กองทุนสัญญาโรงกลั่นปิโตรเลียม มิถุนายน 2553
- กองทุนสัญญาโรงกลั่นปิโตรเลียม มิถุนายน 2553 (1824 Downloads)
งบประมาณกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มิถุนายน 2553
- งบประมาณกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มิถุนายน 2553 (697 Downloads)
กอ. ครั้งที่ 51 - วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน 2553
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 3/2553 (ครั้งที่ 52)
วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม 2553 เวลา 15.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
2. รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553
3. ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557
4. รายงานการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553
5. รายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
6. บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง
7. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. เลขานุการฯ ได้แจ้งที่ประชุมทราบว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2553 ได้มีมติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนฯ จำนวน 7 ราย ดังนี้
2. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2553 ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2553 เป็นต้นไป และฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านทราบแล้ว
1.1 นายสวัสดิ์ ตันตระรัตน์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม |
1.2 นายสมชาติ โสภณรณฤทธิ์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.3 นายกฤษณพงศ์ กีรติกร | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.4 หม่อมราชวงศ์พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.5 นายยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.6 นางสาวพวงเพชร สารคุณ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.7 นายพรายพล คุ้มทรัพย์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ |
มติที่ประชุม
รับทราบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
รับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
เรื่องที่ 2 ความคืบหน้าการดำเนินโครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนา เทคโนโลยีอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2553
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติเงินกองทุนฯ ให้ สนพ. สำหรับใช้ในโครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนา เทคโนโลยีอนุรักษ์พลังงาน ในวงเงิน 80 ล้านบาท และโครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนา เทคโนโลยีพลังงานทดแทน ในวงเงิน 200 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ อุดหนุน ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา องค์กรเอกชน ในการค้นคว้า วิจัย พัฒนา สาธิต หรือริเริ่มการดำเนินงานด้านอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทน หรือเกี่ยวกับการป้องกัน แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการใช้พลังงาน และสนับสนุนนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาล หรือภารกิจของกระทรวงพลังงาน โดยนำเสนอผู้มีอำนาจอนุมัติภายในวงเงิน ดังต่อไปนี้
(1) ผอ.สนพ. | ไม่เกิน 10,000,000 บาท |
(2) คณะอนุกรรมการกองทุนฯ | เกิน 10,000,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000,000 บาท |
(3) คณะกรรมการกองทุนฯ | เกิน 50,000,000 บาท |
2. เพื่อให้การดำเนินงานพิจารณาข้อเสนอโครงการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สนพ. ได้จัดตั้งคณะกรรมการพิจารณาข้อเสนอโครงการเพื่อทำหน้าที่กลั่นกรองโครงการ โดยมีองค์ประกอบ ดังนี้
(1) รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน | ประธานคณะทำงาน |
(2) ผู้แทนคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน | คณะทำงาน |
(3) ผู้แทนสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย | คณะทำงาน |
(4) ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ | คณะทำงาน |
(5) ผู้แทนกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | คณะทำงาน |
(6) ผู้อำนวยการสำนักนโยบายอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน | คณะทำงานและเลขานุการ |
3. สนพ. ได้แต่งตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์โครงการสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการพิจารณาข้อเสนอโครงการ โดยแต่ละข้อเสนอโครงการจะมีผู้เชี่ยวชาญตามกลุ่มเทคโนโลยีของโครงการอย่างน้อย 3 ท่าน ทำการตรวจสอบระเบียบวิธีวิจัย ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการวิจัย และเสนอความเห็นเกี่ยวกับโครงการ สำหรับใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาข้อเสนอโครงการ ก่อนเสนอ ผอ.สนพ. และ/หรือ คณะอนุกรรมการกองทุนฯ และ/หรือ คณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาจัดสรรทุนต่อไป
4. สนพ. ได้ประกาศการสมัครรับทุนอุดหนุนการวิจัย โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนา เทคโนโลยีอนุรักษ์พลังงาน เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2553 และประกาศการสมัครรับทุนอุดหนุนการวิจัย โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนา เทคโนโลยีพลังงานทดแทน เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2553 ตามหัวข้อวิจัยที่ได้เสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ ไว้แล้ว โดยเปิดรับข้อเสนอโครงการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2553-30 มิถุนายน 2553 ซึ่งคาดว่าจะอนุมัติโครงการได้ในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม 2553
มติที่ประชุม
รับทราบความคืบหน้าการดำเนินโครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนา เทคโนโลยีอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2553
เรื่องที่ 3 ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557
1. กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2552 ได้มีมติให้ยกเลิกการจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนอนุรักษ์ฯ ในส่วนที่เก็บเพื่อส่งเสริมโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่งของทั้งน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล ที่จัดเก็บในอัตรา 0.50 บาท/ลิตร และให้โอนเงินที่ได้จัดเก็บไว้แล้ว มาสบทบกับเงินสำหรับส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และลดอัตราจัดเก็บเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ของน้ำมันดีเซลสำหรับส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน จากที่เก็บอยู่ 0.25 บาท/ลิตร เหลือ 0.05 บาท/ลิตร เป็นระยะเวลา 1 ปี และให้จัดเก็บในอัตราเดิม คือ 0.25 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2553
2. รายได้ที่จัดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ สำหรับ "โครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง" ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2551 - 1 ตุลาคม 2552 รวมทั้งสิ้น 8,151.37 ล้านบาท โดยปัจจุบันได้โอนเงินดังกล่าวเข้าสมทบกับเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ทั้งนี้ฐานะเงิน "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 16,385 ล้านบาท
3. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้จัดทำประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 สรุปได้ดังนี้
หน่วย: ล้านบาท
ปีงบประมาณ | 2554 | 2555 | 2556 | 2557 | รวมช่วงปี54-57 |
1.เงินคงเหลือณวันที่ 30 กันยายน 2553 | 16,385 | 16,385 | |||
2.ยอดยกมาต้นปีงบประมาณ | 17,536 | 22,272 | 29,666 | ||
3.รายรับประกอบด้วย | |||||
3.1 ประมาณรายรับจากผู้ผลิต/ผู้นำเข้าน้ำมัน | 7,083 | 7,214 | 7,379 | 7,453 | 29,129 |
3.2 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากพพ. | 968 | 862 | 671 | 710 | 3,210 |
3.3 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากปตท. | 211 | 212 | 204 | 135 | 762 |
ปีงบประมาณ | 2554 | 2555 | 2556 | 2557 | รวมช่วงปี54-57 |
3.4 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากกฟผ. | 550 | - | - | 400 | 950 |
รวมรับ | 8,812 | 8,288 | 8,254 | 8,698 | 34,051 |
4.รายจ่ายประกอบด้วย | |||||
4.1 รายจ่ายผูกพันปี 2538-2547 | 274 | 132 | 21 | - | 426 |
4.2 รายจ่ายผูกพันปี 2548-2552 | 4,701 | 3,420 | 838 | 766 | 9,726 |
4.3 รายจ่ายผูกพันปี 2553 (สนพ.) | 1,281 | 1,281 | |||
4.4 รายจ่ายผูกพันปี 2553 (พพ.) | 1,406 | 1,406 | |||
รวมจ่าย | 7,661 | 3,552 | 860 | 766 | 12,839 |
5.เงินคงเหลือปลายปี (1+2+3-4) ยกไป | 17,536 | 22,272 | 29,666 | 37,598 | 37,598 |
ประมาณการรายได้/รายจ่ายสุทธิ (3-4) | 1,151 | 4,736 | 7,394 | 7,932 | 21,213 |
มติที่ประชุม
รับทราบประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 4 รายงานการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553 ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ในวงเงิน 1,823,952,000 บาท และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในวงเงิน 1,379,613,752 บาท รวมเป็นเงิน 3,203,565,752 บาท โดยแยกเป็นแผนพลังงานทดแทน ในวงเงิน 1,039,305,450 บาท แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในวงเงิน 2,034,859,090 บาท และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ในวงเงิน 129,401,212 บาท
2. พพ. และ สนพ. ได้ดำเนินโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ปีงบประมาณ 2553 ตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ไว้แล้ว โดยมีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นจำนวนเงิน 2,931,520,752 บาท คิดเป็นร้อยละ 91.51 ของงบประมาณรวม และได้เบิกจ่ายเงินคิดเป็นร้อยละ 23 ของงบที่ผูกพัน ดังนี้
2.1 การดำเนินโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน ได้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 979.95 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 94 ของงบที่ได้รับ
2.2 การดำเนินโครงการภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ได้มีใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 1,822.17 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 90 ของงบที่ได้รับ
2.3 การดำเนินงานภายใต้แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ได้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 129.40 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 100 ของงบที่ได้รับ
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553 ตามที่ ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 5 รายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
1. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม 2551 - 31 กรกฎาคม 2552 เพื่อให้ทราบว่าการดำเนินงานของกองทุนฯ และโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ มีผลการดำเนินงานบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายหรือไม่การใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ประหยัด และคุ้มค่าหรือไม่ อย่างไร โดยขอตรวจสอบตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549-2551 และได้ขอความร่วมมือ สนพ. จัดเตรียมเอกสารและข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับกองทุนฯ และสถานที่ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานระหว่างการตรวจสอบ
2. สตง. ได้แจ้งผลและส่งรายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549-2551 มายัง สนพ. เพื่อทราบและดำเนินการตามข้อเสนอแนะ ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ 2 ประเด็น ดังนี้
2.1 การใช้จ่ายเงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ โดยครอบคลุมการใช้จ่ายเงินเพื่อบริหารกองทุนฯ ทั้งในส่วนของ สนพ. และ พพ. ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามภารกิจหน้าที่ของกองทุนฯ ซึ่งกำหนดไว้ในวัตถุประสงค์ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
2.2 ผลการดำเนินงานโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไม่บรรลุวัตถุประสงค์และไม่มีการใช้ประโยชน์ ซึ่ง สตง. ได้ตรวจสอบทั้งหมด 42 โครงการ ตามแผนพลังงานทดแทน และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยมีผลการดำเนินงานโครงการไม่บรรลุวัตถุประสงค์ และไม่มีการใช้ประโยชน์จากโครงการ จำนวน 11 โครงการ (พพ. จำนวน 10 โครงการ และ สนพ. จำนวน 1 โครงการ)
3. สตง. เสนอแนะให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอผลการตรวจสอบของ สตง. ให้ประธานกรรมการกองทุนฯ รับทราบและพิจารณา ดังต่อไปนี้
3.1 กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหาร เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
3.2 จัดให้มีการติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหารเพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งทราบปัญหา อุปสรรค
