Super User
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 26 เมษายน 2548
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 8-14 มิถุนายน 2552
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 18 เมษายน 2548
กบง. ครั้งที่ 132 -วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน 2555
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 35/2555 (ครั้งที่ 132)
วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 13.00 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
ปลัดกระทรวงพลังงาน กรรมการ นายณอคุณ สิทธิพงศ์ เป็นประธานที่ประชุม
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
2. การกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณราคาเอทานอล
3. แผนปฏิบัติการการยกเลิกน้ำมันเบนซิน 91
เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกว่า ในช่วงที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบดูไบปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 2 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เนื่องจากสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส แม้ว่าจะเซ็นสัญญาหยุดยิงเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ยังคงสู้รบกันอยู่ และปัจจัยอื่นคือความตรึงเครียดในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และสถานการณ์ในประเทศอียิปต์ ซึ่งหลังจากประธานาธิบดีของอียิปต์ออกพระราชกฤษฎีกาเพิ่มอำนาจให้ตนเอง ทำให้เกิดการประท้วงของประชาชนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งข่วแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐฯ ระเบิดในอ่าวเม็กซิโกตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2555 ซึ่งภาพรวมราคาน้ำมันดิบยังคงมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ในส่วนของน้ำมันสำเร็จรูป โดยน้ำมันเบนซินมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ และโรงกลั่นมะละกาในมาเลเซียลดกำลังการผลิตลงเนื่องจากปัญหาทางด้านเทคนิค แต่ประเทศศรีลังกาและอินโดนีเซียยังคงนำเข้าน้ำมันเบนซินในปริมาณสูง ส่วนราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าเฉลี่ย 2.30 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เนื่องจากโรงกลั่นมะละกาของมาเลเซียส่งออกน้ำมันดีเซลลดลงและประเทศญี่ปุ่นมีความต้องการใช้น้ำมันดีเซลเพิ่มสูงขึ้นในฤดูหนาว
เรื่องที่ 1การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
การกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณราคาเอทานอล
สรุปสาระสำคัญ
1. รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ และราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ข้อ 1.7.3 ดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคและผู้ผลิต และ ข้อ 3.5.3 กำกับราคาพลังงานให้มีความเหมาะสม เป็นธรรมและมุ่งสู่การสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยปรับบทบาทกองทุนน้ำมันฯ ให้เป็นกองทุนสำหรับรักษาเสถียรภาพราคา ส่วนการชดเชยราคานั้นจะดำเนินการอุดหนุนเฉพาะกลุ่ม ส่งเสริมให้มีการใช้ก๊าซธรรมชาติมากขึ้นในภาคขนส่งและส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอลและไบโอดีเซลในภาคครัวเรือน
2. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบหลักเกณฑ์การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสมภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การมอบหมาย ดังนี้
2.1 น้ำมันดีเซล การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาสูงขึ้นจนทำให้มีผลกระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสารเกินสมควรให้ กบง. พิจารณาปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ตามความเหมาะสม การปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและโดยสารสมควรปรับอัตราค่าบริการลงให้ กบง. ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่กระทบเกินสมควรต่อค่าขนส่งและโดยสาร
