programmer_ener
อนุ กอ. ครั้งที่ 22 - วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม 2553
มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 5/2553 (ครั้งที่ 22)
วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม 2553 เวลา 09.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
2. เรื่องอื่นๆ
นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานอนุกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน อนุกรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้เห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ที่เกี่ยวกับโครงการประชาสัมพันธ์ ในแผนพลังงานทดแทน 250 ล้านบาท และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 250 ล้านบาท ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" โดยให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผน/งานเดียวกันได้ ทั้งนี้ เมื่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เห็นชอบแล้ว ให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินโครงการต่อไป
2. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2553 และวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 ได้อนุมัติเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553 เพื่อดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์ ดังนี้
รายชื่อโครงการ | หน่วยงาน | งบประมาณ (ล้านบาท) | |
แผนพลังงานทดแทน | แผนเพิ่มประสิทธิภาพฯ | ||
1. โครงการประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจด้านพลังงานผ่านบท เพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ | สป.พน. | - | 35 |
2. โครงการเผยแพร่ผลการดำเนินงานของกระทรวงพลังงานตามนโยบายรัฐบาล | สป.พน. | - | 2 |
3. โครงการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน | สนพ. | - | 20 |
4. โครงการบริหารศูนย์ประชาสัมพันธ์รวมพลังหารสอง | สนพ. | 15 | - |
5. การประเมินผลโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปี 2553 | สนพ. | - | 3 |
6. โครงการประชาสัมพันธ์ลดโลกร้อน ถวายพ่อ | สป.พน. | 80 | - |
7. โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจด้านพลังงาน ร่วมกับสื่อมวลชน | สป.พน. | 30 | - |
8. โครงการว่าจ้างที่ปรึกษารณรงค์สร้างความรู้ ความเข้าใจเรื่องการ ใช้น้ำมันคุณภาพ E85 | พพ. | 50 | - |
9. โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาสร้างความเข้าใจการกำหนด คุณภาพน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 | พพ. | 20 | - |
รวมงบประมาณ | 195 | 60 | |
คงเหลืองบประมาณ | 55 | 190 |
นอกจากนี้ ในการประชุมเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 คณะอนุกรรมการกองทุนฯ เห็นควรให้ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน (สป.พน.) ดำเนินการปรับปรุงรายละเอียดโครงการประชาสัมพันธ์ ภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน 3 โครงการ ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้เงินกองทุนฯ ดังนี้
1) โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์และอำนวยการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน ในวงเงิน 15,000,000 บาท
2) โครงการประชาสัมพันธ์ตามนโยบายและสถานการณ์พลังงานของกระทรวงพลังงาน ในวงเงิน 50,000,000 บาท
3) โครงการสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นนโยบายพลังงาน ในวงเงิน 35,000,000 บาท
3. สป.พน. ได้ดำเนินการปรับแก้ไขรายละเอียดโครงการประชาสัมพันธ์ดังกล่าว ตามความเห็นของคณะอนุกรรมการกองทุนฯ แล้ว และเสนอคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2553 ทราบแล้ว พร้อมทั้งเห็นชอบให้ สป.พน. ดำเนิน "โครงการรณรงค์ส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและพัฒนาพลังงานทดแทนในชุมชน" ภายใต้แผนพลังงานทดแทน ในวงเงิน 30,000,000 บาท
4. ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ที่ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ จำนวน 4 โครงการ โดยสรุปสาระสำคัญของโครงการ ได้ดังนี้
4.1 โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ด้านการอนุรักษ์ พลังงานและพลังงานทดแทน และนำแผนไปสู่การปฏิบัติ โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อศึกษาและจัดทำแผนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์นโยบายด้านพลังงาน การอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทน ให้สอดคล้องตามยุทธศาสตร์ด้านพลังงานของประเทศ
(2) เพื่อกำหนด Key Message ของกระทรวงพลังงาน หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ เพื่อการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
(3) เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์กับหน่วยงานเอกชนและหน่วยงานราชการอื่นๆ
(4) เพื่อนำแผนกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติ และเผยแพร่ให้เป็นที่รับรู้ในวงกว้าง
ระยะเวลาดำเนินโครงการ 12 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 15,000,000 บาท
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
มีแผนกลยุทธ์ด้านการประชาสัมพันธ์ด้านพลังงานที่ทันสมัยสอดคล้องกับสถานการณ์ด้านพลังงานของประเทศ ตลอดจนมีการดำเนินงานไปตามแผนที่กำหนด
4.2 โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทนโดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อติดตาม เฝ้าระวัง วิเคราะห์การนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนและรายงาน พร้อมกับแก้ปัญหาอันเนื่องมาจากข่าวอย่างทันท่วงที รวมถึงกรณีเกิดวิกฤตพลังงาน หรือข่าวสารด้านลบ สามารถแก้ไขข้อมูลให้กลุ่มเป้าหมายได้รับทราบทันที
(2) เพื่อวางแผนจัดเตรียมสื่อ จัดทำข่าว ประสานงานกับสื่อมวลชน แหล่งข่าว และดำเนินการนำเสนอข่าวอย่างมีหลักการและฉับไว
(3) เพื่อเผยแพร่นโยบายพลังงาน ข้อมูลข่าวสารพลังงานต่างๆ ที่ถูกต้องรวมทั้งสถานการณ์พลังงานที่สำคัญให้กลุ่มเป้าหมายในทุกระดับได้รับรู้อย่างทั่วถึง เพื่อกลุ่มเป้าหมาย หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกิดการรับรู้/เข้าใจ รวมถึงสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการนำไปปฏิบัติอย่างชัดเจน
(4) เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเกิดทัศนคติที่ดี และตระหนักถึงความสำคัญของนโยบายพลังงาน การรณรงค์ด้านการส่งเสริมพลังงานทดแทน อนุรักษ์พลังงาน อย่างต่อเนื่อง
(5) เพื่อสร้างแนวร่วมในการขับเคลื่อนนโยบายพลังงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน สื่อมวลชน และชุมชน
ระยะเวลาดำเนินโครงการ 12 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 50,000,000 บาท
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
(1) การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับนโยบายด้านพลังงานต่างๆ ให้มีความถูกต้อง ชัดเจน และไปถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างกว้างขวาง ครอบคลุม
(2) การต่อต้านและการประท้วงเกี่ยวกับพลังงานลดลง ประชาชนมีทัศนคติที่ดีต่อนโยบายพลังงานของประเทศ และสนับสนุนการดำเนินงานด้านพลังงาน
(3) สื่อมวลชนมีความเข้าใจเรื่องนโยบายพลังงาน มีความสัมพันธ์ที่ดีและเข้าใจบาทภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านพลังงาน สามารถสื่อข่าวเกี่ยวกับด้านพลังงานได้อย่างถูกต้อง ตรงประเด็น และรวดเร็ว
4.3 โครงการสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนโดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อสำรวจความคิดเห็น ทัศนคติ และความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อนโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทน
(2) เพื่อสื่อสาร เผยแพร่นโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
(3) เพื่อพัฒนาทักษะ และสร้างกระบวนการสื่อสารนโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนแก่ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
(4) พัฒนาประสิทธิภาพการสื่อสารนโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นอย่างยั่งยืน
ระยะเวลาดำเนินโครงการ 12 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 35,000,000 บาท
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
(1) กลุ่มเป้าหมายรับทราบนโยบายด้านพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน
(2) กลุ่มเป้าหมายมีทัศนคติที่ดี และมีความเชื่อมั่นต่อการทำงานของหน่วยงานผู้รับผิดชอบด้านนโยบายพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน
(3) กลุ่มเป้าหมายมีการตอบสนองที่ดี และให้ความร่วมมือต่อนโยบายด้านพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน
4.4 โครงการรณรงค์ส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและพัฒนาพลังงานทดแทนในชุมชนโดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อพัฒนากระบวนการสื่อสารอย่างมีส่วนร่วม ในการเผยแพร่ความรู้ด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตของประชาชนของแต่ละจังหวัด โดยเน้นให้ประชาชนสามารถนำข้อมูลความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันมากที่สุด
(2) เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและการใช้ประโยชน์จากพลังงานทดแทนอย่างแพร่หลายในระดับเชิงพื้นที่
ระยะเวลาดำเนินโครงการ 12 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 30,000,000 บาท
- ผลที่คาดว่าจะได้รับ
(1) ประชาชนในพื้นที่เข้าใจและรับรู้การดำเนินงานโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการอนุรักษ์พลังงาน และการพัฒนาพลังงานทดแทน ได้อย่างถูกต้องและทันต่อสถานการณ์
(2) หน่วยงานราชการในจังหวัดและประชาชนในพื้นที่มีความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาพลังงานที่ถูกต้องและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีการสนับสนุนการดำเนินงานของโครงการด้านพลังงานที่ดีต่อไป
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณารายละเอียดของโครงการแล้ว และมีข้อคิดเห็น/ข้อสังเกต ดังนี้
1. เห็นชอบในการเปลี่ยนแปลงรายการและงบประมาณโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน 3 โครงการ ตามที่ สป.พน. ปรับแก้ไข ดังนี้
กิจกรรมเดิม (เสนอกองทุนฯ) |
จำนวนเงิน (ล้านบาท) |
กิจกรรมที่คณะอนุกรรมการฯ เห็นชอบเมื่อ 7ก.ค. 53 | กิจกรรมที่ สป.พน. ขอแก้ไข | จำนวนเงิน (ล้านบาท) |
1.โครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์รวมพลังไทย ร่วมใจประหยัดพลังงาน | 60 | 1. โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์และอำนวยการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน | 1.โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน และนำแผนไปสู่การปฏิบัติ | 15 |
2. โครงการประชาสัมพันธ์ตามนโยบายพลังงาน | 30 | 2. โครงการประชาสัมพันธ์ตามนโยบายและสถานการณ์พลังงานของกระทรวงพลังงาน | 2.โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน | 50 |
3. โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อบริหาร โครงการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน | 10 | 3. โครงการสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นนโยบายพลังงาน | 3.โครงการสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทน | 35 |
รวมเป็นเงิน | 100 | รวมเป็นเงิน | 100 |
2. เห็นชอบการเปลี่ยนแปลงรายการและงบประมาณโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน แผนพลังงานทดแทน จาก "โครงการนโยบายการจัดหาไฟฟ้าของประเทศ" ในวงเงิน 30,000,000 บาท มาดำเนิน "โครงการรณรงค์ส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและพัฒนาพลังงานทดแทนในชุมชน" ในวงเงิน 30,000,000 บาท
3. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง เสนอให้เพิ่มเติมรายละเอียดใน "โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน และนำแผนไปสู่การปฏิบัติ" เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้เงินกองทุนฯ มากขึ้น โดยขอเพิ่มในสาระสำคัญของโครงการ ดังนี้
เพิ่มวัตถุประสงค์ของโครงการอีก 1 ข้อ เป็นข้อ 2.4 ของโครงการ คือ "เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการประชาสัมพันธ์การอนุรักษ์พลังงานและป้องกันแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม" และ ปรับจากข้อ 2.4 เดิม เป็นข้อ 2.5
ให้เพิ่มข้อความ "ส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง" ในกลุ่มเป้าหมาย และในวิธีการดำเนินงาน ข้อ 4.6 ของโครงการ เป็น "...ผู้บริหารกระทรวงพลังงาน ส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง..."
เพิ่มข้อความในผลที่คาดว่าจะได้รับจากเดิมที่คาดว่าจะได้เฉพาะแผนกลยุทธ์ ซึ่งเห็นว่าควรจะต้องมีการนำแผนที่ได้ไปสู่การปฏิบัติด้วย ดังนั้น จึงปรับผลที่คาดว่าจะได้รับ เป็น 1) มีแผนกลยุทธ์ด้านการประชาสัมพันธ์ด้านพลังงานที่ทันสมัยสอดคล้องกับสถานการณ์ด้านพลังงานของประเทศ และ 2) นำแผนกลยุทธ์ที่ได้นำไปสู่การปฏิบัติตามวัตถุประสงค์อย่างสัมฤทธิ์ผล
4. เลขานุการฯ ได้มีข้อสังเกตในหนังสือแจ้งมติคณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน ว่ามีเนื้อหาที่ไม่สอดคล้องกับความเห็นของที่ประชุมคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 ที่ปรากฏในรายงานการประชุม ดังนั้น จึงขอให้ สป.พน. แก้ไขหนังสือแจ้งมติคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ และส่งมายัง สนพ. ต่อไปด้วย
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงรายการและงบประมาณในโครงการประชาสัมพันธ์ ภายใต้แผนพลังงานทดแทน และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอมา
2. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติให้ สนพ. ไว้แล้ว มาใช้สำหรับดำเนินโครงการ ดังนี้
1) โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ด้านการอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทน และนำแผนไปสู่การปฏิบัติ โดยให้ สป.พน. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 15,000,000 บาท (สิบห้าล้านบาทถ้วน) โดยให้ปรับรายละเอียดของโครงการตามที่ผู้แทนกรมบัญชีกลางได้เสนอขอแก้ไขเพิ่มเติม
2) โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน โดยให้ สป.พน. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 50,000,000 บาท (ห้าสิบล้านบาทถ้วน)
3) โครงการสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทน โดยให้ สป.พน. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 35,000,000 บาท (สามสิบห้าล้านบาทถ้วน)
3. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2553 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติให้ สนพ. ไว้แล้ว มาใช้สำหรับ "โครงการรณรงค์ส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและพัฒนาพลังงานทดแทนในชุมชน" โดยให้ สป.พน. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 30,000,000 บาท (สามสิบล้านบาทถ้วน)
4. อนุมัติให้ สป.พน. สามารถเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการดำเนินงานได้เพื่อความเหมาะสม โดยสามารถถัวจ่ายระหว่างรายการ และแยกรายการ และทำสัญญาหรือหนังสือยืนยันได้หลายรายการตามความเหมาะสม โดยแบ่งกระจายน้ำหนักตามงบประมาณและกิจกรรมต่างๆ ได้ ตามที่เสนอมา
ประธานอนุกรรมการฯ ได้มีข้อสังเกตในโครงการประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจด้านพลังงานผ่าน บทเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ ที่คณะอนุกรรมการฯ ได้อนุมัติไว้แล้วว่า อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงชื่อของโครงการ เพื่อให้สอดคล้องกับโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาส การบรมราชาภิเษก ปีที่ 60 และการเฉลิมพระชนมพรรษา ของ พน. ที่ดำเนินการโดยคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ ดังนั้น จึงขอให้ สป.พน. พิจารณาและเสนอเรื่องการขอเปลี่ยนแปลงชื่อของโครงการให้คณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาและอนุมัติในการประชุมครั้งต่อไปด้วย
กอ. ครั้งที่ 45 - วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2550
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 1/2550 (ครั้งที่ 45)
วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2550 เวลา 16.00 น.
ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
1. ขออนุมัติเงินสนับสนุนโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานโดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 3
2. ขอนุมัติเปลี่ยนแปลงการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ สำหรับ โครงการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ
3. ขออนุมัติเงินสนับสนุนโครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม
4. ขออนุมัติเงินสนับสนุนโครงการว่าจ้างที่ปรึกษาทบทวนร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดเครื่องจักรอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงและวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 2
5. ขออนุมัติเงินสนับสนุนโครงการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วมโดยโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก"
6. ขอคืนหลักประกันซอง โครงการส่งเสริมผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กที่ใช้พลังงานหมุนเวียน
รองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) กรรมการและเลขานุการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) กระทรวงพลังงาน ผู้เข้าร่วมประชุม
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่าในช่วงที่ผ่านมา คณะกรรมการกองทุนฯ ได้พิจารณา อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานโดยสถาบันการเงิน ดังนี้
1.1 คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2548 (ครั้งที่ 40) เมื่อ 25 สิงหาคม 2548
(1) อนุมัติเงินกองทุนฯ 2,000 ล้านบาท ให้ พพ. เพื่อดำเนินโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 2 โดยใช้เงินจาก แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานส่งเสริมและสาธิต ปีงบประมาณ 2549 เพื่อให้สถาบันการเงินที่ผ่านการคัดเลือกของ พพ. นำไปเป็นเงินหมุนเวียนให้แก่โรงงาน อาคาร และบริษัทจัดการพลังงาน นำไปใช้ในการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงาน ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยสถาบันการเงินนั้น จะต้องปล่อยกู้ภายในระยะเวลา 3 ปี และส่งคืนกองทุนฯ ผ่าน พพ. ในเวลา 10 ปี นับจากวันที่ พพ. ทำสัญญากับสถาบันการเงิน โดยจะมีขั้นตอน เงื่อนไข หลักเกณฑ์ การเบิกจ่ายเงิน ในการสนับสนุนเหมือนกับโครงการเงินหมุนเวียนฯ ระยะที่ 1
(2) ให้ พพ. ดำเนินการเจรจากับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้จ่ายดอกเบี้ยคืนกองทุนฯ ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.5 ของเงินกองทุนฯ ที่สถาบันการเงินนำไปปล่อยให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อเป็นค่าเสียโอกาสในส่วนดอกเบี้ยเงินฝากที่กองทุนฯ ได้รับเป็นประจำ
1.2 คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 3/2549 (ครั้งที่ 44) เมื่อ 21 ธันวาคม 2549 ได้อนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อให้ พพ. ดำเนินโครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อส่งเสริม การใช้พลังงานทดแทน โดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 1 โดยใช้เงินจากแผนพลังงานทดแทน งานส่งเสริมและสาธิต ปีงบประมาณ 2550
2. ผลการดำเนินงานโครงการเงินหมุนเวียนฯ
2.1 ผลการดำเนินงานโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานฯ ระยะที่ 1
การดำเนินงานฯ ระยะที่ 1 โครงการฯ ได้ครบกำหนดระยะเวลาการปล่อยกู้เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2550 โดย พพ. ได้อนุมัติข้อเสนอโครงการจำนวนทั้งสิ้น 78 ข้อเสนอ ประกอบด้วย อาคารจำนวน 13 ข้อเสนอ โรงงาน 63 ข้อเสนอ บริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) 2 ข้อเสนอ จำนวนเงินที่ พพ. อนุมัติคิดเป็นเงิน 1,908 ล้านบาท โดยมีเงินลงทุนจำนวน 3,427 ล้านบาท และจากการประเมินศักยภาพผลการอนุรักษ์พลังงานที่ประเทศชาติจะได้รับ คิดเป็นการประหยัดพลังงานรวมเป็นเงิน 1,402 ล้านบาทต่อปี
2.2 ผลการดำเนินงานโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานฯ ระยะที่ 2
การดำเนินงานฯ ระยะที่ 2 โครงการฯ (ข้อมูล ณ วันที่ 5 เมษายน 2550) ครบกำหนดระยะเวลาการปล่อยกู้เมื่อ 16 มีนาคม 2552 โดย พพ. ได้อนุมัติข้อเสนอโครงการจำนวนทั้งสิ้น 75 ข้อเสนอ ประกอบด้วย อาคารจำนวน 9 ข้อเสนอ โรงงาน 66 ข้อเสนอ จำนวนเงินที่ พพ. อนุมัติคิดเป็นเงิน 1,446 ล้านบาท (วงเงินคงเหลือ 554 ล้านบาท) โดยมีเงินลงทุนจำนวน 2,794 ล้านบาท และจากการประเมินศักยภาพผลการอนุรักษ์พลังงานที่ประเทศชาติจะได้รับ คิดเป็นการประหยัดพลังงานรวมเป็นเงิน 1,258 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการในระยะที่ 2 ได้ปล่อยสินเชื่อสำหรับโครงการที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนเองในวงเงินกว่า 12,000 ล้านบาท และยังมีข้อเสนอโครงการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ พพ. อีกจำนวน 20 ข้อเสนอ ในวงเงินกว่า 567 ล้านบาท ซึ่งเกินกว่าวงเงินในระยะที่ 2
2.3 สรุปผลการดำเนินงานโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานฯ ระยะที่ 1 และ 2
พพ. ได้อนุมัติข้อเสนอโครงการจำนวนทั้งสิ้น 153 ข้อเสนอ ประกอบด้วย อาคาร 22 ข้อเสนอ โรงงาน 129 ข้อเสนอ บริษัทจัดการพลังงาน 2 ข้อเสนอ รวมจำนวนเงินที่ พพ. อนุมัติ 3,354 ล้านบาท โดยมีเงินลงทุนทั้งหมดจำนวน 6,221 ล้านบาท มีศักยภาพผลการอนุรักษ์พลังงานที่ประหยัดได้ตลอดอายุอุปกรณ์ สามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ 6,329 ล้านหน่วย (คิดเป็นเงิน 20,486 ล้านบาท) ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 2,134 ล้านลิตรเทียบเท่าน้ำมันเตา (คิดเป็นเงิน 15,608 ล้านบาท) รวมประหยัดได้ 36,094 ล้านบาท หรือ 2,384 ktoe
2.4 ความคืบหน้าโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนฯ ระยะที่ 1
เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของโครงการฯ การดำเนินงานของโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ระยะที่ 1 พพ. จะดำเนินการจัดสรรวงเงินให้แก่สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 11 แห่ง โดยจะมีขั้นตอน เงื่อนไข หลักเกณฑ์ การเบิกจ่ายเงิน ในการสนับสนุนเช่นเดียวกับโครงการเงินหมุนเวียนฯ ในระยะที่ 2 ต่อไป โดยจะเน้นการให้สินเชื่อทางด้านพลังงานทดแทนให้มากขึ้น
3. เหตุผลความจำเป็นในการเพิ่มวงเงินหมุนเวียน
3.1 ความต้องการการลงทุนโครงการด้านพลังงานของภาคสถาบันการเงิน : จากการสำรวจข้อมูลจากสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 11 แห่ง ธนาคารต่างๆ ได้ให้ข้อมูลที่ภาคเอกชนมีความต้องการจะขอสินเชื่อเกี่ยวกับโครงการด้านพลังงานประมาณ 80 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 3,350 ล้านบาท
3.2 โครงการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอโครงการ : สถาบันการเงินได้ยื่นโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนมายัง พพ. (ข้อมูล ณ วันที่ 5 เมษายน 2550) และอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอโครงการอย่างเป็นทางการอีกจำนวน 20 ข้อเสนอ คิดเป็นเงินลงทุนรวม 1,280 ล้านบาท โดยต้องการเงินในส่วนของเงินโครงการเงินหมุนเวียน จำนวน 567.2 ล้านบาท ซึ่งเกินกว่าวงเงินที่ได้รับอนุมัติในโครงการเงินหมุนเวียน ระยะที่ 2
3.3 การพิจารณาผลกระทบกับฐานะของกองทุนฯ
เมื่อพิจารณาฐานะการเงินของกองทุนฯ โดยอยู่บนฐานของรายได้เฉลี่ยปีละ 1,400 ล้านบาท และประมาณการรายจ่ายปีละ 2,000 ล้านบาท หากมีการจัดสรรเงินเพิ่มเติมอีก 1,000 ล้านบาท เพื่อให้ พพ. รับไปดำเนินโครงการเงินหมุนเวียนฯ ระยะที่ 3 จะมีผลกระทบต่อฐานะการเงินของกองทุนฯ ที่จะขาดดุลในปีงบประมาณ 2551 และ 2552 วงเงิน 610 ล้านบาท และ 281 ล้านบาท ตามลำดับ และจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยแสดงรายการได้ดังนี้
ปีงบประมาณ | 2550 | 2551 | 2552 | 2553 | 2554 | รวม |
1. เงินคงเหลือยกมาต้นปี | 4,915 | 1,239 | (610) | (281) | 184 | 4,915 |
2.ประมาณการรายรับล่วงหน้า | 1,795 | 2,149 | 2,198 | 2,248 | 2,299 | 10,688 |
3. เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืน | 413 | 937 | 1,080 | 986 | 936 | 4,351 |
รวมรับ | 2,208 | 3,086 | 3,277 | 3,233 | 3,235 | 19,954 |
4. รายจ่าย ประกอบด้วย | ||||||
4.1 รายจ่ายผูกพัน ปี 2538-2547 | 558 | 468 | 398 | 265 | 76 | 1,764 |
4.2 รายจ่ายผูกพัน ปี 2548-2549 | 3,082 | 824 | 551 | 503 | - | 4,959 |
4.3 ประมาณการรายจ่ายล่วงหน้า | 2,244 | 3,644 | 2,000 | 2,000 | 2,600 | 12,488 |
รวมจ่าย | 5,884 | 4,935 | 2,948 | 2,768 | 2,676 | 19,212 |
5. เงินคงเหลือปลายปี ยกไป | 1,239 | (610) | (281) | 184 | 742 | 742 |
4. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2550 (ครั้งที่ 7) เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2550 ได้เห็นชอบ "โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 3" ตามที่ พพ. เสนอมา
(1) จากความต้องการของภาคเอกชนที่ให้ความสนใจยื่นขอสินเชื่อเพื่อการลงทุนด้านพลังงานที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก และสถาบันการเงินจะได้มีความเชื่อมั่นสามารถตัดสินใจในการให้สินเชื่อได้เร็วขึ้นหากมีนโยบายหรือสัญญาณที่แสดงว่าจะมีแหล่งเงินสนับสนุนจากกองทุนฯ จึงเห็นควรสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามการจัดสรรเงินในช่วงปีงบประมาณ 2551 และ 2552 ต้องมีการบริหารจัดการเพื่อลดรายจ่ายตามแผนงานที่คาดว่าจะใช้จ่ายปีละ 2,000 ล้านบาท เพื่อให้ฐานะการเงินของกองทุนฯ อยู่ในลักษณะไม่ขาดดุล
(2) งานด้านอนุรักษ์พลังงานและผลักดันการใช้พลังงานทดแทนมีหลายโครงการที่จำเป็นต้องมีแหล่งทุนสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มสภาพคล่องให้กับกองทุนฯ อาจต้องขอโอนเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีรายได้เฉลี่ยประมาณเดือนละ 2,700 - 3,000 ล้านบาท ซึ่ง ณ เดือนมกราคม 2550 ฐานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงแสดงให้เห็นว่ามีแนวโน้มจะสามารถชำระหนี้ชดเชยตรึงราคาน้ำมันค้างชำระและหนี้ชดเชยราคา LPG ที่มีวงเงิน 34,204 ล้านบาท ได้หมดภายในสิ้นปี 2550 จึงควรเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโอนเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบางส่วนมาสมทบเป็นรายได้ให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพช่วยผลักดันการดำเนินการตามนโยบายของรัฐในการแก้ไขปัญหาด้านพลังงานของประเทศได้มากขึ้น
(3) ระหว่างที่รอปรับฐานะการเงินของกองทุนฯ ให้ พพ. ขยายกรอบการใช้เงิน "โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ระยะที่ 1" ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติจัดสรรเงินไว้แล้วเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2549 ในวงเงิน 1,000 ล้านบาท ให้สามารถปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการเพื่อการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานได้ด้วย โดยมีขั้นตอน เงื่อนไข หลักเกณฑ์ การเบิกจ่ายเงิน ในการสนับสนุนเหมือนกับโครงการเงินหมุนเวียนฯ ระยะที่ 2 และให้รับข้อสังเกตของที่ประชุมไปดำเนินการด้วย
(4) พพ. ควรนำตัวอย่างมาตรการที่ประสบความสำเร็จของโครงการฯ ระยะที่ 1 และ 2 ไปเผยแพร่ให้สาธารณชนสามารถรับทราบได้มากขึ้นเพื่อจะได้มีการนำไปประยุกต์ใช้และก่อให้เกิดการขยายผลในวงกว้าง
มติที่ประชุม
1. อมุมัติให้ พพ. ขยายกรอบการใช้เงิน " โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ระยะที่ " ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติจัดสรรเงินไว้แล้วเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2549 ในวงเงิน 1,000 ล้านบาท ให้สามารถปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการเพื่อการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน โดยมีขั้นตอนขั้นตอน เงื่อนไข หลักเกณฑ์ การเบิกจ่ายเงิน ในการให้การสนับสนุนเช่นเดียวกับโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 2
2. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานส่งเสริมและสาธิต ปีงบประมาณ 2550 ให้ พพ. เพิ่มเติม ในวงเงิน 1,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับ "โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 3" ให้สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ นำไปเป็นเงินหมุนเวียนให้แก่โรงงาน อาคาร และบริษัทจัดการพลังงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยสถาบันการเงินต้องปล่อยกู้ภายในระยะเวลา 3 ปี และ ส่งเงินคืนกองทุนฯ ผ่าน พพ. ในเวลา 10 ปี นับจากวันที่ได้รับอนุมัติ โดยอนุโลมให้ใช้ขั้นตอน เงื่อนไข หลักเกณฑ์ การเบิกจ่ายเงิน ในการให้การสนับสนุนเช่นเดียวกับโครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 2
3. เห็นชอบให้ สนพ. เสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโอนเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 3,000 ล้านบาท มาสมทบเป็นรายได้ให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของฐานะการเงินของกองทุนฯ ทำให้มีศักยภาพช่วยผลักดันการดำเนินการตามนโยบายของรัฐในการแก้ไขปัญหาด้านพลังงานของประเทศได้มากขึ้น