3.3 ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาของการดำเนินงานโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ โดยการพิจารณาดำเนินการตามรายงานประเมินผลและข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน และแจ้งปัญหาในการดำเนินงานของทั้ง 11 โครงการ ตามผลการตรวจสอบให้ สนพ. และ พพ. ทราบและดำเนินการแก้ไข เพื่อให้การดำเนินงานโครงการมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและยั่งยืน
3.4 กำหนดกฎระเบียบให้ สนพ. และ พพ. ซึ่งได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ จัดส่งข้อมูล โครงการให้กองทุนฯ เพื่อให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ใช้ในการติดตามประเมินผล
3.5 การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กับโครงการที่มีลักษณะการส่งเสริมและสาธิต ในอนาคตต้องกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ก่อน เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับพิจารณาตัดสินใจให้การสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับการดำเนินงานโครงการต่อไป
4. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ สตง. แล้ว สรุปได้ดังนี้
4.1 ได้จัดทำหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการประจำปี 2554 เพื่อใช้ในการพิจารณางบประมาณกองทุนฯ ปี 2554 ดังนี้
1) เกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ประจำปี 2554
เพื่อให้ใช้จ่ายเงินกองทุนในส่วนของงานบริหารงานกองทุนฯ เป็นไปตามเจตนารมณ์ ของพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรการ 25 (4) ที่กำหนดวัตถุประสงค์ให้ "เป็นค่าใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในการบริหารงานการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้" การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ประจำปี 2554 คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำ 2554 ใช้หลักเกณฑ์เบื้องต้นในการพิจารณาจัดสรร ดังนี้
1.1) เป็นรายการค่าใช้จ่ายที่มีความเกี่ยวข้องกับภารกิจและหน้าที่ของกองทุนเพื่อส่งเสริม การอนุรักษ์พลังงาน
1.2) อัตราค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนด และรายการค่าจ้างที่ปรึกษาให้เป็นไปตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
1.3) เป็นรายการค่าใช้จ่ายที่เป็นไปตามภารกิจที่คณะกรรมการกองทุนฯ และคณะอนุกรรมการกองทุนฯ มอบหมาย
1.4) เป็นรายการค่าใช้จ่ายที่ดำเนินการตามตัวชี้วัดเงินทุนหมุนเวียนของกรมบัญชีกลาง
1.5) นำผลประเมินของคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ มาประกอบการพิจารณาในการจัดสรรงบประมาณแต่ละปี
2) แนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณต่อไป
2.1) ฝ่ายเลขานุการฯ จะจัดตั้งคณะทำงานกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ของกองทุนฯ เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณเป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตามภารกิจ หน้าที่ของกองทุนฯ ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนจาก สนพ. พพ. กรมบัญชีกลาง และผู้แทนสำนักงบประมาณ
2.2) นำหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ของกองทุนฯ ที่กำหนดโดยคณะทำงานมาใช้ในการจัดสรรงบประมาณแต่ละปี
4.2 ฝ่ายเลขานุการฯ จะดำเนินการจัดทำหนังสือแจ้งประธานอนุกรรมการประเมินผลฯ เพื่อติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหารต่อไป
4.3 สนพ. และ พพ. ได้ชี้แจงเหตุที่ไม่บรรลุวัตถประสงค์หรือไม่มีการใช้ประโยชน์ พร้อมทั้งเสนอแนวทางการแก้ไขการดำเนินโครงการให้เกิดการใช้ประโยชน์สูงสุด ทั้ง 11 โครงการแล้ว ซึ่งมีรายละเอียดตามเอกสารแนบของระเบียบวาระ
4.4 การจัดส่งข้อมูลโครงการให้กองทุนฯ นั้น ได้เพิ่มเติมข้อเสนอในเรื่องที่ 4.1 เพื่อเป็นมติให้ สนพ. และ พพ. จัดส่งข้อมูลโครงการให้กองทุนฯ เพื่อให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ใช้ในการติดตามประเมินผลแล้ว
4.5 สนพ. ได้มีหนังสือแจ้ง สตง. ให้ทราบผลการดำเนินงานเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตามที่ ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และประธานกรรมการกองทุนฯ ให้ฝ่ายเลขานุการฯ และหน่วยงานทั้ง สนพ. และ พพ. นำข้อท้วงติงของ สตง. ไปเป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินงานต่อไป เพื่อมิให้มีรายการค่าใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ที่ผิดวัตถุประสงค์เกิดขึ้นอีก
เรื่องที่ 6 บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 มีมติอนุมัติให้หน่วยงานต่างๆ ที่มีเงินนอกงบประมาณ ถือปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลเงินนอกงบประมาณ ที่กระทรวงการคลังเสนออย่างเคร่งครัด โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามผล การดำเนินการ และกรมบัญชีกลางเริ่มใช้ระบบประเมินผลทุนหมุนเวียน ตั้งแต่ปีบัญชี 2547 ซึ่งกองทุน เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเป็นทุนหมุนเวียนที่เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงาน ตั้งแต่ปีบัญชี 2549
2. ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 กรมบัญชีกลางได้กำหนดตัวชี้วัดภาคบังคับ "บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียน" ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ทุกทุนหมุนเวียนในความรับผิดชอบของกรมบัญชีกลางจะต้องปฏิบัติตาม โดยมีความมุ่งหวังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลของคณะกรรมการทุนหมุนเวียน โดย จะประเมินจาก 4 ประเด็นหลักที่สำคัญ ดังนี้
2.1 การจัดให้มีทิศทาง แผนยุทธศาสตร์ และแผนปฏิบัติการประจำปี โดยพิจารณาจากคณะกรรมการทุนหมุนเวียนกำหนดทิศทาง ยุทธศาสตร์ และจัดให้มีแผนยุทธศาสตร์หรือแผนระยะยาว และแผนปฏิบัติการประจำปี ที่มีองค์ประกอบครบถ้วน มีคุณภาพ และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์จัดตั้ง รวมถึง พันธกิจของทุนหมุนเวียน
2.2 การติดตามระบบการบริหารจัดการและผลการปฏิบัติงานตามภารกิจของทุนหมุนเวียน โดยพิจารณาจากคณะกรรมการทุนหมุนเวียนมีการติดตามผลการปฏิบัติงานตามพันธกิจและระบบบริหารจัดการที่สำคัญ ได้แก่ ระบบการควบคุมภายใน ระบบการตรวจสอบภายใน ระบบการบริหารความเสี่ยง ระบบบริหารจัดการสารสนเทศ และระบบบริหารทรัพยากรบุคคลของทุนหมุนเวียนอย่างครบถ้วน เพียงพอ และสม่ำเสมอทั้งปี
2.3 การจัดให้มีระบบประเมินผลผู้บริหารทุนหมุนเวียน โดยพิจารณาจากการประเมินผลผู้บริหารระดับสูงที่เป็นระบบ โดยมีหลักเกณฑ์ชัดเจนสอดคล้องและเชื่อมโยงกับหลักเกณฑ์ และเป้าหมายระดับองค์กร
2.4 การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยพิจารณาจากการเปิดเผยข้อมูลสารสนเทศที่ครบถ้วน ถูกต้อง เชื่อถือได้ ทันกาล
3. การกำหนดเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2554 นั้น ฝ่ายเลขานุการฯ กำลังดำเนินการเจรจาต่อรองระหว่างผู้ถูกประเมิน คือ กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (สนพ. และ พพ.) กับผู้ประเมิน คือ กรมบัญชีกลางและทริส เพื่อให้ได้ตัวชี้วัดที่เหมาะสมกับการดำเนินงานของกองทุนฯ มากที่สุด ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จกลางเดือนมกราคม 2554
มติที่ประชุม
รับทราบบทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง ตามที่ ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ รายงานผลการประเมินการดำเนินงานของกองทุนฯ ในแต่ละรอบ ต่อคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อทราบต่อไปด้วย
เรื่องที่ 7 งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ได้รับทราบแผนอนุรักษ์พลังงานและเป้าหมาย ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-2554 ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เสนอ โดยมีเป้าหมายและการดำเนินการจะลดปริมาณการใช้พลังงานลง 7,820 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.8 ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศในปี 2554 และกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้แทนพลังงานเชิงพาณิชย์ 8,858 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 12.2 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554 และ กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 ได้เห็นชอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี โดยกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานทดแทนรวม 10,961 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 15.6 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554
2. สนพ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ได้รวบรวมงบประมาณรายจ่ายตามแผนงานและโครงการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับ ใช้จ่ายเป็นเงินหมุนเวียน เงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุนสำหรับการลงทุน และดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน มาตรา 25 แห่ง "พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" โดยมีหน่วยงานยื่นขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในปีงบประมาณ 2554 เป็นจำนวน 125 โครงการ ในวงเงินทั้งสิ้น 5,365,911,205 บาท
3. การพิจารณากลั่นกรองงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ดำเนินการโดย "คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำปี 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ที่ประธานคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้แต่งตั้งเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 โดยมีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธานคณะทำงานฯ ซึ่งได้เริ่มประชุมพิจารณางบประมาณตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2553 - 3 ธันวาคม 2553 รวม 9 ครั้ง และคณะทำงานฯ ได้ยึดแนวทาง/หลักเกณฑ์การพิจารณากลั่นกรองโครงการฯ ของกองทุนฯ โดยมีหลักเกณฑ์ที่สำคัญ ดังนี้
1) การจัดลำดับความสำคัญตามนโยบายและแผน โดยทำการพิจารณาถึงความสอดคล้องของโครงการกับภารกิจที่สำคัญ ดังนี้
- ภารกิจตามข้อกำหนดและกฎหมาย พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
- ภารกิจตามยุทธศาสตร์ระดับชาติ นโยบายรัฐบาล และกระทรวงพลังงาน
- ภารกิจตามเจตนารมณ์ของกองทุนฯ ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตามแผนและเป้าหมายอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554
- ภารกิจตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี (พ.ศ. 2551-2565)
2) ระยะเวลาการเกิดผลสัมฤทธิ์ โดยใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่งช่วงเวลาที่โครงการดังกล่าวสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้ในอนาคต โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะ "สั้น" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 1-2 ปี) ระยะ "กลาง" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 3-5 ปี) และ ระยะ "ยาว" (เกิดผลสัมฤทธิ์ต้องใช้เวลามากกว่า 5 ปี)
3) ศักยภาพในการขยายผล โดยเน้นโครงการวิจัยและ/หรือดำเนินการแล้วสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้จริง (Deployment Potential) โดยแบ่งตามศักยภาพการขยายผลเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "มาก" และกลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "น้อย"
4) โครงการต่อเนื่อง โดยพิจารณาผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ถ้ามีความก้าวหน้าเกินกว่าร้อยละ 50 ของแผนงาน และผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดี จึงจะได้รับงบประมาณสำหรับปีต่อไป
5) งานประชาสัมพันธ์ ดำเนินงานเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารอย่างแท้จริง
6) งบบริหารแผนการดำเนินงาน จะต้องเป็นภารกิจหรืองานที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และปรับอัตราค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แนวทาง และขอบเขตการพิจารณางบประมาณตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
4. คณะทำงานฯ ได้พิจารณารายละเอียดการของบประมาณรายจ่ายโครงการของกองทุนฯ ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะอนุกรรมการฯ แล้ว โดยเห็นสมควรสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายตามโครงการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ เป็นจำนวนไม่เกิน 2,614,335,136 บาท รวม 81 โครงการ ซึ่งได้ครอบคลุมการดำเนินงานทั้งในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจ การจัดการด้านการใช้พลังงาน รวมถึงการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนในการผลิตไฟฟ้า และผลิตความร้อนในเทคโนโลยีต่างๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานชีวมวล และเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยแบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงิน กองทุนฯ ดังนี้
1) พพ. จำนวน 883,618,960 บาท คิดเป็นร้อยละ 33.80 รวม 54 โครงการ
2) สนพ. จำนวน 1,730,716,176 บาท คิดเป็นร้อยละ 66.20 รวม 27 โครงการ
5. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2553 ได้พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ แล้ว ที่ประชุมมีมติเห็นชอบงบประมาณรายจ่าย เป็นจำนวน 2,614,335,136 บาท ตามที่คณะทำงานฯ เห็นสมควร และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ดังนี้
จำแนกตามแผนอนุรักษ์พลังงาน | จำนวนโครงการ | รวม | ร้อยละ | จำแนกตามหน่วยผู้เบิก (บาท) | |
พพ. | สนพ. | ||||
1. แผนพลังงานทดแทน | 39 | 1,449,445,340 | 55.44 | 318,758,500 | 1,130,686,840 |
1.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 10 | 214,635,000 | 8.21 | 61,635,000 | 153,000,000 |
1.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 20 | 341,945,340 | 13.08 | 228,703,500 | 113,241,840 |
1.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 9 | 864,445,000 | 33.07 | - | 864,445,000 |
1.4 งานบริหารแผนงาน | - | 28,420,000 | 1.09 | 28,420,000 | - |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 40 | 1,087,318,060 | 41.59 | 564,860,460 | 522,457,600 |
2.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 3 | 107,800,000 | 4.12 | 7,800,000 | 100,000,000 |
2.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 21 | 492,940,000 | 18.86 | 492,940,000 | - |
2.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 16 | 479,543,060 | 18.34 | 57,085,460 | 422,457,600 |
2.4 งานบริหารแผนงาน | - | 7,035,000 | 0.27 | 7,035,000 | - |
3. แผนบริหารเชิงกลยุทธ์ | 2 | 77,571,736 | 2.97 | - | 77,571,736 |
3.1 งานศึกษาวิจัยเชิงนโยบาย | 2 | 14,000,000 | 0.54 | - | 14,000,000 |
3.2 งานบริหารแผนงาน | - | 63,571,736 | 2.43 | - | 63,571,736 |
รวมงบประมาณ กทอ.ปี 2554 | 81 | 2,614,335,136 | 100.00 | 883,618,960 | 1,730,716,176 |
6. ฝ่ายเลขานุการฯ มีข้อเสนอในการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ดังนี้
1) เนื่องจาก พพ. และ สนพ. มีงานบริหารเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานที่ต้องดำเนินงานต่อเนื่อง เช่น การเบิกจ่ายเงินให้หน่วยงาน โครงการ ตามข้อผูกพันสัญญาฯ การประสานหน่วยงาน โรงงาน อาคาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอนุรักษ์พลังงาน การให้คำแนะนำกับประชาชนในเรื่องวิธีประหยัดพลังงาน ฯลฯ จึงมีรายจ่ายประจำที่จำเป็นเพื่อการบริหารงานที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น ค่าจ้างพนักงานราชการ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปให้ความรู้ความเข้าใจ การร่วมประชุมให้ความเห็น ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ งานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553
2) การพิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการภายใต้งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ทั้งแผนพลังงานทดแทนและแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในส่วนที่ สนพ. รับผิดชอบ ขอเสนอวิธีการดำเนินงานในลักษณะเดียวกับปีงบประมาณ 2553 โดยให้ สนพ. ทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองรายละเอียดของโครงการที่มีผู้ยื่นขอรับการสนับสนุน ตามรายละเอียดการของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 แล้วนำเสนอผู้มีอำนาจอนุมัติภายในวงเงิน ดังต่อไปนี้
(1) ผอ.สนพ. ไม่เกิน 10,000,000 บาท
(2) คณะอนุกรรมการกองทุนฯ เกิน 10,000,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000,000 บาท
(3) คณะกรรมการกองทุนฯ เกิน 50,000,000 บาท
3) เพื่อให้งานประชาสัมพันธ์มีความเป็นเอกภาพ และมีทิศทางการปฏิบัติไปในแนวเดียวกัน จึงขอเสนอพิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายโครงการประชาสัมพันธ์ในแผนพลังงานทดแทนและแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ไว้เป็นกรอบวงเงินแผนงานละ 350 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 700 ล้านบาท ให้ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน และให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผนงาน/งานเดียวกันได้ ทั้งนี้เมื่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เห็นชอบแล้ว ให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินโครงการต่อไป และให้กระทรวงพลังงานดำเนินการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ต่อไปด้วย
4) เพื่อให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ให้ สนพ. และ พพ. จัดส่งข้อมูลการดำเนินโครงการที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ 2554 พร้อมทั้งเอกสารรายงานที่ได้ตรวจรับแล้ว (ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์) ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทุก 4 เดือน เพื่อจัดส่งให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ใช้ในการติดตามประเมินผลโครงการต่อไป
มติที่ประชุม
ประธานกรรมการกองทุนฯ ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ไปดำเนินการทบทวนและตรวจสอบงบประมาณรายจ่ายในแต่ละโครงการตามข้อกำหนดในมาตรา 25 ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พร้อมทั้งตรวจสอบโครงการในมิติตามเป้าหมายการอนุรักษ์พลังงาน เพิ่มเติม และจัดทำข้อมูลดังกล่าวเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อประกอบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ในการประชุมครั้งต่อไป
กอ. ครั้งที่ 47 - วันจันทร์ที่ 5 มิถุนายน 2550
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 3/2550 (ครั้งที่ 47)
วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา 11.00 น.
ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
1. รายงานความคืบหน้าโครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงาน "โดยวิธีประกวดราคา"
2. แนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายพลังงานในการสนับสนุนการลงทุนโครงการพัฒนาระบบการขนส่งเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์
4. ขอความเห็นชอบปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
ปลัดกระทรวงพลังงาน (นายพรชัย รุจิประภา) กรรมการ เป็นประธานในที่ประชุม
รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายอดุลย์ ฉายอรุณ) แทนผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 รายงานความคืบหน้าโครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงาน "โดยวิธีประกวดราคา"
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2550 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้ สนพ. ในวงเงินรวม 1,137,500,000 บาท สำหรับใช้ตามแผน "โครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงานโดยวิธีประกวดราคา" ที่จะจูงใจผู้ประกอบการให้ตัดสินใจลงทุนดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในกิจการได้เร็วขึ้น โดยใช้เงินจากกองทุนฯ สนับสนุนอัตราต่อหน่วยพลังงานที่ประหยัดได้ ด้วยการเชิญชวนผู้ประกอบการยื่นข้อเสนอวิธีการที่จะปรับปรุงการใช้พลังงาน และเสนอขอรับเงินสนับสนุนต่อค่าพลังงานที่ประหยัดได้ ตามอัตราที่ต้องการและไม่เกินวงเงินที่ สนพ. กำหนด โดยโครงการดังกล่าว มีความคืบหน้าในการดำเนินงาน ดังนี้
1.1 สนพ. ได้จัดตั้งคณะทำงานโครงการฯ ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงานทั้งด้านไฟฟ้าและความร้อน มีบทบาทหน้าที่ในการกำกับ ดูแล ให้ข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน รวมถึงให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับเอกสารเชิญชวน การกำหนดรายละเอียด หลักเกณฑ์ และวิธีการประเมินเพื่อคัดเลือกข้อเสนอ ตลอดจนประเมินและคัดเลือกข้อเสนอ พร้อมทั้งติดตามผล
1.2 สนพ. ได้จัดทำร่างเอกสารเชิญชวนยื่นข้อเสนอ "โครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงาน โดยวิธีประกวดราคา" ในส่วนงานที่ 1 คือประกาศเชิญชวนผู้ใช้พลังงาน (end use) ผู้ประกอบการเอกชน โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน เรียบร้อยแล้ว และ สนพ. ได้จัดสัมมนาเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2550 แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ประกอบกิจการและผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ESCO เจ้าของอุปกรณ์ ที่ปรึกษาด้านพลังงาน โดยที่ประชุมเห็นว่าแนวทางของโครงการฯ มีความชัดเจนดีและมีลักษณะจูงใจ พร้อมทั้งมีคำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับโครงการหลายประเด็น ซึ่ง สนพ. ได้นำคำแนะนำดังกล่าวมาปรับปรุงในเอกสารเชิญชวนยื่นข้อเสนอโครงการฯ เรียบร้อยแล้ว
1.3 สนพ. ได้เสนอร่างเอกสารเชิญชวน "โครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงาน โดยวิธีประกวดราคา" ในส่วนเชิญชวนผู้ใช้พลังงาน (end use) ผู้ประกอบการเอกชน โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน ให้คณะทำงานโครงการฯ พิจารณา แล้ว เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2550 โดยที่ประชุมได้สอบถามถึงประเด็นเงินสนับสนุนที่ได้รับจากกองทุนฯ กับการคำนวณภาษี ซึ่ง สนพ. ชี้แจงว่าจะเพิ่มข้อความดังกล่าวในประกาศเชิญชวนฯ เพื่อให้ผู้ประกอบการทราบว่า เงินสนับสนุนต่อหน่วยค่าพลังงานที่จะลดการใช้ลงตามที่กำหนดอัตราสูงสุดไว้ 1.00 บาท/kWh สำหรับพลังงานไฟฟ้า และ 75 บาท/MMBTU สำหรับพลังงานความร้อนที่ใช้เชื้อเพลิงเหลวและก๊าซ และ 15 บาท/MMBTU สำหรับพลังงานความร้อนที่ใช้เชื้อเพลิงแข็ง นั้นได้รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านภาษีต่างๆ ด้วยแล้ว คณะทำงานโครงการฯ จึงได้มีมติเห็นชอบ เอกสารเชิญชวนยื่นข้อเสนอ "โครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงาน โดยวิธีประกวดราคา" ตามที่ สนพ. เสนอ และเห็นชอบให้ดำเนินการตามแผนงานประกาศเชิญชวนต่อไป
2. การดำเนินงานในช่วงต่อไป : เมื่อครบกำหนดยื่นให้ สนพ. ในวันที่ 17 ธันวาคม 2550 สนพ. จะดำเนินการตรวจสอบความครบถ้วนและความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อเสนอแล้วเสร็จเสนอคณะทำงานโครงการฯ พิจารณาตัดสินคัดเลือกผู้ได้รับจัดสรรรอบที่ 1 ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2551 และจักรายงานคณะอนุกรรมการฯ และคณะกรรมการกองทุนฯ ได้ทราบผลต่อไป โดยมีตารางแสดงขั้นตอนและกำหนดเวลาโครงการฯ รอบที่ 1 ดังนี้
มติที่ประชุม
รับทราบความคืบหน้าของการดำเนินงาน "โครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงานโดยวิธีประกวดราคา" ตามที่ สนพ. เสนอ
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า กพช. ในการประชุมครั้งที่ 6/2550 (ครั้งที่ 115) เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2550 ได้พิจารณาเรื่องแนวทางในการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอแล้ว ที่ประชุมได้มีมติในเรื่องดังกล่าว ดังนี้
1.1 เห็นชอบให้ปรับโอนอัตราเงิน "กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง" ให้แก่ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ดังนี้
โอนให้กองทุนอนุรักษ์พลังงาน | เพื่อลดราคาขายปลีกน้ำมัน | ||
สำหรับแผนงานปกติ | สำหรับโครงการขนส่งฯ | ||
1) เบนซิน 95 | 0.1800 | 0.5000 | 0.5000 |
2) เบนซิน 91 | 0.1800 | 0.5000 | 0.5000 |
3) แก๊สโซฮอล์ 95 | 0.1870 | 0 - 0.5000 | 0.5000 |
4) แก๊สโซฮอล์ 91 | 0.1870 | 0 - 0.5000 | 0.5000 |
5) ดีเซลหมุนเร็ว | 0.1800 | 0.5000 | 0.5000 |
6) ไบโอดีเซล บี 5 | 0.1835 | 0 - 0.5000 | 0.5000 |
- โดยในระยะแรกให้โอนอัตรากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และไบโอดีเซล ไปยังกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโครงการพัฒนาระบบขนส่งในระดับ 0 บาท/ลิตร และมอบอำนาจให้ประธาน กพช. เป็นผู้พิจารณาปรับเพิ่มการโอนอัตรากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และไบโอดีเซล ในอนาคตสูงขึ้นได้ถึง 0.50 บาท/ลิตร ตามภาวการณ์ที่เห็นว่าเหมาะสม
- ทั้งนี้ ให้ปรับเพิ่มการโอนอัตรากองทุนน้ำมันฯ ไปยังกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโครงการพัฒนาระบบขนส่งเป็น 0.70 บาท/ลิตร เมื่อกองทุนน้ำมันฯ ได้สะสมเงินไว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในภาวะฉุกเฉินและเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงได้เพียงพอแล้ว โดยมอบหมายให้กระทรวงพลังงานรับไปพิจารณาปริมาณเงินกองทุนน้ำมันฯ ที่เหมาะสมต่อไป
1.2 มอบหมายให้ ฝ่ายเลขานุการฯ ดำเนินการออกประกาศ กพช. และนำเสนอ กบง. เพื่อพิจารณาปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ให้สอดคล้องกับมติ กพช. ตามข้อ 1.1 โดยให้กระทำในวันเดียวกัน ดังนี้
1.2.1 ประกาศ กพช. เพื่อกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล์ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และไบโอดีเซล บี 5 เป็น 0.75, 0.25, 0.75 และ 0.25 บาท/ลิตร ตามลำดับ
1.2.2 ประกาศ กบง. เพื่อปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซิน 95 เบนซิน 91 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และไบโอดีเซล บี 5
1.3 มอบหมายให้คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานรับไปจัดทำแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนในการสนับสนุนโครงการด้านระบบขนส่ง เพื่อเสนอ กพช. พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
2. การดำเนินการตามมติ กพช.
