการกองทุนฯ ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ไปดำเนินการทบทวนและตรวจสอบงบประมาณรายจ่ายในแต่ละโครงการตามข้อกำหนดในมาตรา 25 ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พร้อมทั้งตรวจสอบโครงการในมิติตามเป้าหมายการอนุรักษ์พลังงาน เพิ่มเติม และจัดทำข้อมูลดังกล่าวเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อประกอบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ในการประชุมครั้งต่อไป