เรื่องที่ 2 ขอนุมัติเปลี่ยนแปลงการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ สำหรับ โครงการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบถึงมาตรการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ สรุปได้ดังนี้
1.1 คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2548 ได้มีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาพลังงานของประเทศ โดยกำหนดแนวทางในการส่งเสริมการนำก๊าซธรรมชาติ (NGV) มาใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลและให้รถยนต์ราชการที่ใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิงติดตั้งอุปกรณ์เพื่อเปลี่ยนไปใช้ NGV โดยให้ ปตท. ดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ NGV ให้ก่อน และให้กระทรวงการคลังกำหนดระเบียบการผ่อนจ่ายค่าติดตั้งอุปกรณ์ NGV ในรถยนต์ราชการเพื่อคืนให้ ปตท. โดยบวกเพิ่มในราคาก๊าซฯ อีกกิโลกรัมละ 5 บาท เป็น 9.53 + 5.00 บาท = 14.53 บาท และ คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2548 (ครั้งที่ 40) เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2548 ได้พิจารณาข้อเสนอ "โครงการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ" และมีมติดังนี้
(1) อนุมัติเงินกองทุนฯ จากแผนพลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2548 ให้ ปตท. เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ย ในวงเงิน 110 ล้านบาท (หนึ่งร้อยสิบล้านบาทถ้วน) มีระยะเวลาใช้เงินทั้งหมดคืนกองทุนฯ ภายใน 10 ปี โดยใช้คืนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของวงเงินภายในปีที่ 5 และคืนส่วนที่เหลือภายในปีที่ 10
(2) ก่อนดำเนินโครงการฯ ให้ ปตท. หารือกับกรมบัญชีกลาง เรื่องระเบียบวิธีการเบิกจ่ายและเรียกเก็บเงินคืนกองทุนฯ และให้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ 19 เมษายน 2548 ที่ให้ ปตท. ออกค่าติดตั้งอุปกรณ์ NGV ให้ก่อน และให้ส่วนราชการผ่อนจ่ายคืนโดยบวกเพิ่มในราคาก๊าซ ซึ่งหากวิธีดำเนินการขัดกับมติคณะรัฐมนตรีก็ให้นำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
(3) การติดตั้งอุปกรณ์ NGV โดยใช้เงินกองทุนฯ ให้ดำเนินการกับรถยนต์ราชการจำนวน 1,708 คัน ที่แจ้งความประสงค์ไว้ ในราคาประมาณ 65,000 บาท/คัน และสำหรับรถยนต์ราชการที่จะติดตั้งต่อจากนี้ให้ตั้งเรื่องของบประมาณแผ่นดินมาเป็นค่าติดตั้ง
(4) รถยนต์ของส่วนราชการที่ติดตั้งอุปกรณ์ NGV แล้ว และรถยนต์หมดอายุการใช้งานก่อนอุปกรณ์ NGV สามารถนำอุปกรณ์ NGV เปลี่ยนไปติดตั้งกับรถยนต์ราชการคันอื่นได้
1.2 กระทรวงการคลังเห็นว่าการผ่อนชำระคืนค่าติดตั้งอุปกรณ์ NGV ให้กับรถยนต์ราชการที่เข้าร่วมโครงการฯ ส่วนราชการต่างๆ ไม่สามารถชำระค่าติดตั้งให้เสร็จสิ้นภายในปีงบประมาณ และจะต้องผูกพันเงินงบประมาณในปีต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อนดำเนินการก่อหนี้ผูกพัน ตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 23 วรรค 4 ดังนั้นเพื่อเป็นแนวทางให้ส่วนราชการถือปฏิบัติ คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2548 ได้อนุมัติหลักการให้ทุกส่วนราชการที่นำรถยนต์ราชการเข้าร่วม "โครงการติดตั้งอุปกรณ์ NGV ให้แก่รถยนต์ราชการ" ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณในการผ่อนชำระคืนค่าติดตั้งอุปกรณ์ NGV ให้แก่กองทุนฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และสำหรับแนวทางการชำระคืนเงินค่าติดตั้งอุปกรณ์ NGV มีมติให้ สนพ. เป็นผู้แทนทุกส่วนราชการในการเสนอขอตั้งงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนชดเชยกองทุนฯ เพื่อผูกพันงบประมาณโดยรวม
1.3 ในปี 2549 ปตท. ได้ติดตั้งอุปกรณ์ NGV ให้รถยนต์ราชการรวม 1,209 คัน (เป้าหมายเดิมจำนวน 1,708 คัน) คาดว่าจะประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงในภาครัฐคิดเป็นมูลรวม 32,358,856 บาท/ปี ซึ่งกรมธุรกิจพลังงานเห็นว่ายังมีรถยนต์ราชการจำนวน 1,200 คัน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ยังไม่ได้ติดตั้งอุปกรณ์ NGV จึงเสนอขอใช้เงินจากกองทุนฯ 100,000,000 บาท (หนึ่งร้อยล้านบาทถ้วน) เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ยสำหรับสนับสนุนค่าติดตั้งอุปกรณ์ NGV ให้กับหน่วยงานดังกล่าว โดยในครั้งนี้กรมธุรกิจพลังงานจะเป็นผู้แทนทุกส่วนราชการในการเสนอขอตั้งงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนชดเชยกองทุนฯ
1.4 คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 3/2549 (ครั้งที่ 44) เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2549 ได้มีมติอนุมัติเงินกองทุนฯ ให้ สนพ. ในวงเงินรวม 1,188,516,104 บาท (หนึ่งพันหนึ่งร้อยแปดสิบแปดล้านห้าแสนหนึ่งหมื่นหกพันหนึ่งร้อยสี่บาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปี 2550 ในส่วนที่ สนพ. รับผิดชอบ ภายใต้แผนพลังงานทดแทน งานส่งเสริมและสาธิต จะมีงบประมาณส่วนหนึ่งในวงเงิน 100,000,000 บาท (หนึ่งร้อยล้านบาทถ้วน) ที่เตรียมไว้ให้กรมธุรกิจพลังงานเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับ "โครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ ระยะที่ 2" ซึ่งปัจจุบัน (25 เมษายน 2550) กรมธุรกิจพลังงานกำลังจัดทำรายละเอียดของโครงการฯ เสนอ สนพ.
2. ผลการดำเนินงาน
ในช่วงระยะเวลา 1 ปี ( ธันวาคม 2548 ถึง ธันวาคม 2549) สนพ. ปตท. กรมธุรกิจพลังงาน กรมการพลังงานทหาร กระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมกันดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ NGV ในรถยนต์ราชการ จำนวน 1,209 คัน ประกอบด้วย
รถยนต์เบนซิน ติดระบบ Bi Fuel 1,177 คัน (41,000 ถึง 97,000 บาท/คัน)
รถยนต์ดีเซลขนาดเล็ก ติดระบบ Diesel Dual Fuel 27 คัน ( 45,000 บาท/คัน)
รถบัส เปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ NGV (Re – powering) 5 คัน ( 150,000 บาท/คัน)
การดำเนินงานดังกล่าวคาดว่า ส่วนราชการจะประหยัดน้ำมันเบนซินได้ 1,730,100 ลิตรต่อปี และดีเซล 217,175 ลิตรต่อปี หรือคิดเป็นมูลค่าผลประหยัดรวม 32,358,856 บาทต่อปี โดย ปตท. มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งอุปกรณ์ NGV ผ่านเงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ย รวม 66,091,653 บาท (หกสิบหกล้านเก้าหมื่นหนึ่งพันหกร้อยห้าสิบสามบาทถ้วน) และ สนพ. เตรียมตั้งเป็นรายจ่ายในงบประมาณประจำปี 2551 เสนอสำนักงบประมาณเพื่อนำมาชำระคืนกองทุนฯ ต่อไป
3. การขอเปลี่ยนแปลงการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ
3.1 ปัจจุบันฐานะการเงินของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเมื่อจัดสรรเงินตามประมาณการรายจ่ายตามแผนงาน 2550-2554 แล้วยังอยู่ในลักษณะสมดุล และกระทรวงพลังงานได้ประเมินฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงแล้วเห็นว่ามีแนวโน้มจะสามารถชำระหนี้ชดเชยตรึงราคาน้ำมันค้างชำระและหนี้ชดเชยราคา LPG ได้หมดภายในสิ้นปี 2550 จึงจะเสนอขอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโอนเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบางส่วนมาสมทบเป็นรายได้ให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพช่วยผลักดันการดำเนินการตามนโยบายของรัฐในการแก้ไขปัญหาด้านพลังงานของประเทศได้มากขึ้น
3.2 จากเหตุผลตามข้อ 3.1 ประกอบกับภาระค่าใช้จ่ายของงบประมาณแผ่นดินที่รัฐบาลจำเป็นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากในการผลักดันงานและโครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาและสร้างความมั่นคงของประเทศ สนพ. จึงขอเสนอคณะอนุกรรมการฯ เพื่อโปรดพิจารณาการเปลี่ยนแปลงการใช้เงินจากกองทุนฯ สำหรับ "โครงการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ" ของ ปตท. และ "โครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ ระยะที่ 2" ของกรมธุรกิจพลังงาน ดังต่อไปนี้
(1) ให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ภายใต้ "โครงการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ" และ "โครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ ระยะที่ 2" เปลี่ยนแปลงเป็น "เงินให้เปล่า" แทน "เงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ย ที่ต้องคืนกองทุนฯ ภายใน 10 ปี โดยใช้คืนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของวงเงินภายในปีที่ 5 และคืนส่วนที่เหลือภายในปีที่ 10"
(2) จากข้อ (1) สนพ. และกรมธุรกิจพลังงาน ไม่ต้องตั้งรายจ่ายในงบประมาณแผ่นดินประจำปี เพื่อนำมาชำระคืนกองทุนฯ
(3) เปลี่ยนชื่อ "โครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ ระยะที่ 2" ที่กรมธุรกิจพลังงานได้รับอนุมัติจัดสรรเงินไว้แล้วจากมติคณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 3/2549 (ครั้งที่ 44) เมื่อ 21 ธันวาคม 2549 โดยเปลี่ยนชื่อเป็น "โครงการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ ระยะที่ 2" และให้กรมธุรกิจพลังงานปรับแผนงานโครงการฯ ให้สอดรับกับการดำเนินงานสนับสนุนค่าติดตั้งอุปกรณ์ NGV ในรถยนต์ราชการ แบบให้เปล่า
4. มติคณะอนุกรรมการกองทุนฯ
คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 (ครั้งที่ 8) เมื่อ 25 เมษายน 2550 เห็นว่า ทั้ง 2 โครงการข้างต้นได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไปแล้วโดยให้ใช้ในลักษณะ "เงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ย" ที่ สนพ. จะเป็นผู้แทนทุกส่วนราชการในการเสนอขอตั้งงบประมาณแผ่นดินนำมาชำระคืนกองทุนฯ ภายหลังและในเวลาที่กำหนด ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าทั้ง 2 โครงการดังกล่าวเป็นการติดตั้งอุปกรณ์ NGV ให้รถยนต์ของส่วนราชการ และฐานะการเงินของกองทุนฯ ที่มีสภาพคล่องดีแล้ว จึงเห็นชอบการเปลี่ยนแปลงการใช้เงินจากกองทุนฯ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอมาในข้อ 3 .4 และให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อโปรดพิจารณาต่อไป
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ภายใต้ "โครงการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ" และ "โครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ ระยะที่ 2" เปลี่ยนแปลงเป็น "เงินให้เปล่า" แทน "เงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ย ที่ต้องคืนกองทุนฯ ภายใน 10 ปี โดยใช้คืนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของวงเงินภายในปีที่ 5 และคืนส่วนที่เหลือภายในปีที่ 10" ทั้งนี้ สนพ. และกรมธุรกิจพลังงาน ไม่ต้องตั้งรายจ่ายในงบประมาณแผ่นดินประจำปี เพื่อนำมาชำระคืนกองทุนฯ ทั้ง 2 โครงการ
2. อนุมัติให้เปลี่ยนชื่อ "โครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ ระยะที่ 2" ที่กรมธุรกิจพลังงานได้รับอนุมัติจัดสรรเงินไว้แล้วจากมติคณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 3/2549 (ครั้งที่ 44) เมื่อ 21 ธันวาคม 2549 โดยเปลี่ยนชื่อเป็น "โครงการส่งเสริมการใช้ NGV ในรถยนต์ราชการ ระยะที่ 2" และให้กรมธุรกิจพลังงาน ปรับแผนงานโครงการฯ ให้สอดรับกับการดำเนินงานสนับสนุนค่าติดตั้งอุปกรณ์ NGV ในรถยนต์ราชการ แบบให้เปล่า
เรื่องที่ 3 ขออนุมัติเงินสนับสนุนโครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า พพ. เสนอขอรับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2550 เพิ่มเติม ในวงเงิน 119,000,000 บาท (หนึ่งร้อยสิบเก้าล้านบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายใน "โครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม" ซึ่งคณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2549 (ครั้งที่ 41) เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2549 เคยมีมติอนุมัติเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ปีงบประมาณ 2549 ให้ พพ. ไปดำเนินการจัดหา ติดตั้ง กังหันลมระบบมีเกียร์ เพื่อสาธิตการผลิตไฟฟ้า ขนาด 1.5 MW บริเวณพื้นที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช โดยมีเงื่อนไขที่สำคัญ ให้ พพ. ทำการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากโครงการและพพ. จะต้องจัดหาผู้ดำเนินการติดตั้งระบบกังหันลมให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับทุนจากกองทุนฯ
พพ. ได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในวงเงิน 498,000 บาท ศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และได้ส่งรายงานฉบับสมบูรณ์แล้วเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2549 สรุปได้ ดังนี้
(1) ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางกายภาพทางด้านลบในระดับ "น้อย" ขณะที่คุณค่าการใช้ประโยชน์ของมนุษย์และคุณค่าต่อคุณภาพชีวิตอยู่ในระดับ "มาก"
(2) จัดรับฟังความเห็นของประชาชนในพื้นที่ มีผู้เข้าร่วม 113 คน โดยร้อยละ 98.7 เห็นด้วยเพราะเห็นว่าจะเป็นแหล่งพลังงาน แหล่งท่องเที่ยวใหม่และช่วยนำรายได้เข้าสู่ท้องถิ่น ส่วนร้อยละ 1.3 มีความกังวลในเรื่องเสียงรบกวน ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และผลกระทบต่อการทำมาหากิน (ผลกระทบกับนกนางแอ่น ซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจประจำท้องถิ่น)