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้จัดทำร่างแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2550 ได้มีการประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับรัฐมนตรี ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และกระทรวงพลังงาน และเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 ได้เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณา โดยได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับการปรับปรุงร่างแนวทางการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในการสนับสนุนโครงการด้านระบบขนส่ง มีความชัดเจน ครบถ้วนสมบูรณ์ขึ้นมาก
3. แนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในการสนับสนุนโครงการด้านระบบขนส่ง
เพื่อให้การจัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับโครงการพัฒนาระบบการขนส่งมีความชัดเจน จึงเสนอให้เพิ่มเป็นภารกิจพิเศษภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยกำหนดเป็นงานที่ 5) โครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง และกำหนดแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ดังต่อไปนี้
3.1 แนวทางในการให้การสนับสนุน : เป็นเงินหมุนเวียน เงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุน หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ สำหรับการลงทุนในโครงการที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบการขนส่งเฉพาะที่ก่อให้เกิดผลลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศ และประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการนั้น เช่น การสร้างระบบขนส่งมวลชนในเมืองใหญ่ การพัฒนาระบบการขนส่งทางรถไฟ รวมถึงรถไฟรางคู่ และการพัฒนาระบบสนับสนุนการขนส่งสินค้า (Logistics) เช่น การปรับปรุงท่าเรือ และคลังสินค้า เป็นต้น
3.2 ผู้ที่จะได้รับการสนับสนุน : เป็นหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ
3.3 ประเภทของค่าใช้จ่ายที่จะได้รับการสนับสนุน ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ ในลักษณะเงินช่วยเหลือให้เปล่า และค่าใช้จ่ายในการลงทุน ในลักษณะเงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุน หรือเงินหมุนเวียน ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการควบคุมงานก่อสร้างหรือติดตั้ง เครื่องจักร อุปกรณ์ ทั้งนี้ผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุนฯ จะคืนเงินช่วยเหลืออุดหนุนดังกล่าวให้กองทุนฯ ตามเงื่อนไขและภายในเวลาที่จะได้มีการตกลงกัน
3.4 แนวทางจัดทำข้อเสนอโครงการฯ : "เจ้าของโครงการ" จะต้องจัดทำข้อเสนอโครงการ โดยมีแผนงานและงบลงทุนเต็มโครงการฯ รายจ่ายทั้งแผนงาน และต้องจำแนกส่วนที่ดำเนินงานไปแล้ว กำลังดำเนินงาน และจะต้องระบุแหล่งเงินทุนที่จะใช้ในการดำเนินโครงการในแต่ละแหล่งให้ชัดเจน รวมทั้งจะต้องระบุ รายละเอียดความคุ้มค่าของการลงทุน ผลตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจสังคม และผลตอบแทนด้านการเงิน รวมถึงผลตอบแทนด้านการลดใช้พลังงานของประเทศด้วย
3.5 เงื่อนไขในการพิจารณาโครงการ : ต้องเป็นโครงการที่จะได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ต้องผ่านการพิจารณาจากสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คณะกรรมการกองทุนฯ และคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว และหากจะมีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญของโครงการฯ ก็ให้ สศช. พิจารณาก่อน
3.6 วิธีการและขั้นตอนในการให้การสนับสนุน
ขั้นตอนที่ 1 "เจ้าของโครงการ" จัดทำข้อเสนอยื่นกับ สศช. และ กระทรวงการคลัง เพื่อขอความเห็นชอบในการดำเนินโครงการฯ และเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา พร้อมนี้กระทรวงการคลังอาจถามความเห็นจากคณะกรรมการกองทุนฯ ในส่วนของการจัดสรรเงินกองทุนฯ อุดหนุนโครงการดังกล่าวไปในคราวเดียว
ขั้นตอนที่ 2 โครงการที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว สนพ. จะเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้เจ้าของโครงการฯ นั้น ตามจำนวนที่ได้รับแจ้งจากกระทรวงการคลัง
สำหรับโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้ให้ความเห็นชอบไปตามขั้นตอนที่ 1 แล้ว ไม่ต้องเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอีก
ขั้นตอนที่ 3 สนพ. จะแจ้งมติให้ "เจ้าของโครงการ" ทราบและลงนามในหนังสือยืนยัน โดยการเบิกจ่ายเงินงวดแรกให้ "เจ้าของโครงการ" เป็นไปตามที่ระบุไว้ในหนังสือยืนยัน
ขั้นตอนที่ 4 "เจ้าของโครงการ" ดำเนินโครงการตามแผนงาน และรายงานผลการให้ สนพ. ทราบทุกระยะ
ขั้นตอนที่ 5 เมื่อต้องมีการจ่ายเงินตามงวดในหนังสือยืนยัน สนพ. จะเบิกเงินจากที่เก็บรักษาเงินกองทุนฯ เพื่อนำมารอจ่ายให้แก่ "เจ้าของโครงการ" ในการจ่ายเงินนี้ สนพ. ต้องพิจารณาตรวจสอบให้ "เจ้าของโครงการ" ดำเนินการตามหนังสือยืนยันก่อนจึงจ่ายเงินได้
ขั้นตอนที่ 6 สนพ. รายงานความก้าวหน้าและผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการกองทุนฯ ทราบเป็นระยะๆ รวมถึงติดตามประเมินผลโครงการด้วย
3.7 หลักเกณฑ์การจัดสรรเงินสนับสนุน : เนื่องจากรายรับของกองทุนฯ มาจากสัดส่วนการส่งเงินเข้ากองทุนฯ ของประชาชนในภูมิภาคต่างๆ จึงนำปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จำหน่ายไปของแต่ละจังหวัดคิดค่าเฉลี่ยตั้งแต่ ปี 2547-ปัจจุบัน และจัดกลุ่มแบ่งออกเป็น 5 ภาค เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางกำหนดสัดส่วนการจัดสรรค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนในโครงการพัฒนาระบบการขนส่ง เป็น ร้อยละ 70 สำหรับกรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และร้อยละ 30 สำหรับภาคอื่นๆ ทั้งนี้ การจัดสรรค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนในโครงการพัฒนาระบบการขนส่ง อาจมีวงเงินสูงกว่าสัดส่วนข้างต้น โดยคณะรัฐมนตรีเป็นผู้ให้ความเห็นชอบ
4. ฐานะการเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
4.1 สนพ. ได้จัดทำประมาณการรับและรายจ่ายของกองทุนน้ำมันฯ ให้สอดคล้องตามมติ กพช. โดยไม่ได้โอนเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฯ จำนวน 3,000 ล้านบาท ไปเพิ่มสภาพคล่องให้กับกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยเริ่มโอนอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจัดเก็บแทน ในอัตรา 0.50 บาทต่อลิตร ในวันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2550 จะทำให้กองทุนน้ำมันฯ จะมีเงินสะสม 10,179 ล้านบาท ในเดือนมิถุนายน 2551 แต่ด้วย กบง. ในการประชุมเมื่อ 12 ตุลาคม 2550 มีมติให้กองทุนน้ำมันฯ โอนเงิน 3,500 ล้านบาท ฝากที่ ธกส. เพื่อเป็นทุนให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อใช้ในการผลิตไบโอดีเซล เงินกองทุนน้ำมันฯ จึงลดลงและจะสะสมได้ถึง 10,000 ล้านบาท ในปลายเดือนกันยายน 2551 การโอนอัตรากองทุนน้ำมันฯ ไปยังกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโครงการพัฒนาระบบขนส่งเป็น 0.70 บาท/ลิตร จึงเริ่มในวันพุธที่ 1 ตุลาคม 2551 และฐานะการเงินของกองทุนน้ำมันฯ เป็นดังนี้
4.2 จากแนวทางตามข้อ 4.1 ฐานะการเงินของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จะเป็นดังนี้
4.3 จากข้อ 4.2 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจะมีวงเงินสำหรับโครงการลงทุนพัฒนาระบบขนส่งขนาดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2550 ถึงกันยายน 2555 รวมทั้งสิ้น 71,424 ล้านบาท ดังนี้
ปี | 2550 | 2551 | 2552 | 2553 | 2554 | 2555 |
รายได้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ล้านบาท) สำหรับโครงการลงทุนพัฒนาระบบขนส่ง | ||||||
ประมาณการรายรับล่วงหน้า | ||||||
- รายได้ 50 ส.ต. (เริ่ม 17 ธ.ค. 50) | 0 | 8,575 | 11,071 | 11,068 | 11,082 | 11,541 |
- รายได้ 20 ส.ต. (เริ่ม 1 ต.ค. 51) | 0 | 0 | 4,428 | 4,427 | 4,433 | 4,617 |
ประมาณการรับรับ (รายปี) | 0 | 8,757 | 15,499 | 15,495 | 15,515 | 16,158 |
ประมาณการรายรับ (รวม 5ปี) 71,424 |
5. การปรับเป้าหมายแผนอนุรักษ์ฯ ในช่วงปี 2551-2554 : กพช. ในการประชุมเมื่อ 28 กันยายน 2550 มีข้อสังเกตว่าแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปี 2551-2554 ที่ได้ปรับลดเป้าหมายการประหยัดพลังงานในภาคอุตสาหกรรม จาก 3,832 ktoe เป็น 2,581 ktoe เนื่องจากเห็นว่างานปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมยังอยู่ในระหว่างการศึกษา คาดว่าเกิดผลลดการใช้พลังงานหลังปี 2554 นั้น ที่ประชุมเห็นว่าบางกลุ่มอุตสาหกรรมดำเนินการเสร็จไปแล้ว ซึ่งน่าจะมีผลต่อการลดการใช้พลังงานเกิดขึ้นบางส่วนแล้ว จึงให้ สนพ. พิจารณาเรื่องการปรับเป้าหมายแผนอนุรักษ์พลังงานอีกครั้ง
สนพ. ได้ศึกษาจากรายงานผลการศึกษาโครงการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ที่ พพ. ได้ว่าจ้าง TDRI ดำเนินการศึกษาแล้ว พบว่าประมาณการผลการประหยัดพลังงาน 1,400 ktoe ที่คาดว่าจะได้รับจากการปรับโครงสร้างการผลิตสินค้าประหยัดพลังงานให้ได้ 5% ได้แก่ การผลิต/ประกอบรถประหยัดเชื้อเพลิง ประหยัด 26,000 ล้านบาท/ปี (1,300 ktoe) การผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน (>เบอร์ 5) ประหยัด 3,000 ล้านบาท/ปี (150 ktoe) ลดส่วนแบ่งสาขาที่มีการใช้พลังงานสูงและเพิ่มส่วนแบ่งสาขาที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เช่น ลดสาขาโลหะลง เพิ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง/พลาสติก หรืออุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเลคทรอนิคส์ เป็นต้น ประหยัด 4,000 ล้านบาท (200 ktoe) ดังนั้น เป้าหมายแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปี 2551-2554 ได้รวมผลการประหยัดพลังงานในเรื่องการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน และการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงไว้แล้ว ในการนี้ได้ปรับเพิ่มผลการประหยัดพลังงานที่ได้จากการผลิตรถประหยัดเชื้อเพลิง (ECO Car) 123 ktoe และการผลิตไฟฟ้าระบบ Cogeneration 576 ktoe สำหรับการลงทุนในโครงการพัฒนาระบบขนส่งขนาดใหญ่ จะเกิดผลการประหยัดพลังงานหลังปี 2554 จึงสรุปเป้าหมายของแผนอนุรักษ์พลังงานฯ เป็นดังนี้
เป้าหมายแผนอนุรักษ์พลังงาน ณ ปี 2554 | |||
กพช. 23 ธ.ค.47 | กพช. 26 ธ.ค.49 | ปรับปรุง พ.ย. 50 | |
(ktoe) | (ktoe) | (ktoe) | |
เป้าหมายรวม | 17,884 | 19,005 | 18,993 |
แผนงานเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 10,354 | 7,694 | 7,787 |
สาขาอุตสาหกรรม | 3,411 | 3,832 | 3,157 |
สาขาขนส่ง | 6,270 | 3,290 | 3,413 |
การจัดการด้านการใช้พลังงาน | 673 | 572 | 1,217 |
แผนงานด้านพลังงานทดแทน | 7,530 | 11,311 | 11,206 |
ส่งเสริม NGV | - | 4,348 | 4,518 |
พลังงานหมุนเวียน* | 7,530 | 6,963 | 6,688 |
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง ตามที่ สนพ. เสนอ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณาต่อไป
2. เห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ กพช. พิจารณาการเริ่มโอนอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจัดเก็บแทน ในอัตรา 0.50 บาทต่อลิตร ในวันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2550 และปรับเพิ่มเป็น 0.70 บาท/ลิตร ในวันพุธที่ 1 ตุลาคม 2551 เพื่อใช้สำหรับโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง โดยกองทุนน้ำมันฯ ไม่ต้องโอนเงินจำนวน 3,000 ล้านบาท ให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเพื่อเพิ่มสภาพคล่องตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ เคยมีมติไว้แล้ว
3. เห็นชอบกรอบวงเงินที่ขออนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับแผนงานโครงการลงทุนพัฒนาระบบขนส่ง ในช่วงปี 2551-2555 วงเงินประมาณ 71,424 ล้านบาท และให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดสรรเงินดังกล่าวตามแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง
4. เห็นชอบเป้าหมายแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปี 2551-2554 ที่ปรับปรุงตามข้อ 5 และให้เสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พิจารณาต่อไป