2.2 น้ำมันเบนซิน/น้ำมันแก๊สโซฮอล การปรับเพิ่ม/ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลให้พิจารณาปรับ เพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมันแก๊สโซฮอล เพื่อจูงใจให้มีการใช้พลังงานทดแทน (เอทานอล) มากขึ้น
3. ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาปิดตลาด ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2555 น้ำมันดิบดูไบน้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 109.05, 121.33 และ 125.94 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ โดยราคาน้ำมันดิบดูไบ เบนซิน และดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.70 8.85 และ 4.98 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากการประชุมครั้งก่อนเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2555 (ราคาปิดตลาดวันที่ 5 พฤศจิกายน 2555) จากราคาน้ำมันตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลง ผู้ค้าน้ำมันได้มีการปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล 4 ครั้ง โดยมีการปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอลลง 0.50 บาทต่อลิตร และปรับเพิ่มขึ้นจำนวน 3 ครั้งที่อัตรา 0.50 0.60 และ 0.50 บาทต่อลิตร ส่งผลให้โครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2555 เป็นดังนี้
โครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2555
4. ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2555 มีทรัพย์สินรวม 5,673 ล้านบาท หนี้สินรวม 23,752 ล้านบาท โดยกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิติดลบ 18,079 ล้านบาท
5. จากค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลที่อยู่ในระดับต่ำ ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลลง 0.50 บาทต่อลิตร ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ จะมีรายรับลดลงประมาณวันละ 26.70 ล้านบาท จากวันละ 68.33 ล้านบาทเป็นวันละ 41.63 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลลง 0.50 บาทต่อลิตร จาก 1.20 บาทต่อลิตร เป็น 0.70 บาทต่อลิตร โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2555 เป็นต้นไป
เรื่องที่ 2 การกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณราคาเอทานอล
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2555 ได้มีมติเห็นชอบอนุมัติเป้าหมายในการรับจำนำมันสำปะหลังจำนวน 10 ล้านตัน ในปี 2555/56 โดยให้เริ่มดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2555 - 31 มีนาคม 2556 ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะสนับสนุนให้นำมันสำปะหลังไปผลิตเป็นเอทานอล ในปี 2556 โดยเพิ่มสัดส่วนการผลิตเอทานอลจากกากน้ำตาล : มันสำปะหลัง คือร้อยละ 62 : 38 คิดเป็นปริมาณหัวมันสด 1.6 ล้านตันต่อปี ผลิตเอทานอลได้ 0.76 ล้านลิตรต่อวัน หรือ 255.60 ล้านลิตรต่อปี
2. กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้ขอความร่วมมือจากผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 และผู้ผลิตเอทานอล ให้ใช้สัดส่วนการใช้เอทานอลที่ผลิตจากกากน้ำตาลต่อสัดส่วนการใช้เอทานอลที่ผลิตจากมันสำปะหลังเฉลี่ยเป็นร้อยละ 62 : 38 ซึ่งในไตรมาสแรกผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ได้ตกลงซื้อขายเอทานอลไปบางส่วนแล้ว จึงอาจทำให้สัดส่วนในไตรมาสแรกไม่เป็นไปตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด อย่างไรก็ตาม ธพ. เสนอว่าให้ใช้สัดส่วนการผลิตเอทานอลจากกากน้ำตาล : มันสำปะหลัง เป็น ร้อยละ 62 : 38 โดยเฉลี่ยตลอดทั้งปี