2. พพ. ไม่สามารถดำเนินการจัดหาผู้ดำเนินการติดตั้งระบบกังหันลมให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปีได้ จึงนำโครงการดังกล่าว เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาในการประชุมครั้งที่ 1/2550 (ครั้งที่ 8) เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2550 เพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ อีกครั้ง เพราะจากการดำเนินการจัดหาผู้ติดตั้งระบบฯ ตามขั้นตอนของระเบียบพัสดุด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามประกาศลงวันที่ 11 กันยายน 2549 กำหนดให้ยื่นเอกสารวันที่ 21 กันยายน 2549 ปรากฏว่ามีผู้ยื่นข้อเสนอเพียง 1 ราย พพ. จึงยกเลิกการจัดหาเมื่อ 26 กันยายน 2549 เป็นเหตุให้ พพ. ไม่สามารถจัดหาผู้ดำเนินการติดตั้งระบบกังหันลมให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี แต่การดำเนินงานของโครงการในกิจกรรมอื่น มีความก้าวหน้าไปพอสมควรแล้ว และได้รับความร่วมมือจากท้องถิ่นเป็นอย่างดี เพื่อให้มีทางเลือกในการนำพลังงานหมุนเวียนที่มีอยู่ตามธรรมชาติมาใช้ทดแทนพลังงานสิ้นเปลือง พพ. จึงเสนอขอที่จะดำเนินการโครงการดังกล่าวต่อ โดยใช้เงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2550 ในวงเงิน 119 ล้านบาท ซึ่ง พพ. จะดำเนินการติดตั้งกังหันลม 1 ชุด จะเสียค่าใช้จ่าย Overhead ไม่ต่างกับการติดตั้ง Wind Farm (ตั้งแต่ 5 ชุดขึ้นไป)
3. มติคณะอนุกรรมการฯ 1/2550 และ 2/2550
คณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว เห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2550 ให้ พพ. เพิ่มเติม ในวงเงิน 119 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับ "โครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม"
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ปีงบประมาณ 2550 ให้ พพ. เพิ่มเติม ในวงเงิน 119,000,000 บาท (หนึ่งร้อยสิบเก้าล้านบาทถ้วน) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับ โครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ตามรายละเอียดที่ปรากฎในเอกสารประกอบวาระ 3.3
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้ ขอให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำ "โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาทบทวนร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดเครื่องจักรอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงและวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 2 จำนวน 11 ผลิตภัณฑ์" เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติเงินจากกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2550 ให้ พพ. เพิ่มเติมในวงเงินรวม 18.8 ล้านบาท (สิบแปดล้านแปดแสนบาทถ้วน) เป็นค่าดำเนินงานโครงการดังกล่าว สรุปได้ดังนี้
1) วัตถุประสงค์และสาระสำคัญ
ในช่วงปี 2543-2548 พพ. ได้จัดทำร่างกฎกระทรวงฯ จำนวน 11 ผลิตภัณฑ์ไว้แล้ว คือ กระจก ตู้แช่ เตารีดไฟฟ้า เครื่องซักผ้า เตาไฟฟ้า เตาอบไมโครเวฟ กาต้มน้ำร้อนไฟฟ้า ฉนวนใยแก้ว เครื่องอบผ้า เตาอบไฟฟ้า และเครื่องทำน้ำเย็น แต่เนื่องจากร่างกฎกระทรวงดังกล่าวได้จัดทำไว้หลายปีแล้วโดยอาศัยข้อมูลจากเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ ณ เวลานั้น ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีของแต่ละผลิตภัณฑ์ได้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว จึงจำเป็นต้องทบทวนร่างกฎกระทรวงฯ ให้เหมาะสมกับสภาวะปัจจุบัน เพื่อประกาศใช้ในการส่งเสริมการผลิตและจำหน่าย ตลอดจนจัดทำร่างมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ประสิทธิภาพขั้นต่ำ) เพื่อส่งให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมดำเนินการต่อไป
2) งบประมาณรายจ่ายของโครงการฯ ขอรับสนับสนุนจากกองทุนฯ ในวงเงินรวม 18.8 ล้านบาท แบ่งเป็น
ค่าใช้จ่าย | จำนวน |
1. ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร | 6,337,550 บาท |
2. ค่าใช้จ่ายประชุม-สัมมนา | 1,450,000 บาท |
3. ค่าใช้จ่ายทดสอบผลิตภัณฑ์ | 4,950,000 บาท |
4. ค่าใช้จ่ายประชาสัมพันธ์ | 5,092,100 บาท |
5. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ | 972,100 บาท |
รวม | 18,801,650 บาท |
* ขอสนับสนุนจากกองทุนฯ | 18,800,000 บาท |
3) ประโยชน์ที่มีต่อการประหยัดพลังงาน : ระยะเวลาดำเนินการ 12 เดือน คาดว่าการออกกฎกระทรวงของอุปกรณ์ 11 ประเภท จะช่วยให้เกิดการประหยัดพลังงานได้ 90 ktoe/ปี
เห็นระหว่างกันเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2550 ซึ่งเห็นว่ารายละเอียดในข้อเสนอของ พพ. ยังขาดข้อมูลในประเด็นสำคัญ คือ2. สนพ. ได้ประเมินคุณภาพของข้อเสนอฯ โดยเชิญผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 ท่าน ประกอบด้วย 1) ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์ 2) ศ.ดร.จุลละพงษ์ จุลละโพธิ และ 3) รศ.ดร.อภิชิต เทอดโยธิน ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความ
(1) การทบทวนงานที่หน่วยงานต่างๆ รวมถึง พพ. ที่ได้ดำเนินการศึกษาไว้แล้ว เพื่อศึกษาแนวทาง กระบวนการที่จะผลักดันให้งานจัดทำมาตรฐานประสิทธิภาพ ประสพความสำเร็จ
(2) การทบทวนผลการดำเนินงานศึกษาร่างกฎกระทรวงที่ พพ. ดำเนินการผ่านมา เพื่อบ่งชี้ให้เห็นปัญหาอุปสรรคที่ พพ. ไม่สามารถนำร่างกฎกระทรวงของอุปกรณ์ที่ได้ศึกษาไว้ทั้ง 24 ชนิด มาประกาศใช้ และระบุกระบวนการหรือแนวทางที่จะเชื่อมั่นได้ว่าการศึกษาครั้งนี้ จะผ่านอุปสรรคเดิมและสามารถประกาศกฎกระทรวงได้
(3) การอ้างอิงถึงกระบวนการพิจารณาถึงความเหมาะสมที่แจ้งว่าผลการศึกษาเดิม (ปี 2543-2548) ไม่เป็นปัจจุบัน จำเป็นต้องศึกษาใหม่ ทั้ง 11 อุปกรณ์
(4) เหตุผลที่ต้องศึกษาเพื่อกำหนดค่ามาตรฐานโดยแยกเป็นรายอุปกรณ์ เพราะอุปกรณ์บางชนิดไม่มีความซับซ้อนและเทคโนโลยีไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงเร็ว เช่น กระติกน้ำร้อน กาต้มน้ำร้อน เตาอบไมโครเวฟ เป็นต้น หรือความจำเป็นที่ต้องกำหนดมาตรฐานในอุปกรณ์บางชนิดที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ออกรุ่นใหม่ๆ มาเสมอ เช่น เครื่องซักผ้า และมีแนวทางจะกำหนดมาตรฐานอย่างไรกับอุปกรณ์ลักษณะนี้
(5) ความจำเป็นที่ต้องจ้างที่ปรึกษาเข้ามาดำเนินการแทนในทุกรายการ เพราะการทบทวนกฎกระทรวงฯ ไม่น่าจะจำเป็นที่ต้องจ้างที่ปรึกษามาให้ความเห็นทุกอุปกรณ์ บุคลากรของหน่วยงานเจ้าของโครงการ น่าจะดำเนินการเองได้ เพราะต้องมีความชำนาญการในเรื่องนี้มากกว่าที่ปรึกษาเพื่อการกำกับดูแลคุณภาพงานจะได้เป็นไปด้วยความครบถ้วน
(6) ที่มาของผลการประหยัดพลังงานที่ระบุไว้ หากมีการประกาศใช้กฎกระทรวงของ 11 ผลิตภัณฑ์ จะช่วยให้เกิดการประหยัดพลังงานได้ 90 ktoe/ปี
(7) ยังไม่ควรดำเนินการประชาสัมพันธ์ เพราะเป้าหมายของโครงการฯ เป็นเรื่องทางเทคนิคที่ยังไม่มีผลเป็นนามธรรมหรือจับต้องได้
โดยคณะผู้ทรงคุณวุฒิมีความเห็นว่า พพ. ควรจัดทำข้อเสนอใหม่ โดยเพิ่มเติมข้อมูลที่สำคัญในประเด็น ตามที่มีความเห็นไว้ข้างต้น ประกอบกับในช่วงนี้กระทรวงพลังงานจะทำงบประมาณปี 2551 เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา และงานที่ พพ. มีอยู่เดิมและต้องดำเนินการในปีงบประมาณ 2550 มีปริมาณมากอยู่แล้ว จึงเห็นควรให้ พพ. จัดทำรายละเอียดและปรับแนวทางการดำเนินโครงการฯ ให้เรียบร้อย และยื่นเสนอขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในปีงบประมาณ 2551 ต่อไป
3. มติคณะอนุกรรมการกองทุนฯ
ด้วยเรื่องดังกล่าวมีความจำเป็นที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้เครื่องจักรอุปกรณ์และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงานที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศไทยมีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพโดยเร็ว พพ. จึงได้จัดทำข้อเสนอฯ ที่ได้ปรับปรุงตามความเห็นของคณะผู้ทรงคุณวุฒิตามข้อ 2 เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาในการประชุมครั้งที่ 3/2550 (ครั้งที่ 9) เมื่อ 11 มิถุนายน 2550 ซึ่งเห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาต่อไป โดยให้ พพ. ปรับลดงบประมาณในการประชาสัมพันธ์ให้เน้นเพียงการสร้างความเข้าใจกับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเท่านั้น เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีความจำเป็นและสามารถจัดทำการประชาสัมพันธ์พร้อมกันได้เมื่อประกาศใช้กฎกระทรวงแล้ว
พพ. ได้ดำเนินการปรับปรุงข้อเสนอโครงการฯ ตามข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการฯ เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยการปรับลดงบประมาณในการประชาสัมพันธ์ให้เน้นเพียงการสร้างความเข้าใจกับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเท่านั้น พร้อมทั้งปรับลดวงเงินงบประมาณที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เป็นเงิน 15,700,00 บาท ฝ่ายเลขานุการฯ จึงใคร่ขอเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา ตามรายละเอียดที่ปรากฏเอกสารประกอบวาระ 3.4.
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานส่งเสริมและสาธิต ปีงบประมาณ 2550 ให้ พพ. เพิ่มเติมในวงเงินรวม 13,700,000 บาท (สิบสามล้านเจ็ดแสนบาทถ้วน) เป็นค่าดำเนินงาน "โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาทบทวนร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดเครื่องจักรอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงและวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 2" ตามรายละเอียดที่ปรากฏเอกสารประกอบวาระ 3.4 โดยให้ประสานสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในการดำเนินการด้วย
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้ ขอให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำ "โครงการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วมโดยโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก" เสนอคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเพื่อพิจารณาอนุมัติเงินจากกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2550 ให้ พพ. เพิ่มเติมในวงเงินรวม 22 ล้านบาท (ยี่สิบสองล้านบาทถ้วน) เป็นค่าดำเนินงานโครงการ สรุปได้ดังนี้
1) วัตถุประสงค์และสาระสำคัญ
โรงงานอุตสาหกรรมและอาคารธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กทั่วประเทศ มีประมาณ 36,000 แห่ง ที่ต้องการความรู้ความเข้าใจวิธีการอนุรักษ์พลังงานอย่างถูกต้องและเป็นระบบ ในช่วงปี 2548 และ 2549 พพ. ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาเข้าไปดำเนินการโครงการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วมโดยโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กแล้ว 700 แห่ง เกิดผลประหยัดพลังงาน 8.366 ktoe และเพื่อให้การดำเนินงานมีความต่อเนื่อง พพ. จึงจะว่าจ้างที่ปรึกษาดำเนินการต่อในปี 2550 อีก 100 แห่ง
2) งบประมาณรายจ่ายของโครงการฯ ขอสนับสนุนจากกองทุนฯ 22 ล้านบาท แบ่งเป็น
ค่าใช้จ่ายต่อกลุ่ม (กลุ่มละ 25 แห่ง) | จำนวน |
1. ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร | 3,306,000 บาท |
2. ค่าใช้จ่ายอื่น | 1,835,250 บาท |
3. ภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 | 359,888 บาท |
รวม | 5,501,138 บาท |
ขอตั้งงบประมาณ ต่อกลุ่ม | 5,500,000 บาท |
รวมงบประมาณ 100 แห่ง (แบ่ง 4 กลุ่มๆ ละ 25 แห่ง) | 22,000,000 บาท |
3) ประโยชน์ที่มีต่อการประหยัดพลังงาน : ระยะเวลา 8 เดือน คาดว่าจะมีผลประหยัดพลังงานเฉลี่ยต่อแห่งไม่ต่ำกว่า 5 toe/ปี หรือเมื่อจบโครงการแล้วจะเกิดผลประหยัดรวมไม่น้อยกว่า 500 toe/ปี ระยะเวลาคืนทุนเฉลี่ยไม่เกิน 2 ปี
2. สนพ. ได้ประเมินคุณภาพของข้อเสนอฯ โดยเชิญผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 ท่าน ประกอบด้วย 1) ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์ 2) ศ.ดร.จุลละพงษ์ จุลละโพธิ และ 3) รศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างกันเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2550 ซึ่งเห็นว่ารายละเอียดในข้อเสนอของ พพ. ยังขาดข้อมูลในประเด็นสำคัญ คือ
(1) การทบทวนการทำงานโครงการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม ที่ พพ. ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2545 การที่บ่งชี้ถึงสิ่งที่ พพ. ได้เรียนรู้จากประสบการณ์การทำงาน จำแนกกลุ่มของสถานประกอบการที่เข้าไปดำเนินการมาแล้ว แสดงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทั้งด้านพลังงานและมาตรการที่เกิดขึ้น ระบุประเด็นปัญหาหรือข้อจำกัด ที่นำมาสู่การทำโครงการตามที่เสนอมาในครั้งนี้ โดยระบุให้ชัดเจนว่าจะเลือกเข้าไปดำเนินการกับกลุ่มเป้าหมายใน sector ใดบ้าง ด้วยเหตุผลอะไร
(2) ปรับแนวทางการดำเนินโครงการฯ ที่ไม่ใช่การดำเนินการผ่านระบบที่ปรึกษา แต่ควรมุ่งเน้นกระบวนการที่จะก่อให้เกิดความยั่งยืนโดยปลูกฝังพัฒนาไว้ที่บุคลากรของสถานประกอบการ เช่น การนำองค์ความรู้ที่ได้จากการดำเนินงานที่ผ่านมาที่ พพ. จัดทำไว้ในรูปแบบเอกสารเผยแพร่ หรือ VDO อยู่มากนั้น ไปขยายผลด้วยวิธีที่เข้าถึงสถานประกอบการที่ยังไม่ได้ดำเนินการอนุรักษ์พลังงานกว่า 20,000 แห่ง ได้เร็วขึ้น รวมถึงการใช้ทรัพย์สินที่ลงทุนไว้แล้ว เช่น ศูนย์ให้คำปรึกษา ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น หรือหากต้องการให้มีที่ปรึกษาเข้าไปช่วยให้คำแนะนำ ก็ควรให้เจ้าของสถานประกอบการนั้นออกค่าใช้จ่ายด้วยส่วนหนึ่ง