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2550 ได้มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ (Nuclear Power Infrastructure Preparation Committee: NPIPC) โดยมี ดร. กอปร กฤตยากีรณ เป็นประธาน ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นคณะกรรมการ และผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานเป็นกรรมการและเลขานุการ เพื่อจัดทำและเสนอแนะแผนงาน มาตรการ แนวทางในการดำเนินงานด้านการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากนิวเคลียร์เพื่อผลิตไฟฟ้า รวมทั้งการสื่อสารสาธารณะเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และนำไปสู่การยอมรับของประชาชน และคณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ (NPIPC) ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการ 7 คณะ เพื่อช่วยเหลือคณะกรรมการในการศึกษาประเด็นหลัก (Key Issues) ประกอบด้วย
1) คณะอนุกรรมการด้านระบบกฎหมาย ระบบกำกับ และข้อผูกพันระหว่างประเทศ
2) คณะอนุกรรมการด้านโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและการพาณิชย์
3) คณะอนุกรรมการด้านการถ่ายทอด พัฒนาเทคโนโลยี และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
4) คณะอนุกรรมการความปลอดภัยนิวเคลียร์ และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
5) คณะอนุกรรมการด้านสื่อสารสาธารณะและการยอมรับของประชาชน
6) คณะอนุกรรมการด้านการวางแผนด้านการเตรียมจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์
7) คณะอนุกรรมการยกร่างแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์
2. คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ และคณะอนุกรรมการฯ ได้จัดทำร่างแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ แล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2550 และได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) มาให้ความเห็นต่อร่างดังกล่าว พร้อมทั้งได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องทุกภาคฝ่าย เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2550 และนำข้อคิดเห็นที่ได้รับมาปรับปรุงร่างแผนงานฯ ที่สมบูรณ์ ประกอบด้วย 6 แผน ดังนี้
1) แผนงานด้านระบบกฎหมาย ระบบกำกับ และข้อผูกพันระหว่างประเทศ
2) แผนงานโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและการพาณิชย์
3) แผนการถ่ายทอดพัฒนาเทคโนโลยี และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
4) แผนด้านความปลอดภัยและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
5) แผนการสื่อสารและการยอมรับของสาธารณะ
6) การวางแผนการดำเนินการโครงสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
3. คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ ได้เสนอร่างแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ต่อ กพช. ในการประชุมครั้งที่ 7/2550 (ครั้งที่ 116) เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2550 และที่ประชุมได้มีมติดังนี้
3.1 เห็นชอบในหลักการ แผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานฯ โดยมอบหมายให้คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ รับไปศึกษาในรายละเอียดเพื่อจัดทำแผนให้สมบูรณ์ และเสนอ กพช. ต่อไป
3.2 เห็นชอบให้มีการจัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ เป็นหน่วยงานภายในกระทรวงพลังงาน
3.3 เห็นชอบในการดำเนินโครงการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยจัดประชุมสัมมนาอย่างน้อย 8 ครั้ง ในระยะเวลา 6 เดือน
3.4 เห็นชอบแผนการดำเนินงานในช่วง 3 ปีแรก (พ.ศ. 2551 - 2553) โดยมอบหมายให้คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ รับไปกำหนดแผนการดำเนินงานในรายละเอียดต่อไป
3.5 เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณในช่วง 3 ปีแรก (พ.ศ. 2551 - 2553) จำนวน 1,800 ล้านบาท เพื่อใช้ในการจัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ การดำเนินงานแผนงานด้านกฎหมาย ระบบกำกับและข้อผูกพันระหว่างประเทศ แผนงานด้านโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ แผนงานด้านพัฒนา ถ่ายทอดเทคโนโลยีและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ แผนงานด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม แผนงานด้านสื่อสารสาธารณะและการยอมรับของประชาชน และแผนงานด้านการเตรียมการจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ โดยให้ตั้งงบประมาณรวมอยู่ในกระทรวงพลังงาน และให้กระทรวงพลังงานรับไปพิจารณาจัดหางบประมาณต่อไป
3.6 เห็นชอบให้การกำกับดูแลในระยะเริ่มแรกให้ใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่หลายฉบับไปพลางก่อน หลังจากนั้นมอบหมายให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รับไปยกร่างกฎหมายเฉพาะในการกำกับดูแล มาตรฐานและความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์ โดยครอบคลุมถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
4. ข้อเสนอของกระทรวงพลังงาน
4.1 คณะอนุกรรมการยกร่างแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์ ได้มีการประชุมครั้งที่ 4/2550 (ครั้งที่ 4) เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2550 เพื่อรับทราบมติของ กพช. และให้คณะอนุกรรมการทั้ง 6 ชุด จัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานและแผนงบประมาณในช่วง 3 ปีแรก (พ.ศ. 2551-2553) ซึ่งคาดว่าจะใช้จ่ายเงินประมาณ 450 ล้านบาท/ปี หรือจำนวนรวม 1,350 ล้านบาท โดยจำแนกตามแผนงานในเบื้องต้นได้ดังนี้
(1) แผนงานด้านกฎหมาย ระบบกำกับและข้อผูกพันระหว่างประเทศ งบประมาณ 30 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
(2) แผนงานด้านโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ งบประมาณ 10 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพลังงาน
(3) แผนงานด้านพัฒนา ถ่ายทอดเทคโนโลยีและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ งบประมาณ 65 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงศึกษาธิการ
(4) แผนงานด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม งบประมาณ 30 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
(5) แผนงานด้านสื่อสารสาธารณะและการยอมรับของประชาชน งบประมาณ 205 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงพลังงาน
(6) แผนงานด้านการเตรียมการจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ งบประมาณ 85 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
(7) การจัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (NPPDO) งบประมาณ 25 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ กระทรวงพลังงาน
4.2 เนื่องจากของบประมาณแผ่นดินไม่ทันและเพื่อให้การดำเนินงานตามแผนฯ มีความต่อเนื่องทันตามกำหนดเวลาที่ กพช. เห็นชอบไว้ กระทรวงพลังงานจึงเสนอขอใช้เงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ให้ สนพ. ไว้สำหรับจัดสรรเป็นเงินช่วยเหลืออุดหนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 250 ล้านบาท/ปี หรือจำนวนรวม 750 ล้านบาท โดยมีแนวทางและขั้นตอนการจัดสรรเงินกองทุนฯ ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ จัดทำแผนการดำเนินงานในรายละเอียดของแต่ละโครงการและหน่วยงานที่รับผิดชอบพร้อมกำหนดแหล่งทุนที่จะใช้สำหรับโครงการนั้น
ขั้นตอนที่ 2 โครงการที่คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ กำหนดให้ใช้เงินจากกองทุนฯ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการฯ ยื่นข้อเสนอต่อ สนพ. เพื่อให้ความเห็นเสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ
ขั้นตอนที่ 3 ข้อเสนอที่คณะอนุกรรมการกองทุนฯ เห็นชอบแล้ว สนพ. จะแจ้งมติให้เจ้าของโครงการทราบ และลงนามในหนังสือยืนยันหรือสัญญากับเจ้าของโครงการ การเบิกจ่ายเงินงวดแรกให้ "เจ้าของโครงการ" เป็นไปตามที่ระบุไว้ในหนังสือยืนยันหรือสัญญา
ขั้นตอนที่ 4 เจ้าของโครงการดำเนินการตามแผนงาน และรายงานผลให้ สนพ. ทราบทุกระยะ โดยมีคณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ รับรองรายงานแต่ละฉบับ
ขั้นตอนที่ 5 เมื่อต้องมีการจ่ายเงินตามงวดในหนังสือยืนยัน สนพ. จะดำเนินการเบิกเงินจากที่เก็บรักษาเงินกองทุนฯ เพื่อนำมารอจ่ายให้แก่เจ้าของโครงการ โดย สนพ. ต้องตรวจสอบให้เจ้าของโครงการดำเนินการตามหนังสือยืนยันหรือสัญญาก่อนจึงจ่ายเงินได้
ขั้นตอนที่ 6 สนพ. รายงานความก้าวหน้าและผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการกองทุนฯ ทราบเป็นระยะๆ รวมถึงติดตามประเมินผลโครงการด้วย
มติที่ประชุม
เห็นชอบจัดสรรเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ให้ สนพ. สำหรับดำเนินการตามแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ในช่วง 3 ปีแรก (พ.ศ.2551 - 2553) จำนวน 250 ล้านบาท/ปี หรือจำนวนรวม 750 ล้านบาท โดยมีกรอบ แนวทาง และขั้นตอนการจัดสรรเงินกองทุนฯ ตามที่ สนพ.เสนอ โดยในปี 2552-2553 ให้จัดทำคำขอตั้งงบประมาณก่อน และขอรับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากคณะกรรมการกองทุนฯ ในส่วนที่งบประมาณจัดสรรให้ไม่เพียงพอ
เรื่องที่ 4 ขอความเห็นชอบปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่ามีหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานไปแล้ว ได้ยื่นเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการไปจากที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้ รวม 22 โครงการ ดังนี้
1.1 ขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน รวม 12 โครงการ คือ
โครงการ | หน่วยงาน | เดิม | ขยายถึง | |
(1) | โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการอบแห้งกุนเชียง | ม.พระจอมเกล้าธนบุรี | กันยายน 2550 | ธันวาคม 2550 |
(2) | โครงการบูรณาการงานด้านพลังงานกับแผนยุทธศาสตร์จังหวัด | สำนักงานพลังงานภูมิภาค 3 | พฤษภาคม 2550 | สิงหาคม 2550 |
(3) | โครงการศึกษาดัชนีการใช้พลังงานสำหรับหน่วยงานราชการ | ม.เชียงใหม่ | กันยายน 2550 | ธันวาคม 2550 |
(4) | โครงการออกแบบประตูบานเกล็ดเพื่ออนุรักษ์พลังงาน | ม.พระจอมเกล้าธนบุรี | ธันวาคม 2548 | ธันวาคม 2550 |
(5) | โครงการกรุงเทพฯ ฟ้าใส ด้วยไบโอดีเซล | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | พฤศจิกายน 2550 | พฤศจิกายน 2551 |
(6) | โครงการส่งเสริมการใช้ก๊าซชีวภาพจากระบบจัดการน้ำเสียโรงฆ่าสัตว์ | มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม | กันยายน 2550 | สิงหาคม 2552 |
(7) | โครงการการส่งเสริมการผลิตการใช้ ไบโอดีเซลในระดับชุมชน (ทดสอบการใช้ไบโอดีเซลกับเครื่องยนต์การเกษตรเอนกประสงค์) |
กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | สิงหาคม 2550 | กุมภาพันธ์ 2551 |
(8) | โครงการการศึกษาวิศวกรรมแบบบูรณาการเพื่อเพิ่มทักษะด้านการอนุรักษ์พลังงานสำหรับพนักงานปฏิบัติการในโรงงานอุตสาหกรรม | ม.พระจอมเกล้าธนบุรี | เมษายน 2550 | ธันวาคม 2550 |
(9) | โครงการอบรมบุคลากรเรื่องบูรณาการการเรียนการสอนด้านพลังงานระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา | มูลนิธิสิ่งแวดล้อมไทย | กันยายน 2550 | มีนาคม 2551 |
(10) | โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 3 ทุน | ม. พระจอมเกล้าธนบุรี | - | - |
(11) | โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศ จำนวน 2 ทุน | ม.เชียงใหม่ | - | - |
(12) | ขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินเกิน 3 เดือนนับจากวันสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา จำนวน 5 ราย | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | - | 3 เดือนนับจากวันที่ได้รับอนุมัติการขยายระยะเวลา |
1.2 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ รวม 10 โครงการ คือ
โครงการ | หน่วยงาน | ขอเปลี่ยนแปลง | |