3. เนื่องจากสูตรการคำนวณราคาเอทานอลอ้างอิงที่ใช้ในปัจจุบันเป็นราคาจริงตามข้อมูลการซื้อขาย เอทานอลระหว่างผู้ผลิตเอทานอล กับผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 จากกรมสรรพสามิต ซึ่งเป็นราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักตามปริมาณการซื้อขายจริง โดยใช้หลักเกณฑ์การกำหนดราคาเอทานอล ดังนี้
Eth คือ ราคาประกาศเอทานอลอ้างอิง (บาท/ลิตร) ประกาศทุกวันที่ 1 ของเดือนเช่น ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2555 จนถึงสิ้นเดือน มกราคม 2555
คือ ปริมาณการขายเอทานอลที่โรงงานผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังและกากน้ำตาลขายให้กับบริษัทผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 (ลิตร)
คือ ราคาขายเอทานอลที่โรงงานผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังและกากน้ำตาล ขายให้กับบริษัทผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 (บาท/ลิตร)
คือ จำนวนรายการการจำหน่ายเอทานอล
4. ในปี 2556 กระทรวงพลังงานกำหนดเป้าหมายส่งเสริมให้ใช้เอทานอลเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านลิตรต่อวัน และขอความร่วมมือจากผู้ค้าน้ำมันให้นำเอทานอลผสมเป็นแก๊สโซฮอลโดยใช้เอทานอลจากกากน้ำตาลและมันสำปะหลังในสัดส่วนร้อยละ 62 : 38 เพื่อให้สะท้อนต้นทุนราคาเอทานอลที่แท้จริงของผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ดังนั้น ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอหลักเกณฑ์การคำนวณราคาเอทานอลโดยเป็นราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักตามสัดส่วนปริมาณที่กระทรวงพลังงานกำหนด ตั้งแต่เดือนมกราคม - ธันวาคม 2556 ดังนี้
Eth = (0.62 x Pmol)+ (0.38 x Pcas)
โดยที่
Eth คือ ราคาประกาศเอทานอลอ้างอิง (บาทต่อลิตร) ประกาศทุกวันที่ 1 ของเดือน เช่น ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2555 จนถึงสิ้นเดือน มกราคม 2555
Pmol คือ ราคาขายเอทานอลที่โรงงานผู้ผลิตเอทานอลจากกากน้ำตาลและไฮบริดขายให้กับบริษัทผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 (ลิตร)
Pcas คือ ราคาขายเอทานอลที่โรงงานผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังขายให้กับบริษัทผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 (ลิตร)
ทั้งนี้ มอบหมายให้ ธพ. ดำเนินการตรวจสอบสัดส่วนปริมาณการใช้เอทานอลจากกากน้ำตาลและ มันสำปะหลังที่ใช้ผสมเป็นแก๊สโซฮอลรายเดือนของแต่ละบริษัทผู้ค้าน้ำมันที่จำหน่ายแก๊สโซฮอล เพื่อควบคุมให้ทุกบริษัทผู้ค้าน้ำมันฯ ผสมเอทานอลตามสัดส่วนที่กำหนด โดยเฉลี่ยในปี 2556 เป็นร้อยละ 62 : 38
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบหลักเกณฑ์การคำนวณราคาเอทานอลโดยเป็นราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักตามสัดส่วนปริมาณที่กระทรวงพลังงานกำหนด ตั้งแต่เดือนมกราคม - ธันวาคม 2556 โดยหลักเกณฑ์การคำนวณราคาเอทานอลเป็นดังนี้
Eth = (0.62 x Pmol) + (0.38 x Pcas)
โดยที่
Eth คือ ราคาประกาศเอทานอลอ้างอิง (บาท/ลิตร) ประกาศทุกวันที่ 1 ของเดือน
เช่น ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 จนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2555
Pmol คือ ราคาขายเอทานอลที่โรงงานผู้ผลิตเอทานอลจากกากน้ำตาลและไฮบริดขายให้กับบริษัทผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 (ลิตร)
Pcas คือ ราคาขายเอทานอลที่โรงงานผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังขายให้กับบริษัทผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 (ลิตร)
ทั้งนี้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดทำรายงานผลการดำเนินการ และรายงานให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานทราบเป็นรายไตรมาส
2. มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานดำเนินการตรวจสอบสัดส่วนปริมาณการใช้เอทานอลจากกากน้ำตาลและมันสำปะหลังที่ใช้ผสมเป็นแก๊สโซฮอลรายเดือนของแต่ละบริษัทผู้ค้าน้ำมันที่จำหน่ายแก๊สโฮอล เพื่อควบคุมให้ทุกบริษัทผู้ค้าน้ำมันฯ ผสมเอทานอลตามสัดส่วนที่กำหนด โดยเฉลี่ยในปี 2556 เป็นร้อยละ 62 : 38 และแจ้งให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทราบเป็นรายไตรมาส
3. มอบหมายให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานประสานกรมการค้าภายในเพื่อตรวจสอบว่าผู้ผลิตเอทานอลใช้มันสำปะหลังในโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง โดยผู้ผลิตเอทานอลจากมันเส้น ให้ใช้มันเส้นจากองค์การคลังสินค้า (อคส.) ผู้ผลิตเอทานอลจากมันสดให้เปิดจุดรับซื้อมันสดที่หน้าโรงงาน และ ผู้ผลิตเอทานอลจากน้ำอ้อยให้ถือว่าอยู่ในกลุ่มกากน้ำตาล พร้อมทั้งให้รวบรวมรายงานยอดการซื้อมันสำปะหลังของโรงงานเอทานอลรายเดือน และแจ้งให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทราบเป็นรายไตรมาส
เรื่องที่ 3 แผนปฏิบัติการการยกเลิกน้ำมันเบนซิน 91
สรุปสาระสำคัญ
1. เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2554 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554 โดยเห็นชอบในหลักการให้ยกเลิกน้ำมันเบนซิน 91 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไปและมอบหมายให้กระทรวงพลังงานรับไปแก้ไขปัญหาการผลิตและการนำเข้าน้ำมันเบนซินพื้นฐาน (G-Base) และนำเสนอ กบง. พิจารณาต่อไป
2. ต่อมาเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2555 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2555 ซึ่งเห็นชอบให้เลื่อนการยกเลิกน้ำมันเบนซิน 91 เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนน้ำมันเบนซินพื้นฐานที่ผสมเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล ปัญหาจากโรงกลั่นน้ำมันบางโรงกลั่นหยุดการผลิต และปัญหาการนำเข้าน้ำมันเบนซินพื้นฐาน ดังนี้ (1) เลื่อนกำหนดการยกเลิกน้ำมันเบนซิน 91 ออกไปอีก 3 เดือน จากวันที่ 1 ตุลาคม 2555 ไปเป็นวันที่ 1 มกราคม 2556 (2) มอบหมาย กบง. ปรับส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล 91 กับน้ำมันแก๊สโซฮอล E20 ให้มากขึ้น เพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 ให้มากขึ้น (3) มอบหมายกระทรวงพลังงานเร่งประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้เกิดการยอมรับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์และจักรยานยนต์ให้มากขึ้นและ (4) มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพลังงานร่วมกันกำหนดทิศทางเกี่ยวกับพืชเกษตรที่สามารถนำมาเป็นพลังงานได้ โดยพิจารณาถึงศักยภาพและความเป็นไปได้ในการผลิต
3. กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) และสำนักงานนโยบายพลังงาน (สนพ.) ได้ประชุมหารือเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการยกเลิกน้ำมันเบนซิน 91 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
3.1 การเตรียมการยกเลิกเบนซิน 91 โดย ธพ. ได้ออกประกาศกำหนดมาตรฐานให้น้ำมันเบนซินเหลือเพียงชนิดเดียว (ยกเลิกเบนซิน 91) ให้มีผลบังคับใช้ ณ โรงกลั่นผู้ผลิต ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 เป็นต้นไป และได้ออกหนังสือแจ้งผู้ค้าเพื่อผ่อนผันน้ำมันเบนซิน 91 ที่เหลืออยู่ที่คลังและสถานีบริการ ระยะเวลา 3 เดือน ในการจำหน่ายน้ำมันดังกล่าวให้หมดไป รวมทั้งได้กำหนดฝึกซ้อมแผนเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการจัดหาน้ำมันเบนซินพื้นฐาน (G-base) ในภาวะฉุกเฉิน ต่อมา กบง. ได้มีมติเห็นชอบปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ เพื่อปรับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันแก๊สโซฮอล E20 ให้ต่ำกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล 91 จำนวน 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 13 และวันที่ 20 ตุลาคม 2555 โดยปัจจุบันราคาขายปลีกแก๊สโซฮอล E20 ต่ำกว่าแก๊สโซฮอล 91 อยู่ที่ลิตรละ 3 บาท