(3) พิจารณาปรับตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ จากที่จะประหยัดพลังงานเฉลี่ยต่อแห่งไม่ต่ำกว่า 5 toe/ปี โดยน่าจะเพิ่มการวัดผลที่ความยั่งยืนที่สถานประกอบการดำเนินการอนุรักษ์พลังงานอย่างต่อเนื่องด้วย
โดยคณะผู้ทรงคุณวุฒิมีความเห็นว่า พพ. ควรจัดทำข้อเสนอใหม่ โดยเพิ่มเติมข้อมูลที่สำคัญในประเด็น ตามที่มีความเห็นไว้ข้างต้น ประกอบกับในช่วงนี้กระทรวงพลังงานจะทำงบประมาณปี 2551 เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา และงานที่ พพ. มีอยู่เดิมและต้องดำเนินการในปีงบประมาณ 2550 มีปริมาณมากอยู่แล้ว จึงเห็นควรให้ พพ. จัดทำรายละเอียดและปรับแนวทางการดำเนินโครงการฯ ให้เรียบร้อย และยื่นเสนอขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในปีงบประมาณ 2551 ต่อไป
3. มติคณะอนุกรรมการกองทุนฯ
ด้วยเรื่องดังกล่าวมีความจำเป็นที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อช่วยผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กสามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลงในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน ประกอบกับ พพ.ได้จัดทำข้อเสนอที่ปรับปรุงตามความเห็นของคณะผู้ทรงคุณวุฒิตามข้อ 2 เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 3/2550 (ครั้งที่ 9) เมื่อ 11 มิถุนายน 2550 ได้พิจารณาแล้ว มีมติชอบให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาต่อไป ตามรายละเอียดปรากฏในเอกสารประกอบวาระ 3.5
มติที่ประชุม
อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานส่งเสริมและสาธิต ปีงบประมาณ 2550 ให้ พพ. เพิ่มเติมในวงเงินรวม 22 ล้านบาท (ยี่สิบสองล้านบาทถ้วน) เป็นค่าดำเนิน "โครงการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วมโดยโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก" ตามรายละเอียดปรากฏในเอกสารประกอบวาระ 3.5 ทั้งนี้ก่อนดำเนินโครงการให้ พพ. พิจารณาปรับข้อเสนอโครงการฯ ตามข้อเสนอแนะในรายงานของคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน ด้วย
เรื่องที่ 6 ขอคืนหลักประกันซอง โครงการส่งเสริมผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กที่ใช้พลังงานหมุนเวียน
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้นำเสนอให้ที่ประชุมได้พิจารณาเกี่ยวกับการขอคืนหลักประกันซองโครงการส่งเสริมผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กที่ใช้พลังงานหมุนเวียน ที่ไม่ได้ทำสัญญาขอรับการสนับสนุนค่าพลังงานไฟฟ้าส่วนเพิ่มกับ กฟผ. รวม 6 ราย คือ
(1) อุตสาหกรรมโคราช จำกัด จ.นครราชสีมา
(2) ไฟฟ้าชนบท จำกัด จ.ลพบุรี
(3) น้ำตาลตะวันออก จำกัด จ.สระแก้ว
(4) ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) จ.ลพบุรี
(5) ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (เขื่อนเจ้าพระยา) จ.ชัยนาท
(6) ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (เขื่อนคลองท่าด่าน) จ.นครนายก
2. การคืนหนังสือค้ำประกันซองให้กับ 6 หน่วยงาน สนพ. ได้พิจารณาตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ใน "เอกสารเชิญชวนเพื่อยื่นข้อเสนอขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ โครงการส่งเสริมผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กที่ใช้พลังงานหมุนเวียน" ตามที่แจ้งแล้วในข้อ 1.1 และสรุปผลการพิจารณาได้ดังนี้
2.1 รายที่ 1 บริษัท อุตสาหกรรมโคราช จำกัด สนพ. ได้คืนหนังสือค้ำประกันซองให้บริษัทฯ แล้ว เมื่อ 18 พฤษภาคม 2548 เนื่องจาก เป็นไปตามข้อ 1.1 (3) บริษัทฯ ไม่ผ่านการพิจารณาตามระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตรายเล็กของการไฟฟ้า เพราะ ไม่สามารถจัดหาเชื้อเพลิงได้สม่ำเสมอและเพียงพอต่อการขายไฟฟ้าตามสัญญา Firm อันเป็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาอ้อยและน้ำตาล ซึ่งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในคราวการประชุมครั้งที่ 2/2547 เมื่อ 28 กรกฎาคม 2547 ได้มีมติเห็นชอบให้ บริษัท อุตสาหกรรมโคราชฯ ยกเลิกคำร้องการขายไฟฟ้าประเภทสัญญา Firm ได้
2.2 รายที่ 2 และ 3 สนพ. จะไม่คืนหนังสือค้ำประกันซองให้ เพราะไม่เข้าลักษณะข้อหนึ่งข้อใดตามที่ปรากฏในข้อ 1.1 (1) - (3) แต่เข้าลักษณะของการริบหลักประกันซองในกรณีบริษัทฯ ผ่านการคัดเลือกตามเกณฑ์ที่ สนพ. กำหนด แต่ไม่ไปทำสัญญาขอรับเงินสนับสนุนฯ กับ กฟผ. ภายในเวลาที่กำหนด
2.3 รายที่ 4 ถึง 6 ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างบริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้งกับ กฟผ. เพื่อจัดทำโรงไฟฟ้าขนาดเล็กท้ายเขื่อนชลประทาน บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมในทุกด้านเพื่อการลงนามในสัญญากับ กฟผ. แล้ว แต่คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อ 9 ธันวาคม 2546 ได้มีมติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้ดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็กท้ายเขื่อนชลประทาน และให้กระทรวงพลังงานเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านเทคนิค จึงเป็นเหตุที่ทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินโครงการดังกล่าวได้
สนพ. เห็นว่า กฟผ. ได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะดำเนินโรงไฟฟ้าขนาดเล็กท้ายเขื่อนชลประทานทั้ง 3 แห่ง ทั้งด้านเทคนิค สังคมและสิ่งแวดล้อม แต่เหตุที่ทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถทำสัญญาขอรับการสนับสนุนค่าพลังงานไฟฟ้าส่วนเพิ่มกับ กฟผ. ได้ทันภายในเวลาที่กำหนดเกิดจากมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
กรณีที่เกิดขึ้นข้างต้นไม่ได้ระบุไว้ในเอกสารเชิญชวนฯ สนพ. จึงอาศัยข้อความที่ระบุไว้ในเอกสารเชิญชวนฯ ข้อ 10 "ในกรณีที่ข้อความในเอกสารเชิญชวนฯ ไม่ชัดเจน......ให้คำวินิจฉัยของ สนพ. ถือเป็นเด็ดขาด" จึงเห็นว่าควรจะคืนหนังสือค้ำประกันซองให้บริษัทฯ ทั้ง 3 ราย อย่างไรก็ตามโครงการสนับสนุนค่าพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กที่ใช้พลังงานหมุนเวียนนี้ ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สนพ. จึงเสนอต่อฝ่ายเลขานุการฯ เพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ โปรดพิจารณาเรื่องการคืนหลักประกันซอง ตามที่ สนพ. เสนอมา
มติที่ประชุม
ให้ สนพ. เป็นผู้ดำเนินการในการพิจารณาเรื่องดังกล่าว
อนุ กอ. ครั้งที่ 1 - วันอังคารที่ 27 กันยายน 2548
มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 1/2548 (ครั้งที่ 1)
วันอังคารที่ 27 กันยายน 2548 เวลา 14.00 น.
ณ ห้องประชุม 11 อาคาร 6 กระทรวงพลังงาน
1. คำสั่งแต่งตั้ง "คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน"
2. ขอความเห็นชอบในการจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 ปีงบประมาณ 2549
3. ขอความเห็นชอบเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานโครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม 3 โครงการ
4. ขอความเห็นชอบการปรับแผนของโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานภายใต้ความรับผิดชอบของ สนพ.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวิเศษ จูภิบาล) ประธานอนุกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายเมตตา บันเทิงสุข) อนุกรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 คำสั่งแต่งตั้ง "คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน"
ที่ประชุมได้รับทราบเรื่องที่ฝ่ายเลขนุการฯ แจ้งให้ทราบว่า คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 1/2548 (ครั้งที่ 40) เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2548 2548 ได้มีมติเห็นชอบให้ยกเลิกคำสั่งคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่ 1/2547 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2547 และเห็นชอบให้แต่งตั้ง "คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ขึ้นแทน เพื่อทำหน้าที่ในการพิจารณาหรือปฏิบัติการตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ มอบหมาย โดยประธานคณะกรรมการกองทุนฯ (นายวิษณุ เครืองาม) ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2548 โดยองค์ประกอบ "คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" มีดังนี้
1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานอนุกรรมการ
2. ปลัดกระทรวงพลังงาน อนุกรรมการ
3. อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน อนุกรรมการ
4. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง อนุกรรมการ
5. ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย อนุกรรมการ
6. นายปิยะวัติ บุญ-หลง อนุกรรมการ
7. นายพรายพล คุ้มทรัพย์ อนุกรรมการ
8. ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน อนุกรรมการและเลขานุการ
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอที่ประชุมพิจารณางบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2549 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามลำดับดังนี้
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ได้จัดสรรเงินกองทุนฯ งบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2548 ให้ 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย สนพ. พพ. และกรมบัญชีกลาง ในวงเงินรวม 1,821.32 ล้านบาท
2. สถานภาพของกองทุนฯ ประมาณการ ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 สรุปได้ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท
ยอดเงินคงเหลือยกมา ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2547 | 9,856.20 |
บวก ประมาณการรายรับ ถึงเดือน 30 กันยายน 2548 บวก ประมาณการรายรับ จากเงินทุนหมุนเวียน |
2,103.66 240.00 |
รวมเป็นเงิน (ก่อนหักรายจ่าย) | 12,199.71 |
หัก รายจ่าย ณ เดือน 30 กันยายน 2548 | 4,849.57 |
- รายจ่าย ตามแผน 38-47 3,958.57 - รายจ่าย ตามแผน 48 891.00 |
|
รวมเงินคงเหลือในบัญชี 30 กันยายน 2548 | 7,350.18 |
บวก เงินสดในมือ (สนพ. 583 +พพ. 610) | 1,193.00 |
รวมเงินคงเหลือทั้งสิ้น ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 | 8,543.18 |
(ก่อน หัก รายจ่ายผูกพันตามแผนฯ ค้างจ่าย | (6,960.00) |
3. รายจ่ายผูกพันตามแผนฯ ค้างจ่าย 6,960 ล้านบาท จำแนกตามแผนงาน ได้ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท
ปีงบประมาณ | 2549 | 2550 | 2551 | 2552 | 2553 | 2554 | รวม |
แผนงานภาคบังคับ | 980 | 980 | 980 | - | - | - | 2,940 |
แผนงานสนับสนุน | 272 | 137 | 137 | - | - | - | 546 |
แผนงานภาคความร่วมมือ | 1,383 | 403 | 496 | 194 | 56 | 5 | 2,537 |
รวมผูกพันจากปี 38-47 | 2,635 | 1,520 | 1,613 | 194 | 56 | 5 | 6,023 |
แผนพลังงานทดแทน | 285 | - | - | - | - | - | 285 |
แผนเพิ่มประสิทธิภาพ | 435 | - | - | - | - | - | 435 |
แผนบริหารทางกลยุทธ์ | 217 | - | - | - | - | - | 217 |
รวมผูกพันปี 48 | 937 | - | - | - | - | - | 937 |
รวมผูกพันทั้งสิ้น | 3,572 | 1,520 | 1,613 | 194 | 56 | 5 | 6,960 |
4. ผลการดำเนินงานตามแผนฯ ปี 2548
(1) ในส่วนที่ สนพ. รับผิดชอบ
- ได้รับจัดสรรงบประมาณรวม 790.37 ล้านบาท ใช้และผูกพันรวม 699.52 ล้านบาท
- ใช้เงินกองทุนฯ สนับสนุนหน่วยงานต่างๆ รวม 24 หน่วยงาน เช่น สภาอุตสาหกรรม (กลุ่มยานยนต์) บริษัท ปตท. (มหาชน) จำกัด มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา สถาบันอาชีวศึกษา ฯลฯ
- ดำเนินงานด้านอนุรักษ์พลังงานรวม 37 โครงการ ตลอดจนสนับสนุนทุนการศึกษาข้าราชการในหน่วยงานต่างๆ 16 ทุน และทุนวิจัยระดับอุดมศึกษา 52 ทุน
- ก่อให้เกิดผลประหยัดพลังงาน 1,025 ktoe เมื่อได้ดำเนินโครงการเสร็จเรียบร้อยในปี 2549 โดยได้ผลมากกว่าที่เสนอกองทุนฯ ไว้
- สรุปผลการดำเนินงานในส่วนที่ สนพ. รับผิดชอบ ตามเอกสารที่แจกให้ที่ประชุมทราบ
(2) ในส่วนที่ พพ. รับผิดชอบ
- ได้รับจัดสรรงบประมาณรวม 1,072.91 ล้านบาท ใช้และผูกพันรวม 878.81 ล้านบาท
- พพ. ได้รายงานผลการดำเนินงานในปี 2548 ให้ที่ประชุมทราบดังนี้
- งานด้านเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในส่วนการศึกษาวิจัย พพ. ได้กำหนดมาตรฐานการจัดการพลังงานในโรงงานอุตสาหกรรม กำหนดเกณฑ์การใช้พลังงานในอาคาร และจัดทำ ร่างกฎกระทรวง Compressor ประสิทธิภาพสูง สำหรับการส่งเสริมและสาธิต พพ. ได้ดำเนินมาตรการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี และมาตรการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วมในโรงงานและอาคารทุกระดับ
- งานด้านพลังงานทดแทน พพ. ได้ดำเนินการศึกษาวิจัยและส่งเสริม/สาธิต หลายโครงการ เช่น วิจัยเซลล์แสงแดดไทยสู่ความเป็นเลิศ จัดตั้งศูนย์พัฒนามาตรฐานและทดสอบ Solar Cell วิจัยการใช้ไบโอดีเซลในเครื่อง Commonrail ปรับปรุงเครื่องคาบิวเรเตอร์เพื่อใช้แก๊สโซฮอล์ จัดระบบรวบรวม/ขนส่ง เอทานอล สาธิตการใช้ถังหมักก๊าซจากขยะ/มูลสัตว์ ขนาดเล็ก ศึกษาผลิตไบโอดีเซลจากสบู่ดำ และศึกษามาตรการ CDM ด้านพลังงาน เป็นต้น
- งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ พพ. ได้ดำเนินการอบรมให้ความรู้ในการอนุรักษ์พลังงานแก่บุคลกรของอุตสาหกรรม พัฒนาหลักสูตร Energy Audit จัดเสวนา ESCO และประกวดโรงงาน/อาคาร อนุรักษ์พลังงาน ฯลฯ
(3) ในส่วนที่ บก. รับผิดชอบ
- ได้รับจัดสรรงบประมาณรวม 3.19 ล้านบาท ใช้และผูกพันรวม 0.6 ล้านบาท
5. แผนอนุรักษ์พลังงานปี 2549
5.1 เพิ่มประสิทธิภาพ ภาคขนส่ง (สนพ.) 40 ล้านบาท
- ลดปัญหาจราจร และ Taxi วิ่งเที่ยวเปล่า (10 ล้านบาท)
- ร่วมมือกับ กทม. จัดจุดจอด Taxi และระบบรับส่ง ผู้โดยสารในศูนย์การค้า โรงพยาบาล หน่วยราชการ
- Park & ride (30 ล้านบาท)
- ลดปริมาณรถเข้าเมือง โดยสร้าง Park & ride ชานเมือง (รถบุคคล / car pool รถโรงเรียน/รถหมู่บ้าน) นำร่อง 1 แห่ง พร้อมจัดระบบ Feeder
- ปรับปรุง Park & ride ที่บางซื่อ เพื่อเป็นจุดเชื่อมต่อ รถขนส่งสาธารณะต่างจังหวัด และรถขนส่งพนักงานองค์กรขนาดใหญ่ กับระบบขนส่งสายหลัก
5.2 เพิ่มประสิทธิภาพ อุตสาหกรรม/อาคาร/บ้านอยู่อาศัย (พพ.) 653 ล้านบาท
- การอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม (313 ล้านบาท)
- สิทธิประโยชน์ทางภาษี
- Tax Incentive (100 ล้านบาท)
- สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้จากกรมสรรพากร (100 ล้านบาท)
- สนับสนุนการดำเนินงานตาม พรบ. (50 ล้านบาท)
- การบริหารงานโครงการเงินทุนหมุนเวียน (10 ล้านบาท)
- ศึกษาเกณฑ์การใช้พลังงานในอุตสาหกรรมและอาคารต่างๆ (SEC) (40 ล้านบาท)
- การศึกษาจัดทำแผนการส่งเสริมเครื่องจักรอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (3.5 ล้านบาท)
- การจัดตั้งเครือข่ายศูนย์ทดสอบวัสดุอุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (6.5 ล้านบาท)
- ศึกษาจัดทำเกณฑ์การสนับสนุนและดำเนินการส่งเสริมการจำหน่ายเครื่องปรับอากาศและตู้เย็น Premium เบอร์ 5 (10 ล้านบาท)
- นำร่องปรับปรุงบ้านพักอาศัยเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (20 ล้านบาท)
5.3 ใช้พลังงานทดแทน (พพ.) 497.14 ล้านบาท
- ส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวมวล/ชีวภาพ 60.5 ล้านบาท
- ส่งเสริมก๊าซชีวภาพในโรงงานอุตสาหกรรม(15 ล้านบาท)
- ส่งเสริมก๊าซชีวภาพจากขยะระดับชุมชน (30 ล้านบาท)
- พัฒนา/สาธิตระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลชุมชน (7 ล้านบาท)
- พัฒนาเตาเผาก๊าซชีวมวลในอุตสาหกรรมเซรามิค (1.5 ล้านบาท)
- ศึกษาเทคโนโลยีการผลิตก๊าซเชื้อเพลิงถ่านหิน (7 ล้านบาท)
- ส่งเสริมพลังงานแสงอาทิตย์ / ลม 60 ล้านบาท
- พัฒนาเซลแสงแดดสู่ความเป็นเลิศ (30 ล้านบาท)
- พัฒนามาตรฐานและทดสอบระบบเซลแสงอาทิตย์ (30 ล้านบาท)
- ส่งเสริมเชื้อเพลิง ไบโอดีเซล/เอทานอล 95.64 ล้านบาท
- ส่งเสริมไบโอดีเซลชุมชน (51 ล้านบาท)
- ส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลใน กทม. และ เชียงใหม่ (30 ล้านบาท)
- กำหนดคุณสมบัติแก๊สโซฮอล์ที่เหมาะสมหลังปี 2550 (6.4 ล้านบาท)
- วงจรชีวิตการผลิตและใช้เอทานอลจากมันสำปะหลังและอ้อย (8.24 ล้านบาท)
- ส่งเสริมพลังงานทดแทนอื่นๆ 281 ล้านบาท
- ฐานข้อมูลการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนใน SME (5 ล้านบาท)
- สาธิตเซลเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า SOFC (25 ล้านบาท)
- สาธิตผลิตไฮโดรเจนจากขบวนการความร้อนทางเคมี (6 ล้านบาท)
- พัฒนาระบบติดตาม / สำรวจการใช้พลังงานทดแทน (15 ล้านบาท)
- พัฒนาศูนย์รวมองค์ความรู้พลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (19 ล้านบาท)
- ปรับปรุงระเบียบเพื่อการพัฒนาการผลิตการใช้พลังงาน (2 ล้านบาท)
- ประเมินศักยภาพแหล่งน้ำพุร้อนในประเทศไทย (4 ล้านบาท)
- วิจัยพัฒนาการใช้ Vanadium แบตเตอรี่ -พพ. (200 ล้านบาท)
- ติดตามประเมินผล วิจัยพัฒนาการใช้ Vanadium -สนพ. (5 ล้านบาท)
5.4 ใช้เชื้อเพลิงทางเลือก (สนพ.) 40.5 ล้านบาท
- ส่งเสริมการใช้ NGV ด้วยระบบสินเชื่อ (22 ล้านบาท)
- เรือประมงเล็ก 100 ลำ และรถส่วนบุคคล 10,000 คัน
- สร้างความเชื่อมั่น NGV กับเครื่องยนต์ดีเซลโดยทดสอบชุด Kit แต่ละเทคโนโลยีกับเครื่องยนต์แต่ละประเภทของรถ ปิคอัพและรถตู้ (10 ล้านบาท)
- เพิ่มพื้นที่ปลูกพืชน้ำมันในภาคเหนือ (โครงการต่อเนื่องปี2) (8.5 ล้านบาท)
5.5 การดำเนินการเชิงนโยบาย (สนพ.) 34 ล้านบาท
- ศึกษา/จัดทำ/ปรับปรุงนโยบายให้สอดคล้องสถานการณ์พลังงานโลก (20 ล้านบาท)
- บูรณาการแผนพลังงานกับแผนยุทธศาสตร์จังหวัด (24 ล้านบาท)
5.6 รณรงค์การเปลี่ยนพฤติกรรมให้ประหยัดพลังงาน (สนพ.) 127 ล้านบาท
- กระทรวงพลังงานจับมือพันธมิตร (50 ล้านบาท)
- อสมท. กระทรวงวัฒนธรรม อาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงคมนาคม บริษัทไปรษณีย์ไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
- Energy Fantasia ระยะที่ 2 (30 ล้านบาท)
- บ้านประหยัดพลังงานร่วมกับธุรกิจบ้านจัดสรร (25 ล้านบาท)
- PR ตามสถานการณ์ + ผลิตสื่อสนับสนุนอื่นๆ + ประเมินผล (22 ล้านบาท)
5.7 รณรงค์การใช้พลังงานทดแทนน้ำมัน (สนพ.) 45 ล้านบาท
- สร้างความรู้ความเข้าใจการใช้NGV (15 ล้านบาท)
- เผยแพร่ความสำเร็จของการใช้พลังงานทดแทน (30 ล้านบาท)
5.8 การสร้างทรัพยากรบุคลากรด้านพลังงาน (สนพ.) 104 ล้านบาท
- ให้ทุนการศึกษาใน+ต่างประเทศ (ข้าราชการ) ระดับ ตรี-โท-เอก
- ให้ทุนวิจัย ทุนดูงาน/ฝึกอบรม (หน่วยงานต่างๆ)
- อบรมข้าราชการไทย ลดใช้พลังงาน
- อบรมอาชีวศึกษา Fix it center
- อบรมบุคลากรเรื่องบูรณาการการเรียนการสอนด้านพลังงานระดับประถมและมัธยมศึกษา
5.9 พัฒนาบุคลากรด้านพลังงานและประชาสัมพันธ์ (พพ.) 158 ล้านบาท
- Feedback Report สำหรับโรงงาน/อาคารควบคุม (5 ล้านบาท)
- รายงานสถานภาพการใช้พลังงานและผลการดำเนินงาน ของ พพ. (3.5 ล้านบาท)
- ประกวดโรงงาน/อาคาร/บุคลากรด้านพลังงาน (9 ล้านบาท)
- จัดกิจกรรมอนุรักษ์พลังงาน (9.5 ล้านบาท)
- พัฒนาหลักสูตรอนุรักษ์พลังงาน/พลังงานทดแทน (10 ล้านบาท)
- อบรมและพัฒนาคุณภาพผู้รับผิดชอบด้านพลังงาน (23.25 ล้านบาท)
- อบรมเทคนิคพลังงานสำหรับราชการ (3 ล้านบาท)
- อบรมสร้างจิตสำนึก (4 ล้านบาท)
- จัดทำโปรแกรมจำลอง Mini Plant (3.5 ล้านบาท)
- ศูนย์ปรึกษาการประหยัดพลังงาน (8 ล้านบาท)
- ลูกค้าสัมพันธ์ (15 ล้านบาท)
- ประชาสัมพันธ์อนุรักษ์พลังงาน (10 ล้านบาท)
- ประชาสัมพันธ์พลังงานทดแทน (25 ล้านบาท)
- เผยแพร่เทคโนโลยีของอาคารอนุรักษ์พลังงานเฉลิมพระเกียรติ (3 ล้านบาท)
- เผยแพร่การอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน (10 ล้านบาท)
- อบรม/ดูงาน/ประชาสัมพันธ์ความรู้ด้านเชื้อเพลิงชีวภาพ (7 ล้านบาท)
- จัดทำแผนและบริหารงานวิชาการ (8.5 ล้านบาท)
- จัดทำเอกสารเผยแพร่การอนุรักษ์พลังงานและค่าสมาชิกเว็บไซต์ (1.1 ล้านบาท)
5.10 งานบริหารจัดการ 126.63 ล้านบาท
- พพ. (55 ล้านบาท)
- สนพ. (68.5 ล้านบาท)
- บก. (3.13 ล้านบาท)
6. ผลประโยชน์ที่จะได้รับถึงปี 2549
- เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน(ขนส่ง อุตสาหกรรม บ้าน) 2,975 ktoe คิดเป็นมูลค่าประมาณ 47,600 ล้านบาท
- ใช้พลังงานหมุนเวียน (เอทานอล ชีวมวล ฯลฯ) 1,402 ktoe ใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 2,258 ktoe ทดแทนการนำเข้าพลังงาน 58,560 ล้านบาท
7. สรุปงบประมาณการรายจ่ายแผนอนุรักษ์พลังงาน ประจำปี 2549
หน่วย: ล้านบาท
แผนงาน | สนพ. | พพ. | บก. | รวม | ร้อยละ |
1. แผนพลังงานทดแทน | 100.00 | 579.44 | 0.00 | 679.44 | 36.80 |
1.1 งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค | 5.00 | 260.00 | 0.00 | 265.00 | 39.00 |
1.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 0.00 | 232.14 | 0.00 | 232.14 | 34.17 |
1.3 งานพัฒนาบุคลากร | 50.00 | 54.80 | 0.00 | 104.80 | 15.42 |
และประชาสัมพันธ์ | 45.00 | 0.00 | 45.00 | 6.62 | |
1.4 งานบริหารจัดการ (พพ.) | 0.00 | 32.50 | 0.00 | 32.50 | 4.78 |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน | 191.00 | 779.05 | 0.00 | 970.05 | 52.55 |
2.1 งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค | 0.00 | 60.00 | 0.00 | 60.00 | 6.19 |
2.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 0.00 | 593.00 | 0.00 | 593.00 | 61.13 |
2.3 งานพัฒนาบุคลากร | 54.00 | 103.55 | 0.00 | 157.55 | 16.24 |
และประชาสัมพันธ์ | 137.00 | 0.00 | 137.00 | 14.12 | |
2.4 งานบริหารจัดการ (พพ.) | 0.00 | 22.50 | 0.00 | 22.50 | 2.32 |
3. แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ | 193.50 | 0.00 | 3.13 | 196.63 | 10.65 |
3.1 งานศึกษาเชิงนโยบายและวิชาการ | 125.00 | 0.00 | 0.00 | 125.00 | 63.57 |
3.2 งานบริหารจัดการ (สนพ.+บก.) | 68.50 | 0.00 | 3.13 | 71.63 | 36.43 |
3.3 งานอื่นๆ | 0.00 | 0.00 | 0.00 | 0.00 | 0.00 |
รวมงบประมาณปี 2549 | 484.50 | 1,358.49 | 3.13 | 1,846.12 | 100.00 |
หมายเหตุ: โดยให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผนงานเดียวกันได้
มติที่ประชุม
1. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ปรับรายละเอียดแผนงานอนุรักษ์พลังงานปีงบประมาณ 2549 ตามที่คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานให้ความเห็นไว้ และเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาต่อไป โดยให้ฝ่ายเลขานุการฯ แสดงเหตุผลให้คณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเรื่องการจัดสรรเงินรวมสูงกว่า 1,300 ล้านบาท และสัดส่วนการใช้เงินของแผนด้านพลังงานทดแทน และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานต่างไปจากที่คณะกรรมการกองทุนฯ กำหนดกรอบไว้ด้วย
2. เห็นชอบการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในวงเงินรวม 1,846.12 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในปีงบประมาณ 2549 ดังนี้
(1) ให้ พพ. ในวงเงิน 1,358.49 ล้านบาท ตามเอกสารประกอบวาระ 3.1.1-3.1.2 และ 3.1.4
(2) ให้ สนพ. ในวงเงิน 484.50 ล้านบาท ตามเอกสรประกอบวาระ 3.1.3
(3) ให้ บก. ในวงเงิน 3.13 ล้านบาท ตามเอกสารประกอบวาระ 3.1.3
ทั้งนี้ ให้สามารถถัวจ่ายภายในแผนงานเดียวกันได้
โดยให้เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาหลังจากคณะกรรมการเห็นชอบการปรับกรอบสัดส่วนการใช้เงินตามข้อ 1 แล้ว และให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2548 โดยให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายรายการต่างๆ ได้
3. หากคณะกรรมการกองทุนฯ ไม่เห็นชอบตามข้อ 1 เห็นควรเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติแผนงานบริหารทางกลยุทธ์งานบริหารจัดการ ซึ่งเป็นงบประมาณเกี่ยวกับค่าจ้างบุคลากรและค่าใช้จ่ายสำนักงานได้เท่าที่จ่ายจริงไปก่อนมีการปรับประมาณการ
4. เห็นควรให้ปรับหัวข้อการวิจัยในแผนอนุรักษ์พลังงาน ปี 2549 ให้สอดคล้องกับผลการศึกษาของ สกว. เรื่องมาตรการเชิงนโยบายที่สำคัญและกรอบการวิจัยด้านพลังงานหมุนเวียนและการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเบื้องต้น สำหรับปี 2549
เรื่องที่ 3 ขอความเห็นชอบเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานโครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม 3 โครงการ
1. คณะอนุกรรมการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมครั้งที่ 8/2547 (ครั้งที่ 15) เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2547 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้ 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการสาธิตการใช้พลังงานลมเพื่อผลิตไฟฟ้าจ่ายขนานเข้าระบบจำหน่าย รวม 3 โครงการ โดย พพ. กฟผ. และ กฟภ. จะติดตั้งกังหันลมหน่วยงานละ 1 ชุด เพื่อเก็บสถิติข้อมูลจากการใช้งานจริง โดยแต่ละระบบ มีความแตกต่างกันในด้านขนาดกำลังการผลิต เทคโนโลยี สถานที่ติดตั้ง ดังนี้
หน่วยงาน | สถานที่ติดตั้ง | กำลังการผลิต | ขอทุน (บาท) |
(1) พพ. | ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช | 900 kW | 50,000,000 |
(2) กฟภ. | ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ที่ อ.สทิงพระ จ.สงขลา | 600 kW | 31,037,194 |
(3) กฟผ. | ชายฝั่งทะเลอันดามัน ที่ แหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต | 600 kW | 41,108,000 |
รวมทั้งสิ้น | 2,100 kW | 122,145,194 |
2. พพ. ได้มีหนังสือที่ พน.0506/31097 ลงวันที่ 8 พฤษภาคม 2548 ขอเปลี่ยนแปลงวิธีดำเนินการของทั้ง 3 โครงการ จากการสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้กับแต่ละหน่วยงาน เป็นให้ พพ. กฟภ. และ กฟผ. ร่วมกันดำเนินการ โดยนำเงินกองทุนฯ ที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว 122,145,194 บาท ทำเป็นเงินสนับสนุนค่ารับซื้อพลังงานไฟฟ้าส่วนเพิ่มให้กับเอกชนที่จะเข้ามาลงทุนติดตั้งกังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้าและขายให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย ตามจำนวนหน่วยที่ผลิตและขายจริง เป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่เกินหน่วยละ 8 บาท โดยมอบหมายให้ กฟภ. เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานและเริ่มโครงการในเดือนกันยายน 2548
3. ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นควรสนับสนุนการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินโครงการฯ ตามที่ พพ. เสนอมา ซึ่งนอกจากกองทุนฯ ไม่ต้องจ่ายสนับสนุนทั้งหมดทันทีเพื่อลงทุนในการจัดซื้อกังหันลมผลิตไฟฟ้า แต่เพียงทยอยจ่ายเงินสนับสนุนค่าพลังงานไฟฟ้าส่วนเพิ่มในระยะเวลา 5 ปี เท่านั้นแล้ว ยังไม่มีภาระผูกพันใน การบำรุงรักษา อุปกรณ์ รวมถึงรับความเสี่ยงการลงทุนในกรณีที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าไม่ได้ตามที่กำหนดไว้ด้วย
4. สนพ. ได้เบิกจ่ายเงินงวดแรก ให้ กฟผ. กฟภ. และ พพ. ไปแล้วรวม 19,662,439 บาท ซึ่ง กฟผ. ได้ดำเนินโครงการฯ ตามแผนเดิมถึงขึ้นตอนการเปิดประกาศประกวดราคานานาชาติไปแล้ว แต่ได้ประกาศยกเลิกประกวดราคาดังกล่าว ภายหลังจากทราบนโยบายของกระทรวงพลังงานตามที่ พพ. แจ้ง ซึ่ง กฟผ. ได้จ่ายเงินที่ได้รับจากกองทุนฯ ไปแล้ว 420,000 บาท ในการนี้ ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเสนอต่อที่ประชุม หากเห็นควรปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินโครงการฯ ใคร่ขอให้ถือว่ารายจ่ายที่ กฟผ. ได้จ่ายไปแล้ว 420,000 บาท ดังกล่าว เป็นรายจ่ายตามแผนงานฯ ด้วย
5. ให้ กฟผ. กฟภ. และ พพ. ปิดบัญชีโครงการเดิม และส่งเงินที่เหลือพร้อมดอกเบี้ยคืน สนพ. เพื่อส่งคืนกองทุนฯ ต่อไป
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบให้ พพ. และ กฟภ. ดำเนินโครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม หน่วยงานละ 1 โครงการ โดยแต่ละโครงการมีขนาดติดตั้ง 1.5 MW ขึ้นไป
2. เห็นชอบให้ กฟผ. กฟภ. และ พพ. ปิดบัญชีโครงการเดิม และส่งเงินที่เหลือพร้อมดอกเบี้ยคืนกองทุนฯ โดยให้หักรายจ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานของ กฟผ. ไปแล้ว จำนวน 420,000 บาท ได้
ผ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. การพิจารณาอนุมัติในการเปลี่ยนแปลง กิจกรรมหรือแผนงานโครงการใดๆ ภายใต้แผนงานภาคความร่วมมือ แผนงานสนับสนุน และ/หรือแผนงานภาคบังคับ ในช่วงที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มอบอำนาจให้คณะอนุกรรมการฯ และ/หรือผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (ผอ.สนพ.) และ/หรืออธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (อพพ.) เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน
2. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้แจ้งให้ สนพ. ทราบว่าในประเด็นของการขออนุมัติเปลี่ยนแปลงกิจกรรมและแผนงานโครงการที่ได้อนุมัติไว้แล้ว เป็นอำนาจของคณะกรรมการกองทุนฯ โดยเฉพาะ คณะกรรมการกองทุนฯ ไม่สามารถมอบหมายให้อนุกรรมการฯ และ/หรือบุคคลใดทำการแทนได้ ดังนั้นในการที่หน่วยงานต่างๆ ที่ได้รับทุนจากกองทุนฯ หากขอเปลี่ยนแปลงกิจกรรมและแผนงานโครงการที่ได้อนุมัติไว้แล้ว จะต้องนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา
3. มีหน่วยงานที่ได้รับทุนจากกองทุนฯ ในส่วนที่ สนพ. รับผิดชอบ ได้ขอปรับแผนงาน รวม 10 โครงการ ดังนี้
(1) โครงการสวนพลังงานแสงอาทิตย์ ระยะที่ 2 ของมหาวิทยาลัยนเรศวร
(2) โครงการใช้แสงธรรมชาติผ่านแผงควบคุมช่องเปิดด้านบน ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น
(3) โครงการศึกษาการจัดทำกรอบแผนยุทธศาสตร์พลังงานระดับจังหวัดแบบบูรณาการ สำนักงานพลังงานภูมิภาคที่ 10-ปี 2548 ของสำนักงานพลังงานภูมิภาคที่ 10
(4) โครงการวิจัยและสาธิตการผลิตและการใช้ไบโอดีเซลเป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์รับจ้างสองแถวในจังหวัดเชียงใหม่ ของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
(5) โครงการห้องปฏิบัติการทดสอบบัลลาสต์ ของการไฟฟ้านครหลวง
(6) โครงการจัดตั้งห้องปฏิบัติการเพื่อส่งเสริมการผลิตมอเตอร์ประสิทธิภาพสูง ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
(7) โครงการประหยัดพลังงานด้วยการควบคุมการระบายอากาศภายในอาคารที่เหมาะสม ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
(8) โครงการศึกษาการจัดทำกรอบแผนยุทธศาสตร์พลังงานระดับจังหวัดแบบบูรณาการ สำนักงานพลังงานภูมิภาคที่ 4-ปี 2548 ของสำนักงานพลังงานภูมิภาคที่ 4
(9) โครงการประหยัดพลังงานในการบ่มใบยาสูบ ระยะที่ 3 ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
(10) โครงการแท็กซี่อาสาสมัครใช้ก๊าซ NGV จำนวน 7,000 คัน ของบริษัท ปตท. จำกัด
การขอปรับแผนงานฯ ของ 10 โครงการ แบ่งเป็น 4 ประเภท ดังนี้
(1) ขอปรับเปลี่ยนรายละเอียดงบประมาณ 4 โครงการ (ลำดับที่ 1-4)
(2) ขอขยายระยะเวลาการดำเนินงาน 2 โครงการ (ลำดับที่ 5-6)
(3) ขอเปลี่ยนแปลงบุคลากรของโครงการ 1 โครงการ (ลำดับที่ 7)
(4) ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในการดำเนินงาน 3 โครงการ (ลำดับที่ 8-10)
มติที่ประชุม
ให้ฝ่ายเลขานุการฯ เพิ่มเติมเหตุผลที่แต่ละโครงการจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการไปจากที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้ ให้ชัดเจน แล้วให้เวียนขอความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการฯ ก่อนเวียนขอความเห็นชอบคณะกรรมการกองทุนฯ
กอ. ครั้งที่ 46 - วันศุกร์ที่ 21 กันยายน 2550
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 2/2550 (ครั้งที่ 46)
วันศุกร์ที่ 21 กันยายน 2550 เวลา 9.30 น.
ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
1. เกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2550
2. ขอความเห็นชอบแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554 และขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2551
3. ขออนุมัติปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
รองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล) กรรมการและเลขานุการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) กระทรวงพลังงาน ผู้เข้าร่วมประชุม
เรื่องที่ 1 เกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2550
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า กรมบัญชีกลาง (บก.) ได้รายงานผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2549 โดยภาพรวมมีคะแนนอยู่ในระดับ 3.6036 สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.1 ผลการดำเนินงานด้านการเงิน (15%) ประกอบด้วย
ตัวชี้วัดที่ 1.1 ร้อยละของงบประมาณที่มีการผูกพันสัญญาต่องบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากกองทุนฯ ผลการดำเนินงานสิ้นปี 2549 อยู่ในระดับร้อยละ 97.27 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 5.00
ตัวชี้วัดที่ 1.2 ค่าใช้จ่ายเพื่อการบริหารกองทุนฯ ที่เกิดขึ้นจริงเทียบกับงบประมาณ ผลการดำเนินงานสิ้นปี 2549 อยู่ในระดับร้อยละ 84.96 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 3.5413
1.2 ผลการดำเนินงานด้านปฏิบัติการ (35%) ประกอบด้วย
ตัวชี้วัดที่ 2.1 ร้อยละของจำนวนโครงการที่มีการทำสัญญาของแต่ละแผนงาน ต่อจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติทั้งหมดของแต่ละแผนงาน ผลการดำเนินงานสิ้นปี 2549 โดย แผนพลังงานทดแทน ได้คะแนน 3.0960 แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ได้คะแนน 3.8880 และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ได้คะแนน 1.00
ตัวชี้วัดที่ 2.2 ร้อยละของจำนวนโครงการที่สามารถดำเนินงานได้ตามแผนภายในระยะเวลาที่กำหนดต่อจำนวนโครงการทั้งหมด โดยแผนพลังงานทดแทน ได้คะแนน 1.00 แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ได้คะแนน 1.0000 และ แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ได้คะแนน 5.00
ตัวชี้วัดที่ 2.3 ร้อยละของการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการ ประจำปี 2549 ได้คะแนน 1.00
1.3 การสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (20%) ประกอบด้วย
ตัวชี้วัดที่ 3.1 การสำรวจความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้คะแนน 5.00
ตัวชี้วัดที่ 3.2 การจัดทำแผนการปรับปรุงการดำเนินงาน ได้คะแนน 4.00
1.4 การบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียน (30%) ประกอบด้วย
ตัวชี้วัดที่ 4.1 การจัดทำแผนกลยุทธ์กองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2550-2554 ได้คะแนน 4.00
ตัวชี้วัดที่ 4.2 การจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปีบัญชี 2550 กองทุนฯ ได้คะแนน 4.00
ตัวชี้วัดที่ 4.3 การติดตามประเมินผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ ได้คะแนน 5.0000
2. ความเห็นคณะอนุกรรมการฯ ในการประชุมครั้งที่ 5/2550 (ครั้งที่ 11) เมื่อ 14 กันยายน 2550
2.1 รับทราบผลการประเมินฯ ประจำปีงบประมาณ 2549 และมีข้อสังเกตเรื่องคะแนนผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ที่อยู่ในระดับ 3.6036 เมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนอื่นๆ ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้ชี้แจงว่า กองทุนหมุนเวียนที่มีลักษณะให้การส่งเสริมและเข้าสู่ระบบประเมินผลในปี 2549 มี 11 ราย กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานมีผลการประเมินจัดอยู่ในอันดับที่ 6 โดยคะแนนตัวชี้วัดด้านการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการที่ได้รับไม่เต็ม เนื่องจากการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ล่าช้า คณะอนุกรรมการฯ ที่ประชุมรับทราบและให้คำแนะนำว่างบประมาณของกองทุนฯ ปี 2550 ได้รับอนุมัติล่าช้าประมาณ 3 เดือน อาจส่งผลให้การดำเนินงานไม่ผ่านเกณฑ์ ฝ่ายเลขานุการฯ ควรหารือกับกรมบัญชีกลางขอผ่อนผันเพื่อปรับเกณฑ์การประเมินตามตัวชี้วัดดังกล่าวด้วย
2.2 เห็นชอบเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2550 และให้ฝ่ายเลขานุการฯ รายงานให้คณะกรรมการกองทุนฯ รับทราบก่อน เสนอประธานกรรมการกองทุนฯ เพื่อโปรดพิจารณาลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินกับกระทรวงการคลัง
มติที่ประชุม
รับทราบผลการประเมินการดำเนินงานทุนหมุนเวียนของกองทุนฯ ประจำปี 2549 และเห็นชอบเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2550 และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอประธานกรรมการกองทุน เพื่อโปรดพิจารณาลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินกับกระทรวงการคลัง ต่อไป
1. ผลการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2548-2550 ฝ่ายเลขานุการฯ ได้สรุปรายงานที่ประชุมเพื่อทราบ ดังนี้
1.1 การดำเนินงานแต่ละด้านเป็นไปตามแผนงานฯ ที่กำหนดไว้ ก่อเกิดผลลดการใช้พลังงานได้ประมาณ 1,518 ktoe และมีการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น 3,713 ktoe ใกล้เคียงกับเป้าหมาย ณ ปี 2550 โดยเปรียบเทียบเป้าหมายกับผลประหยัดพลังงานที่คาดว่าจะได้รับ ณ ปี 2550 ได้ดังนี้
แผนงาน | เป้าหมาย ปี 54 | เป้าหมาย | ผล |
ปี 50 | ปี 50 | ||
ktoe | ktoe | ktoe | ktoe |
(1) แผนงานเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 7,693 | 1,557 | 1,518 |
1. อุตสาหกรรม | 3,832 | 492 | 567 |
2. ขนส่ง | 3,290 | 861 | 726 |
3. บ้านและการจัดการ | 571 | 204 | 225 |
(2) แผนงานด้านพลังงานทดแทน | 11,311 | 3,555 | 3,713 |
1. ส่งเสริม NGV | 4,348 | 405 | 540 |
2. ส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน | 6,963 | 3,150 | 3,173 |
1.2 ผลงานที่สำคัญในการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปี 2548-2550 เช่น
(1) ปรับปรุงแก้ไข พรบ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 เพื่อให้บทบัญญัติบางประการเหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน และผ่านขั้นตอนความเห็นชอบของรัฐสภาแล้ว อยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อทูลเกล้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ลงพระปรมาภิไธย
จากการแก้ไข พ.ร.บ.ฯ ฉบับดังกล่าว ต้องมีการปรับปรุงกฎหมายลำดับรองที่ออกตามมาด้วย ซึ่งกระทรวงพลังงานได้เตรียมเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ ตามลำดับต่อไป
(2) กำหนดมาตรฐานเครื่องจักรอุปกรณ์วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้พลังงาน โดยจัดทำแผน 5 ปี (2550-2554) เพื่อออกกฎกระทรวงฯ กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำ (MEPs) และการส่งเสริม (ติดฉลาก) เครื่องจักรและอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน รวมทั้งสิ้น 35 ผลิตภัณฑ์
- (3) การส่งเสริม ช่วยเหลือ อุดหนุน ด้านอนุรักษ์พลังงาน เช่น
โครงการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม เกิดผลประหยัด 1,979 ล้านบาทต่อปี
โครงการสิทธิประโยชน์ทางภาษี เกิดผลประหยัดจากมาตรการ Cost based 375 ล้านบาทต่อปี มาตรการ Performance based 402 ล้านบาทต่อปี และสิทธิประโยชน์ด้านภาษี (BOI) 1,027 ล้านบาทต่อปี
โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน เกิดผลประหยัดในระยะที่ 1 จำนวน 1,403 ล้านบาทต่อปี และระยะที่ 2 จำนวน 1,545 ล้านบาทต่อปี
(4) การลดการใช้พลังงานในภาคขนส่ง จากการใช้ระบบขนส่งมวลชนโดยมีผู้ใช้รถไฟฟ้าประมาณ 600,000 คนต่อวัน ใน 3 สายทาง การปรับปรุงระบบจราจร ทำให้ความเร็วเฉลี่ยเขตเมือง เพิ่มขึ้น จาก 10 กม./ชม. เป็น 15 กม./ชม. การจัดทำเวบไซต์ Thai Truck Center เพื่อลดการเดินรถเที่ยวเปล่า มีสมาชิกแล้วจำนวน 5,224 ราย และการจัดทำพื้นที่จอดแล้วจร 12 แห่ง รองรับรถยนต์ได้ 5,707 คัน