(1) | โครงการบูรณาการงานด้านพลังงานกับแผนยุทธศาสตร์จังหวัด | สำนักงานพลังงานภูมิภาค 9 | ขอนำเงินค่าบริหารโครงการ ไปจัดซื้อเครื่องมือตรวจวัดการใช้พลังงาน จำนวน 6 ชุด ราคาชุดละ 29,799.50 บาท รวมเป็นเงิน 178,797 บาท |
(2) | โครงการการจัดการพลังงานพลังงานทั่วทั้งองค์กรสำหรับโรงแรมและการบริหารเปลี่ยนแปลง | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | ขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน จากเดิมสิ้นสุดเดือนกันยายน 2550 เป็นเดือนพฤษภาคม 2551 และขอปรับรายละเอียดการรายงานความก้าวหน้าและการเบิกจ่ายเงิน |
(3) | โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ จำนวน 3 ทุน | - | ขอขยายระยะเวลาการศึกษาและเพิ่มวงเงินทุนการศึกษา จำนวน 2 หน่วยงาน และขอโอนการชดใช้ทุน จำนวน 1 หน่วยงาน * |
(4) | โครงการสนับสนุนทุนอุดหนุนการ วิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 4 หน่วยงาน | - | ขอเปลี่ยนแปลงคณะผู้วิจัย จำนวน 3 หน่วยงาน และขอสละสิทธิ์การรับทุนอุดหนุนการวิจัย จำนวน 1 หน่วยงาน |
(5) | โครงการศึกษากำหนดคุณภาพและคุณสมบัติของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่เหมาะสมหลังปี 2550 | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | ขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน จากเดิมสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เป็นเดือนพฤษภาคม 2551 และปรับลดวงเงินจากเดิม 6,400,000 บาท เป็น 5,340,000 บาท |
(6) | โครงการตรวจวัดมลพิษทางอากาศจากรถยนต์ที่ใช้แก๊สโซฮอล์ | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | ขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน จากเดิมสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2550 เป็นเดือนพฤศจิกายน 2550 และปรับลดจำนวนรถยนต์ที่ใช้ทดสอบจาก 2 คัน เหลือ 1 คัน พร้อมปรับลดวงเงินจาก 11,762,000 บาท เหลือ 11,296,500 บาท |
(7) | โครงการผลิตเมทานอลจากชีวมวลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในเซลล์เชื้อเพลิง | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | ขอยกเลิกการดำเนินงานโครงการผลิต เมทานอลจากชีวมวลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในเซลล์เชื้อเพลิง เพื่อเปลี่ยนไปดำเนินโครงการพัฒนาสาธิตการผลิตไฮโดรเจนจากขบวนการความร้อนเคมีระยะที่ 2 แทน ในวงเงิน 6,000,000 บาท |
(8) | โครงการการส่งเสริมการผลิตการใช้ไบโอดีเซลในระดับชุมชน (ขนาด 2,000 ลิตรต่อวัน) | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | - ขอเปลี่ยนชุมชนต้นแบบการผลิตและใช้ไบโอดีเซล จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เป็นศูนย์ทดลองวิชาการพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน จังหวัดหนองคาย - ขอโอนเงินกองทุนฯ หมวดค่าตอบแทนใช้สอยและวัสดุ งานบริหารแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน 4,733,500 บาท ไปก่อสร้างอาคารโรงคลุมระบบผลิตไบโอดีเซล ศูนย์ทดลองวิชาการฯ จ.หนองคาย |
(9) | โครงการส่งเสริมการวิจัยเชิงนโยบายเพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาด้านการใช้พลังงานหมุนเวียนและการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย | ขอขยายระยะเวลาโครงการฯ ออกไปจนถึงเดือนตุลาคม 2551 และขอปรับแผนการใช้จ่ายเงินของโครงการฯ ส่วนที่เหลืออยู่จำนวน 28.5 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษารายละเอียดเชิงลึกเพิ่มเติม |
10) | โครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก แควน้อย (อ.นครไทย จ.พิษณุโลก) | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | คณะกรรมการกองทุนฯ มีเงื่อนไขก่อนใช้เงินกองทุนฯ 64,780,000 บาท พพ. ต้องมีหนังสือจากกรมป่าไม้ เห็นชอบให้เข้าดำเนินการในพื้นที่ได้ แต่ พพ. จำเป็นต้องสำรวจแนวเขตพื้นที่ร่วมกับกรมป่าไม้ให้มีความชัดเจน จึงขอใช้เงินที่ได้รับอนุมัติไว้ จำนวน 3,307,800 บาท ก่อน เพื่อนำไปเป็นงบดำเนินงานบริหารโครงการ |
* หมายเหตุ
(1) สำนักงานศาลปกครอง ขอขยายเวลาการศึกษาให้แก่ นางสาวรัชดาพร นิ่มพงษ์ศักดิ์ ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2551 ถึงวันที่ 9 มกราคม 2552 เพื่อปรับปรุงวิทยานิพนธ์ และขออนุมัติเพิ่มวงเงินทุนการศึกษา จำนวน 9,040 ปอนด์
(2) ม. อุบล ขอขยายเวลาการศึกษาให้แก่นางสาวบงกช สุขอนันต์ ออกไปอีก 10 เดือน ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2551 ถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2551 เพื่อใช้เวลาในการเขียนวิทยานิพนธ์ และขออนุมัติเพิ่มวงเงินจำนวน 9,550 ปอนด์
(3) กรมควบคุมมลพิษ ขอให้นายสราวุธ เทพานนท์ โอนการชดใช้ทุนการศึกษา จากกรมควบคุมมลพิษ ไปปฏิบัติงานเป็นพนักงานของรัฐ ตำแหน่งอาจารย์ ในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้โครงการตามข้อ 1.1 (1)-(12) และข้อ 1.2 (1)-(6) และ (8)-(10) รวม 21 โครงการ ขยายระยะเวลาดำเนินงานและปรับรายละเอียดได้ตามที่เสนอมา
2. ไม่อนุมัติให้ พพ. นำเงินกองทุนฯ ที่จัดสรรมาใช้สำหรับ โครงการผลิตเมทานอลจากชีวมวลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในเซลล์เชื้อเพลิง ไปใช้ดำเนินโครงการพัฒนาสาธิตการผลิตไฮโดรเจนจากขบวนการความร้อนเคมี ระยะที่ 2 และหาก พพ. มีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการพัฒนาสาธิตการผลิตไฮโดรเจนฯ ก็ควรจัดทำรายละเอียดเสนอขอจัดสรรเงินกองทุนฯ มาใช้ดำเนินการ
อนุ กอ. ครั้งที่ 20 - วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม 2553
มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 3/2553 (ครั้งที่ 20)
วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม 2553 เวลา 13.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. การขอปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
2. การมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้ข้าราชการ และพนักงานราชการ ปฏิบัติงานแทนผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
3. รายงานการประเมินผลการดำเนินงานในช่วง 4 ปีแรก (ปี 2548- 2551) ของแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3
นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานอนุกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน อนุกรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การขอปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า มีหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไปแล้ว ได้ยื่นเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการจากที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้พิจารณาและอนุมัติไว้ รวม 27โครงการ ซึ่งตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินฯ ตามข้อ 1.3 (2) หมวด 3 ข้อ 24 กำหนดว่า การเปลี่ยนแปลงรายการ ระยะเวลาดำเนินการ ไปจากรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้แล้ว จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ก่อน จึงจะเปลี่ยนแปลงได้
2. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้พิจารณาเหตุผลและรายละเอียดที่เจ้าของโครงการฯ ได้แจ้งขอเปลี่ยนแปลงแล้ว ซึ่งจำแนกขอเปลี่ยนแปลงออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
2.1 ขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ เกิน 3 เดือน นับจากวันสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา จำนวน 4 โครงการ ดังนี้
(1) โครงการพัฒนาคุณภาพหม้อไอน้ำในภาคอุตสาหกรรม
(2) การว่าจ้างที่ปรึกษาตรวจสอบ (Accredited Consultants) เพื่อดำเนินงานในส่วนการตรวจสอบและส่งเสริมการปฏิบัติงานตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ในโรงงานควบคุม (กลุ่มที่ 1)
(3) การว่าจ้างที่ปรึกษาตรวจสอบ (Accredited Consultants) เพื่อดำเนินงานในส่วนการตรวจสอบและส่งเสริมการปฏิบัติงานตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ในโรงงานควบคุม (กลุ่มที่ 3)
(4) โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาโครงการทบทวนร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงและวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 2
มีสาเหตุจากคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรได้ทำสัญญาจ้างไว้กับ พพ. ได้ส่งงาน/รายงาน เลยกำหนดระยะเวลาในสัญญา และบางข้อเสนอส่งตามเวลาที่กำหนดไว้แล้ว แต่การตรวจรับงานของ พพ. พบว่าผลงานยังไม่สมบูรณ์ตามข้อตกลง เช่น ขาดรายละเอียด ขาดข้อมูลหรือเอกสารอ้างอิง ฯลฯ และให้คู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรดำเนินการปรับปรุงรายงานให้สมบูรณ์ ซึ่งส่งผลให้เลยกำหนดระยะเวลา 3 เดือน นับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา พพ. จึงได้เสนอขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายรายการนั้นๆ ซึ่งเป็นการดำเนินตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ข้อ 16 ที่ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการเบิกจ่ายเงินกองทุนไว้ "ให้ผู้เบิกเงินกองทุนใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันตามประมาณการรายจ่ายประจำปีได้ ภายในวงเงินและปีงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ กรณีผู้เบิกเงินกองทุนก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณแต่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในปีงบประมาณนั้นๆ ให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายรายการนั้นๆ ต่อไปได้ ภายใน 3 เดือน นับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา"
ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นว่าการขยายเวลาของทั้ง 4 โครงการ ไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับแล้ว จึงเห็นควรให้ทั้ง 4 โครงการ ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายแต่ละรายการได้ตามที่เสนอมา โดยให้ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายออกไปได้อีก 3 เดือน นับจากวันที่คณะกรรมการกองทุนฯ มีมติอนุมัติ
2.2 ขอขยายระยะเวลาโครงการฯ จำนวน 16 โครงการ ดังนี้
โครงการ | หน่วยงาน | เดิม | ขยายถึง | |
(1) โครงการศูนย์พัฒนามาตรฐานและทดสอบระบบเซลล์แสงอาทิตย์ ปีที่ 3 | พพ. | เม.ย. 2552 | พ.ย. 2552 | |
(2) โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและผลกระทบเชิงพื้นที่ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ | สพน. | ม.ค. 2553 | มิ.ย. 2553 | |
(3) โครงการศึกษาและจัดทำแผนงานด้านโครงสร้างอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ | สพน. | ม.ค. 2553 | มิ.ย. 2553 | |
(4) โครงการจัดหาที่ปรึกษาเพื่อศึกษาแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อรองรับการจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ | สพน. | ม.ค. 2553 | มิ.ย. 2553 | |
(5) โครงการจัดทำสื่อเพื่อการรณรงค์และเผยแพร่องค์ความรู้ ความเข้าใจด้านพลังงานนิวเคลียร์ | สพน. | ก.พ. 2553 | พ.ค. 2553 | |
(6) โครงการพลังงานทดแทนโดยการใช้เอทานอลจากพืชเศรษฐกิจ สำหรับรถจักรยานยนต์ E85-100 ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีและชุมชนเครือข่ายเกษตรกรต้นแบบ | มทส. | ม.ค. 2553 | มี.ค. 2553 | |
(7) โครงการศึกษาแนวทางบริหารจัดการเชื้อเพลิงชีวมวลเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน (ระดับชุมชน) | มทส. | ธ.ค. 2552 | ก.พ. 2553 | |
(8) โครงการศึกษาเชิงนโยบาย กรณีปรับแต่งเครื่องยนต์เพื่อประหยัดพลังงาน | ปตท. | ก.ย. 2549 | ธ.ค. 2552 | |
(9) โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการอบแห้งกุนเชียง ระยะที่ 2 | มจธ. | มี.ค. 2553 | มี.ค. 2554 | |
(10) โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศ
- กรมการพลังงานทหารขอขยายระยะเวลาการศึกษา |
ธ.ค. 2552 |
พ.ย. 2553 | ||
(11) โครงการพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้และขยายเครือข่ายการสื่อสารด้านพลังงานในกลุ่มเยาวชนและครู ปีที่ 2 | สป.พน. | มี.ค. 2553 | ก.ย. 2553 | |
(12) โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ
- ขอขยายระยะเวลาการศึกษา 2 หน่วยงาน |
มศก.