3.2 มาตรการบรรเทาผลกระทบ ดำเนินการดังนี้ (1) พพ. จัดทำโครงการจัดตั้งศูนย์บริการปรับแต่งเครื่องยนต์ให้สามารถใช้แก๊สโซฮอลผ่านสถาบันการศึกษาของรัฐ จำนวน 400,000 เครื่อง (ระยะที่ 1) และ (2) สนพ. ได้หารือกับผู้ค้ามาตรา 7 เกี่ยวกับการบรรเทาผลกระทบหลังการยกเลิกน้ำมันเบนซิน 91 ได้ผลสรุปว่าหลังจากยกเลิกน้ำมันเบนซิน 91 ในวันที่ 1 มกราคม 2556 จะยังคงมีปริมาณน้ำมันเบนซิน 91 ในสต๊อคที่คลังและสถานีบริการจำหน่ายได้อีกประมาณ 1 เดือน โดยจะค่อยๆ ทยอยลดลงจนหมด ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้น้ำมันเบนซิน 91 หันไปใช้น้ำมันเบนซิน 95 ซึ่งผู้ค้าน้ำมันเห็นว่าควรปล่อยให้การปรับราคาเป็นไปตามกลไกตลาด รัฐไม่ควรเข้าไปแทรกแซง โดยเมื่อน้ำมันเบนซิน 95 มีปริมาณการจำหน่ายมากขึ้นผู้ค้าน้ำมันจะปรับลดค่าการตลาดลงตามปริมาณการขายซึ่งจะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 95 ปรับลดลงจนอยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ ธพ. จะมีการติดตามประเมินผลการใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอลเป็นระยะและ พพ. จะเร่งรัดให้มีการปรับแต่งเครื่องยนต์เพื่อให้สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลได้โดยเร็ว
3.3 การประชาสัมพันธ์ ดำเนินการโดย (1) ประชาสัมพันธ์การส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลและการยกเลิกน้ำมันเบนซิน 91 โดยผู้บริหารกระทรวงพลังงาน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2555 ถึงเดือนมกราคม 2556 (2) โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนโดยการยกเลิกน้ำมันเบนซิน 91 (เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการยกเลิกเบนซิน 91 และผลประโยชน์จากการเปลี่ยนไปใช้แก๊สโซฮอลผ่านทางสื่อต่างๆ รวมทั้งจัดงานเผยแพร่และสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน) และ (3) โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลในรถจักรยานยนต์ 4 จังหวะ โดยใช้เงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
3.4 โครงการจัดตั้งศูนย์บริการปรับแต่งเครื่องยนต์ให้สามารถใช้แก๊สโซฮอลได้ผ่านทางสถาบัน การศึกษาของรัฐ ดำเนินการโดย พพ. มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการยกเลิกจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 และเพื่อส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอลให้เพิ่มขึ้น ลักษณะโครงการเป็นการฝึกอบรมผู้ดำเนินการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ให้สามารถใช้แก๊สโซฮอลได้จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาจำนวน ไม่น้อยกว่า 100 คน และดำเนินการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ให้สามารถใช้แก๊สโซฮอลได้โดยบุคลากรวิทยาลัยอาชีวศึกษาโดยมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์การเกษตรที่ได้รับการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ฯ จำนวนรวม 400,000 คัน/เครื่อง แบ่งเป็นรถยนต์ 100,000 คัน รถจักรยานยนต์ 100,000 คัน และเครื่องจักรกลการเกษตร 200,000 เครื่อง ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนน้ำมันฯ ในวงเงิน 124,000,000 บาท ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ 10 เดือนนับจากวันที่ลงนามในหนังสือสัญญา
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบแผนปฏิบัติการการยกเลิกน้ำมันเบนซิน 91
2. เห็นชอบในหลักการให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์บริการปรับแต่งเครื่องยนต์ให้สามารถใช้แก๊สโซฮอลได้ผ่านทางสถาบันการศึกษาของรัฐ ระยะที่ 1 โดยให้จัดทำข้อเสนอโครงการเสนอต่อคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต่อไป