มน. |
ธ.ค. 2552
ม.ค. 2553 |
มิ.ย. 2553
ธ.ค. 2553 |
|
(13) โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 11 โครงการ 5 หน่วยงาน | ตามเอกสารแนบ 3.1.1
ส่วนที่ 2 โครงการที่ 13 |
|||
(14) โครงการศูนย์สาธิตและพัฒนาพลังงานทดแทนจากข้าวครบวงจร | พพ. | ก.ย. 2552 | ก.ค. 2553 | |
(15) โครงการศูนย์การเรียนรู้พลังงานในภูมิภาค: กิจกรรมว่าจ้างวิศวกรที่ปรึกษาออกแบบก่อสร้างศูนย์การเรียนรู้พลังงานในภูมิภาค | สป.พน. | ก.ค. 2553 | ธ.ค. 2553 | |
(16) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศ | ธพ. | พ.ย. 2552 | มี.ค. 2553 |
แต่ละหน่วยงานได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีข้อจำกัดระหว่างการดำเนินงาน เช่น การจัดหาชุดอุปกรณ์ทดสอบเฉพาะทาง การปฏิบัติตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การได้รับผลกระทบทางการเงินของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ การใช้เวลาในการเก็บข้อมูลสำหรับการทำวิทยานิพนธ์ การทำงานวิจัยแล้วผลการทดลองมีความคลาดเคลื่อนไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ จำเป็นต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์ผลการทดลองเพิ่มเติม เป็นต้น
ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นว่าการขยายเวลาของทั้ง 16 โครงการ ไม่ได้เกิดจากเจตนาของผู้ได้รับทุน และการเปลี่ยนแปลงแต่ละรายการ ไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับแล้ว และไม่ได้ทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการลดลง จึงเห็นควรให้ทั้ง 16 โครงการ ขยายระยะเวลาโครงการออกไปได้ตามที่ขอมา ทั้งนี้สำหรับโครงการที่ขอขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการจนถึงเดือนมิถุนายน 2553 ได้แก่ โครงการที่ 1-8, 13 และ 16 เห็นควรเสนอพิจารณาอนุมัติให้การสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ เป็น ภายใน 30 วัน นับจากวันที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีหนังสือแจ้งมติอนุมัติการขอขยายระยะเวลาดังกล่าว
2.3 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ จำนวน 4 โครงการ ดังนี้
โครงการ | การขอเปลี่ยนแปลง | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
(1) โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศ | สป.พน. ขอยกเลิกการรับทุนการศึกษาให้กับนายประพนธ์ แก้วรินขวา เนื่องจากได้รับการบรรจุเป็นพนักงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
(2) โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ | มก. ขอผ่อนผันให้นายสราวุธ เทพานนท์ สามารถนับระยะเวลาการปฏิบัติงานที่ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก เป็นเวลาปฏิบัติงานชดใช้ทุนตามที่กรมบัญชีกลางได้เห็นชอบการผ่อนผันดังกล่าว เป็นกรณีพิเศษ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
(3) โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา | มจธ. ขอเปลี่ยนแปลงโครงการวิจัย ดังนี้
(1) โครงการ "การออกแบบอาคารโรงงานอุตสาหกรรมแบบบูรณาการเพื่อการประหยัดพลังงาน" ขอเปลี่ยนชื่อเป็น "ยุทธศาสตร์การออกแบบอย่างบูรณาการด้านประสิทธิภาพพลังงานของอาคารอุตสาหกรรมในเขตร้อนชื้น" (2) โครงการ "การบำบัดน้ำเสียอุตสาหกรรมอาหารด้วยกระบวนการไบโอไฮโดรเจน" ขอเพิ่มผู้วิจัย คือ นางสาวสุภัทร์พร เทียนงาม |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
(4) โครงการส่งเสริมการใช้หลอดผอมใหม่เบอร์ 5 | กฟผ. ขอเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินงานและรายละเอียดงบประมาณ ดังนี้
ขอปรับวิธีการดำเนินงาน
ขอปรับรายละเอียด
|
ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นว่าการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดดังกล่าว เป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อที่จะทำให้โครงการเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น และบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับแล้ว จึงเห็นควรให้ทั้ง 4 โครงการ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการได้
2.4 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ และขยายระยะเวลาดำเนินงาน จำนวน 3 โครงการ
โครงการ | การขอเปลี่ยนแปลง |
(1) โครงการผลิตข่าวสารนิวเคลียร์ โดย สพน. |
(1) ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของสื่อที่ใช้ในการเผยแพร่ข่าวสารนิวเคลียร์ (ตาม เอกสารแนบ 3.1.1 ส่วนที่ 4 โครงการที่ 1) (2) ขอขยายเวลาโครงการ จากเดิมสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2553 เป็นสิ้นสุด เดือนพฤษภาคม 2553 |
(2) โครงการ Energy Mobile Unit
ระยะที่ 2 (ชุดปฏิบัติการพลังงานเคลื่อนที่ ระยะที่ 2) โดย สป.พน. |
(1) ขอเปลี่ยนการจัดหารถพลังงานเคลื่อนที่ (Mobile Unit) จากเดิม จัดหารถบรรทุก 4-6 ล้อ พร้อมตู้สำหรับบรรทุกชุดนิทรรศการเคลื่อนที่และอุปกรณ์เทคโนโลยี พลังงาน เป็นยานพาหนะ เพื่อนำเจ้าหน้าที่และบรรทุกชุดนิทรรศการเคลื่อนที่ และขอปรับจำนวนเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยปฎิบัติการพลังงานเคลื่อนที่ จากเดิม 26 อัตรา เป็นไม่น้อยกว่า 26 อัตรา (2) ขอขยายเวลาโครงการ จากเดิมสิ้นสุดเดือนสิงหาคม 2553 เป็นธันวาคม 2553 |
ม. วลัยลักษณ์ ขอขยายเวลาการศึกษาให้แก่ นายปิยะ ปานผู้มีทรัพย์ ออกไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2553 - มีนาคม 2554 เพื่อจัดทำวิทยานิพนธ์ พร้อมทั้งขออนุมัติเพิ่มวงเงินทุนการศึกษาในช่วงที่ขอขยายเวลา จำนวนเงิน 276,318 บาท |
ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นว่าการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียด และขยายระยะเวลาดำเนินงานดังกล่าว เป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อที่จะทำให้โครงการเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น และบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับแล้ว จึงเห็นควรให้โครงการที่ 1-2 เปลี่ยนแปลงรายละเอียดและขยายระยะเวลาโครงการได้ ทั้งนี้สำหรับโครงการที่ 1 ที่ขอขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการจนถึงเดือนพฤษภาคม 2553 เห็นควรเสนอพิจารณาอนุมัติให้การสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ เป็น ภายใน 30 วัน นับจากวันที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีหนังสือแจ้งมติอนุมัติการขอขยายระยะเวลาดังกล่าว ส่วนโครงการที่ 3 คือ โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ เห็นควรอนุมัติขยายเวลาการศึกษาให้แก่ผู้ได้รับทุนการศึกษาได้ ตามที่ขอมา โดยไม่ควรให้เบิกเงินงบประมาณเหลือจ่ายจากวงเงินประมาณเดิมที่เคยได้รับอนุมัติไว้ และไม่อนุมัติเพิ่มวงเงิน สำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายในภาคการศึกษาที่ได้รับอนุมัติให้ขยายเวลา เนื่องจากกองทุนฯ ได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลาของหลักสูตรที่กำหนดไว้แล้ว
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาการขอปรับรายละเอียดของโครงการแล้ว มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ ดังนี้
1. ประธานอนุกรรมการฯ เห็นควรให้ฝ่ายเลขานุการฯ ปรับชื่อวาระจาก "การขอปรับรายละเอียดโครงการ..." เป็น "การขอเปลี่ยนแปลงโครงการ..." ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับประเด็นการพิจารณาที่เสนอขอมา
2. การขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ เกิน 3 เดือน ในโครงการที่ 4 "โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาโครงการทบทวนร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 2" ประธานอนุกรรมการฯ ได้มีข้อสังเกตว่า เป็นโครงการที่ใช้เวลาในการดำเนินงานและได้ล่วงเลยระยะเวลาสิ้นสุดของสัญญามาเป็นเวลานาน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า หน่วยงานไม่มีระบบการติดตามการดำเนินโครงการที่ดี จึงทำให้เกิดความล่าช้าและไม่แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด ดังนั้น เพื่อให้ระบบการบริหารและการติดตามงานโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ให้ พพ. ดำเนินการติดตามงานโครงการอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง และให้รายงานความก้าวหน้าของโครงการต่ออนุกรรมการเพื่อทราบทุกๆ 3 เดือน
3. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ ในข้อ 2.3 ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ประชุมพิจารณาแล้ว และเห็นว่าการชดใช้ทุนนั้น เป็นการปฏิบัติตามข้อกำหนดในระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการทำสัญญาและการชดใช้เงินกรณีรับทุน ลาศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ พ.ศ. 2548 ที่หน่วยงาน/ส่วนราชการจะต้องถือเป็นหลักปฏิบัติ ดังนั้น จึงให้ฝ่ายเลขานุการฯ พิจารณาและตรวจสอบข้อกำหนดของระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องต่อไป
4. โครงการส่งเสริมการใช้หลอดผอมใหม่เบอร์ 5 ในข้อ 2.3 ที่ประชุมพิจารณาแล้ว และเห็นควรให้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ปรับเป้าหมายของจำนวนหลอดไฟ ให้สอดคล้องกับวงเงินที่ปรับลด และเห็นว่าแผนการดำเนินงานโครงการที่ขอปรับนั้น กฟผ. ได้เน้นการรณรงค์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งานของหลอดมากขึ้น ด้วยการส่งเสริมให้หน่วยงานราชการเป็นผู้นำในการใช้หลอดผอมเบอร์ 5 รวมถึงส่งเสริมการเปลี่ยนหลอดในภาคเอกชน พร้อมทั้งการประสานธนาคารพาณิชย์ในการปล่อยกู้สำหรับลงทุน ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนมาใช้หลอดผอมเบอร์ 5 เพิ่มมากขึ้น และทำให้เป้าหมายจำนวนหลอดภายใต้โครงการเพิ่มขึ้นด้วย
5. โครงการผลิตข่าวสารนิวเคลียร์ ในข้อ 2.4 ที่ประชุมเห็นควรให้ สพน.พิจารณาเพิ่มการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโทรทัศน์ การจัดทำสื่อวีดีทัศน์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากจะเป็นสื่อที่สามารถนำไปเผยแพร่ และใช้ประกอบการเรียนการสอนได้มากขึ้น รวมถึงการคำนึงถึงภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร ควรจะเป็นภาษาที่สามารถเข้าใจได้ง่าย ตลอดจนการจัดทำรูปแบบให้น่าสนใจ เพื่อให้การเผยแพร่ข่าวสารมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้โครงการตามข้อ 2.1 ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ เกิน 3 เดือน นับจากวันสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา จำนวน 4 โครงการ ข้อ 2.2 ขยายระยะเวลาโครงการฯ จำนวน 16 โครงการ ข้อ 2.3 เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ จำนวน 3 โครงการ และ ข้อ 2.4 เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการและขยายระยะเวลาดำเนินงาน จำนวน 3 โครงการ รวม 26 โครงการ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการได้ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอมา และให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติต่อไป
1. พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 มาตรา 27 กำหนดให้มีคณะกรรมการกองทุนฯ โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (ผอ.สนพ.) เป็นกรรมการและเลขานุการ
2. เนื่องจากการดำเนินงานตามภารกิจของกองทุนฯ มิได้มีหน่วยงานหรือองค์กร รองรับภารกิจต่างๆ ของกองทุนฯ ปัจจุบันการดำเนินงานตามภารกิจของกองทุนฯ ได้ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ดังนั้น อาศัยอำนาจตามมาตรา 24 ข้อ 1 - 6 มาตรา 25 และมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ผอ.สนพ. ในฐานะกรรมการและเลขานุการ จึงได้มีคำสั่งสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ที่ 55/2553 เรื่อง "มอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้ข้าราชการ และพนักงานราชการ ปฏิบัติงานแทนผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย คล่องตัว รวดเร็วยิ่งขึ้น
3. รายละเอียดการมอบอำนาจหน้าที่ให้ข้าราชการ และพนักงาน ปฏิบัติงานแทน ผอ.สนพ. ในส่วนของ สนพ. เป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักนโยบายอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน สำนักบริหารกลาง กองนโยบายและแผนพลังงาน และจากศูนย์และสารสนเทศพลังงาน รวม 27 ราย
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว และเห็นว่าการมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้ข้าราชการและพนักงานราชการ ปฏิบัติงานแทน ผอ.สนพ. ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการกองทุนฯ นั้น จะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดในระเบียบที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น เพื่อให้การมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้ข้าราชการและพนักงานราชการ ปฏิบัติงานแทน ผอ.สนพ. มีการปฏิบัติที่ถูกต้อง จึงให้ฝ่ายเลขานุการฯ ไปดำเนินการตรวจสอบข้อกำหนดในระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน และให้ฝ่ายเลขานุการฯ ถอนวาระการประชุมนี้ออกไปก่อน
มติที่ประชุม
ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ไปดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดในแนวทางการปฏิบัติในการมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้ข้าราชการและพนักงานราชการ ปฏิบัติงานแทน ผอ.สนพ. ตามข้อกำหนดในระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ชัดเจน
1. คณะกรรมการกองทุนฯ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน เพี่อทำหน้าที่ประเมินผลการดำเนินงานของโครงการ และเสนอข้อพิจารณาประกอบรายงานการประเมินผลของโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ เป็นรายโครงการ และนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ
2. คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ได้มอบหมายให้ บริษัทเอเบิล คอนซัลแตนท์ จำกัด ดำเนินการประเมินผลภาพรวมของการดำเนินโครงการในช่วง 4 ปีแรก (ปี 2548-2551) ของแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 และการประเมินผลภาพรวมได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดย สนพ. ได้นำเสนอผลการประเมินต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในการสัมมนา 2 ครั้ง เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อผลการประเมินดังกล่าว
3. รายงานการประเมินผลการดำเนินงานในช่วง 4 ปีแรก (ปี 2548-2551) ของแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 (ปี 2548-2554) สรุปได้ดังนี้
3.1 จากการตรวจวิเคราะห์เชิงสถิติ พบว่าในระยะ 4 ปีแรกของแผนฯ มีการใช้เงินกองทุนฯ รวมทั้งสิ้น 32,000 ล้านบาท โดยใช้ไปในการดำเนินโครงการรวม 686 โครงการ ซึ่งส่วนใหญ่ร้อยละ 70 เป็นโครงการที่ไม่ได้มุ่งเน้นให้เกิดการประหยัดพลังงานที่เป็นรูปธรรม เช่น โครงการบริหารกิจกรรมและโครงการศึกษาจัดทำระเบียบ หลักเกณฑ์ มาตรฐาน โครงการประชาสัมพันธ์ เป็นต้น การดำเนินโครงการในแต่ละปีมีความล่าช้า จนถึงปัจจุบันมีจำนวนโครงการเพียงร้อยละ 65 ที่ดำเนินการแล้วเสร็จ สาเหตุสำคัญมาจากการบริหารงบประมาณ และการดำเนินการล่าช้า
3.2 โครงการที่ประเมินมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 299 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 43.6 ของโครงการทั้งหมด โดยปรากฏว่าร้อยละ 23.3 ของโครงการทั้งหมดมีความสัมฤทธิผล (ประสิทธิผล ประสิทธิภาพ ผลกระทบ และความยั่งยืน) อยู่ในระดับดีเยี่ยม, ร้อยละ 18.3 ดีมาก, ร้อยละ 28.8 ดี, ร้อยละ 23.7 พอใช้ และที่เหลือร้อยละ 5.8 ต้องปรับปรุง
3.3 กลุ่มงานที่มีความสัมฤทธิผลสูง ได้แก่ กลุ่มงานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนที่เป็นข้อสังเกตสำหรับโครงการพัฒนาบุคลากรอยู่ที่ การบริหารจัดการ การติดตามผลการดำเนินงาน และการใช้ประโยชน์ผลผลิตที่ได้ สำหรับกลุ่มงานประชาสัมพันธ์มีข้อสังเกตทางด้านประสิทธิภาพการใช้เงิน และวิธีการประชาสัมพันธ์ที่ทำแบบปูพรมมากเกินไป แทนที่จะเจาะเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย
3.4 ส่วนโครงการทางด้านศึกษาวิจัย ส่งเสริมสาธิต และการบริหารเชิงยุทธศาสตร์ ส่วนใหญ่มีผลการประเมินในระดับพอใช้ ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยจุดอ่อนอยู่ที่ทำงานได้ผลต่ำกว่าเป้า ดำเนินการล่าช้า มีปัญหาด้านคุณภาพและมาตรฐานของงานที่ทำ โครงการบางประเภทให้ผลการประเมินอยู่ในระดับดี มีผลการประหยัดชัดเจน และใกล้เคียงกับเป้า เช่น โครงการส่งเสริมก๊าซชีวภาพจากมูลสัตว์ โครงการมีส่วนร่วม โครงการสิทธิประโยชน์ทางภาษี เป็นต้น แต่ก็ไม่ควรจะให้เงินอุดหนุนต่อ เพราะให้มานานเลยช่วงของการสาธิตมาแล้ว ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด
3.5 การประเมินผลภาพรวมของการดำเนินงานตามแผนฯ ในช่วง 4 ปีแรก (2548-2551) ให้ผลในระดับพอใช้ ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน สาเหตุมาจากปริมาณผลผลิต/ผลประหยัด ได้ต่ำกว่าเป้า การดำเนินโครงการมีความล่าช้า และมีปัญหาประสิทธิภาพและความยั่งยืนของการดำเนินงาน
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้รับทราบรายงานการประเมินผลการดำเนินงานในช่วง 4 ปีแรก (ปี 2548-2551) ของแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 (ปี 2548-2554) แล้ว และมีข้อคิดเห็นในรายงานการประเมินผลเพิ่มเติม ดังนี้
1. ควรให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน มีระบบการติดตามการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง และให้ฝ่ายเลขานุการฯ รายงานความก้าวหน้าของโครงการต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ทราบทุกๆ 3 เดือน
2. การพิจารณาอนุมัติโครงการ ควรจะมีการศึกษาและทบทวนในรายละเอียดของข้อมูลโครงการที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดความซ้ำซ้อนการดำเนินงานของโครงการและเกิดประโยชน์สูงสุด
3. การพิจารณาข้อเสนอโครงการศึกษา วิจัย ควรคำนึงถึงศักยภาพในด้านการบริหารจัดการโครงการให้มีประสิทธิภาพ และแล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด
มติที่ประชุม
1. รับทราบรายงานการประเมินผลการดำเนินงานในช่วง 4 ปีแรก (ปี 2548 - 2551) ของแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 (ปี 2548 - 2554) ตามที่คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ เสนอมา และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อทราบต่อไป
2. ให้ สนพ. และ พพ. -มีระบบการติดตามการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง และให้ฝ่ายเลขานุการฯ รายงานความก้าวหน้าของโครงการต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ทราบทุกๆ 3 เดือน
3. การพิจารณาอนุมัติโครงการ ควรจะมีการศึกษาและทบทวนในรายละเอียดของข้อมูลโครงการที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดความซ้ำซ้อนการดำเนินงานของโครงการและเกิดประโยชน์สูงสุด
4. การพิจารณาข้อเสนอโครงการศึกษา วิจัย ควรคำนึงถึงศักยภาพในด้านการบริหารจัดการโครงการให้มีประสิทธิภาพ และแล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด
กองทุนสัญญาโรงกลั่นปิโตรเลียม พฤษภาคม 2553
- กองทุนสัญญาโรงกลั่นปิโตรเลียม พฤษภาคม 2553 (1864 Downloads)
งบประมาณกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พฤษภาคม 2553
- งบประมาณกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พฤษภาคม 2553 (714 Downloads)