(5) ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ดำเนินการในหลายด้านๆ ทั้งการปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง มาตรการส่งเสริมต่างๆ ทำให้เกิดการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น 3,713 ktoe เช่น
การขยายระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) สำหรับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยขยาย จากไม่เกิน 1 MW เป็นไม่เกิน 10 MW ทำให้มี VSPP รายใหม่ ยื่นคำร้องขอขายไฟฟ้า 564 MW ตอบรับซื้อไฟฟ้า 45 ราย 231.7 MW
ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าด้วยระบบ Cogeneration จากการประกาศรับซื้อไฟฟ้ารอบแรก 500 MW นั้น มี SPP ยื่นคำร้องขอขายไฟฟ้า 31 ราย รวม 2,416 MW
การกำหนดส่วนเพิ่มอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ทั้ง SPP และ VSPP ด้วยกลไกการแข่งขัน มี SPP ซื้อซอง 11 ราย ยื่นซอง 9 ราย เป็นชีวมวล 435 MW
การสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนดอกเบี้ยต่ำเพื่อพลังงานทดแทน ให้เอกชน 62 ราย ลงทุนเปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเปลี่ยนเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าจากน้ำมันเตาเป็นชีวมวล 36 ราย และเปลี่ยนมาใช้ก๊าซชีวภาพ 26 ราย
มาตรการอุดหนุนเงินลงทุน ค่าออกแบบ และค่าบริหารโครงการ ด้านพลังงานหมุนเวียน ช่วยให้มีการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น ณ ปี 2550 โดยเปรียบเทียบกับเป้าหมายได้ดังนี้
เป้าหมาย | ผลปี 50 | หน่วย | ||
ปี 54 | ปี 50 | |||
การผลิตไฟฟ้า | ||||
1) พลังงานแสงอาทิตย์ | 45 | 31 | 31 | MW |
2) พลังงานลม | 115 | 4 | 0.15 | MW |
3) พลังงานน้ำ | 156 | 104 | 62 | MW |
4) พลังงานชีวมวล | 2,800 | 2,077 | 1,977 | MW |
5) ขยะ | 100 | 10 | 4 | MW |
6) ก๊าซชีวภาพ | 30 | 8 | 29.20 | MW |
การใช้ความร้อน | ||||
7) พลังงานชีวมวล | 3,851 | 2,217 | 2,087 | ktoe/ปี |
การใช้น้ำมันและแอลกอฮอล์จากพืช | ||||
8) เอทานอล | 3.0 | 0.9 | 0.55 | ล้านลิตร/วัน |
9) ไบโอดีเซล | 4.0 | 0.5 | 0.07 | ล้านลิตร/วัน |
2. ฝ่ายเลขานุการฯ แจ้งต่อที่ประชุมว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติจัดสรรเงินงบประมาณประจำปี 2550 ให้ 3 หน่วยงาน คือ พพ. สนพ. และกรมบัญชีกลาง เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2549 ในวงเงิน 3,487,758,344 บาท และเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2550 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้ พพ. เพิ่มเติม 3 โครงการ รวม 154,700,000 บาท รวมวงเงินจัดสรรในปีงบประมาณ 2550 รวมทั้งสิ้น 3,642,458,344 บาท จำแนกได้ดังนี้
หน่วยงาน | แผนพลังงานทดแทน | แผนเพิ่มประสิทธิภาพฯ | แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ | รวม |
1) พพ. | 1,719,772,500 | 733,050,000 | - | 2,452,822,500 |
2) สนพ. | 529,500,000 | 472,611,000 | 186,405,104 | 1,188,516,104 |
3) กรมบัญชีกลาง | - | - | 1,119,740 | 1,119,740 |
รวม | 2,249,272,500 | 1,205,661,000 | 187,524,844 | 3,642,458,344 |
เนื่องจากระยะเวลาดำเนินการตามแผนปีงบประมาณ 2550 มีเวลาเพียง 9 เดือน งานส่วนใหญ่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาจัดสรรทุน และการจัดหา จัดซื้อ จัดจ้าง การประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามระเบียบและประกาศของกระทรวงการคลัง จึงไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันตามประมาณการรายจ่ายได้ทันในเดือนกันยายน 2550 ฝ่ายเลขานุการฯ จึงใคร่เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอนุมัติให้ทั้ง 3 หน่วยงาน ขยายเวลาการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตามแผนงานต่างๆ ต่อไปได้ถึงเดือนธันวาคม 2550
3. แผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554 กระทรวงพลังงานได้พิจารณาศักยภาพและมาตรการที่จะดำเนินการในช่วงต่อไปกับสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว จึงเสนอปรับเป้าหมายและวิธีดำเนินการบางมาตรการเพื่อให้ผลที่คาดว่าจะได้รับชัดเจนและเร่งให้เร็วขึ้นได้ ดังนี้
3.1 เป้าหมายแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554
แผนงาน | เป้าหมายเดิม (26 ธันวาคม 2549) |
เป้าหมายใหม่ (14 กันยายน 2550) |
||
ktoe | ร้อยละ | ktoe | ร้อยละ | |
(1) แผนงานเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 7,694 | 10.5 | 7,088 | 9.6 |
- สาขาอุตสาหกรรม | 3,832 | 5.2 | 2,581 | 3.5 |
- สาขาขนส่ง | 3,290 | 4.5 | 3,290 | 4.5 |
- การจัดการด้านการใช้พลังงาน | 572 | 0.8 | 1,217 | 1.6 |
(2) แผนงานด้านพลังงานทดแทน | 11,311 | 15.4 | 11,206 | 15.2 |
- ส่งเสริม NGV | 4,348 | 5.9 | 4,518 | 6.1 |
- พลังงานหมุนเวียน * | 6,963 | 9.5 | 6,688 | 9.0 |
* เป้าหมายของการใช้พลังงานหมุนเวียนจำแนกประเภทได้ดังนี้
ประเภทพลังงาน | ไฟฟ้า | ความร้อน | เชื้อเพลิงชีวภาพ | รวม | ||
MW | ktoe | ktoe | ล้านลิตร/วัน | ktoe | ktoe | |
แสงอาทิตย์ | 45 | 4 | 5 | - | - | 9 |
พลังลม | 115 | 13 | - | - | - | 13 |
ไฟฟ้าพลังน้ำ | 156 | 17 | - | - | - | 18 |
ชีวมวล | 2,800 | 941 | 3,660 | - | - | 4,601 |
ขยะ | 100 | 45 | - | - | - | 45 |
ก๊าซชีวภาพ * | 60 | 27 | 370 | - | - | 397 |
เอทานอล | - | - | - | 2.4 | 653 | 653 |
ไบโอดีเซล | - | - | - | 3.0 | 953 | 953 |
รวม | 3,276 | 1,047 | 4,035 | 5.4 | 1,606 | 6,688 |
3.2 เป้าหมายการประหยัดพลังงานในภาคอตุสาหกรรม ลดจาก 3,832 ktoe เป็น 2,581 ktoe เนื่องจากงานปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะประหยัดพลังงานได้ 1,400 ktoe ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษา และในช่วงปี 2551-2554 จะเร่งดำเนินการและเพิ่มมาตรการที่คาดว่าจะลดการใช้พลังงานได้อีก 794 ktoe สรุปโครงการที่สำคัญ เช่น
3.1.1 เร่งรัดการจัดการออกกฎกระทรวงตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ... เพื่อให้วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องจักร และเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงาน ได้มาตรฐานมีประสิทธิภาพด้านพลังงาน
3.1.2 เร่งส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยใช้มาตรการส่งเสริม สนับสนุนและจูงใจทั้งด้านการเงิน มาตรการทางภาษี และการคำแนะนำทางด้านเทคนิค เพิ่มแนวทางใหม่เสริมกับมาตรการที่มีอยู่ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการมีทางเลือกลงทุนอนุรักษ์พลังงาน ดังนี้
(1) สนับสนุนธุรกิจบริษัทจัดการพลังงาน ESCO โดยจัดตั้งกองทุนเพื่อร่วมลงทุนและส่งเสริมการลงทุนให้โครงการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน โดยใช้เงินจากกองทุนฯ ไปเข้าร่วมทุนในโครงการ ในปี 2551 จะทดลองดำเนินการในวงเงิน 500 ล้านบาท คาดว่าจะเกิดการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนมากกว่า 2,500 ล้านบาท เกิดผลประหยัดด้านพลังงานมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท/ปี
(2) ส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงานโดยวิธีประกวดราคา โดยใช้เงินจากกองทุนฯ สนับสนุนอัตราต่อหน่วยพลังงานที่ประหยัดได้ ด้วยการเชิญชวนผู้ประกอบการยื่นข้อเสนอวิธีการที่จะปรับปรุงการใช้พลังงาน และเสนอขอรับเงินสนับสนุนต่อค่าพลังงานที่ประหยัดได้ ตามอัตราที่ต้องการและไม่เกินวงเงินที่กองทุนฯ กำหนด คาดว่าจะช่วยลดการใช้พลังงานได้ไม่น้อยกว่า 500 ล้านหน่วย/ปี ลดความต้องการไฟฟ้าได้ 77 MW ช่วยลดปริมาณการใช้พลังงานความร้อน 1.7 ล้าน MMBTU/ปี เทียบเท่าน้ำมันดิบ 48 ล้านลิตร/ปี
(3) รณรงค์ให้มีการเปลี่ยนมาใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ T5 หรือหลอดผอมใหม่เบอร์ 5 แทนหลอดฟลูออเรสเซนต์ T8 หรือหลอดผอมเดิม เพื่อประหยัดพลังงานไฟฟ้าของประเทศ โดยมีเป้าหมายของ 100 ล้านหลอด หรือประมาณร้อยละ 50 ของจำนวนหลอดในระบบ คาดว่าจะลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ 4,111 ล้านหน่วย/ปี นับตั้งแต่ปี 2555 ลดความต้องการไฟฟ้าสูงสุดได้ 891 เมกะวัตต์ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ 2.1 ล้านตัน/ปี
(4) ส่งเสริมลดการใช้พลังงานในสาขาขนส่ง ได้แก่ การจัดเตรียมพื้นที่จอดแล้วจร (Park&Ride) และศึกษากฎหมายเรื่องการกำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะ เพื่อให้ความรู้กับผู้ใช้ยานพาหนะทราบเรื่องการขับ/ขี่ที่ความเร็วไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนดในแต่ละเขตทาง สำหรับการขนส่งสินค้าจะเริ่มเข้าไปช่วยผู้ประกอบกิจการบริการขนส่งสินค้าโดยตรงเพื่อศึกษาความเหมาะสมวิธีลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และต้องนำผลการศึกษาไปทำจริง สร้างแนวทางจูงใจใหม่ให้ผู้ประกอบกิจการต่างๆ ลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในกิจการของตน พร้อมทั้งจัดโปรแกรมฝึกอบรมวิธีการขับประหยัดน้ำมันและปลอดภัยให้กับ ผู้ขับยานพาหนะของหน่วยงานรัฐและเอกชน
3.3 ด้านการใช้พลังงานทดแทนเป้าหมายลดลง 275 ktoe เนื่องจากปรับเป้าหมายการใช้น้ำมันไบโอดีเซลและเอทานอลลง เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการน้ำมันที่ได้ชะลอตัวลงจากอดีตที่เคยคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามในช่วงปี 2551-2554 จะเร่งส่งเสริมให้เกิดการลงทุนและพัฒนาพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น ด้วยการเร่งผลักดันพลังงานทดแทนที่เหมาะสมกับประเทศไทย ดังนี้
3.3.1 ส่งเสริมการก๊าซชีวภาพ จากฟาร์มสุกร โรงงานแป้งมันสำปะหลัง และน้ำเสียจากโรงงาน เป็นต้น โดยมีเป้าหมายจะผลิตก๊าซชีวภาพ 1,060 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ทดแทนพลังงานเทียบเท่าน้ำมันดิบปีละ 397,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 6,970 ล้านบาทต่อปี ทำให้เป้าหมายก๊าซชีวภาพทางด้านไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 30 MW เป็น 60 MW และด้านความร้อนเพิ่มขึ้นเป็น 370 ktoe จาก 186 ktoe
3.3.2 การผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำ การแปรรูปขยะเป็นพลังงาน การใช้พลังงานจากลม และวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ได้มีแผนปฏิบัติการ รายละเอียดวิธีการดำเนินงาน และเป้าหมายในแต่ละปีที่ชัดเจนมากขึ้น
4. การดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปี 2551-2554 ตามข้อ 2 จะขอจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไปดำเนินการในวงเงินรวมประมาณ 16,132 ล้านบาท โดยสรุปแผนการใช้จ่ายเงินได้ดังนี้
แผนใช้จ่ายเงิน ปี | 2551 | 2552 | 2553 | 2554 | 2555 | รวม 5 ปี |
1) แผนพลังงานทดแทน | 2,588 | 940 | 1,065 | 880 | 1,110 | 6,582 |
2) แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 5,838 | 2,356 | 428 | 351 | 328 | 9,300 |
3) แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ | 250 | - | - | - | - | 250 |
รวมทั้งสิ้น | 8,675 | 3,295 | 1,493 | 1,231 | 1,438 | 16,132 |
หมายเหตุ: แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผนงาน/งานเดียวกันได้
5. ฐานะทางการเงินของกองทุนฯ ตามแผนงานและแผนการจัดสรรเงินในข้อ 3 และข้อ 4 ปรากฏดังตารางต่อไปนี้
หมายเหตุ :
(1) ประมารการรายรับล่วงหน้าปี 2551 ได้รับโอนเงินจำนวน 3,000 ล้านบาท จากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีมาสมทบเป็นรายได้ให้กับกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
(2) ประมาณการรายจ่ายล่วงหน้าคาดว่าจะขออนุมัติเพิ่มเติมระหว่างปี 2552-2556 ประมาณปีละ 3,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเบิกจ่ายได้เฉลี่ยร้อยละ 70 ของงบประมาณที่ได้รับ
6. จากตารางตามข้อ 5 ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2551 ฐานะการเงินของกองทุนฯ ติดลบ ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเสนอแนวทางเพิ่มสภาพคล่องให้กับฐานะการเงินของกองทุนฯ โดยกำหนดอัตราส่งเงินเข้ากองทุนฯ สำหรับน้ำมันเบนซินและดีเซล จาก 7 สตางค์ต่อลิตร เป็นอัตรา 25 สตางค์ต่อลิตร ก็จะทำให้ฐานะการเงินของกองทุนฯ เป็นบวก โดยดำเนินการวันเดียวกับการประกาศลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันเบนซินและดีเซลลง 18 สตางค์ต่อลิตร เพื่อไม่ให้มีผลต่อราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อมีการชดใช้หนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงหมดแล้ว คาดว่าประมาณเดือนธันวาคม 2550 - มกราคม 2551 ซึ่งจะทำให้ฐานะการเงินของกองทุนฯ ดังนี้
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ 3/2549 (ครั้งที่ 44) เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2549 และในการประชุมครั้งที่ 1/2550 (ครั้งที่ 45) เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2550 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และกรมบัญชีกลาง เพื่อใช้ตามแผนงานปีงบประมาณ 2550 รวมทั้งสิ้น 3,642,458,344 บาท (สามพันหกร้อยสี่สิบสองล้านสี่แสนห้าหมื่นแปดพันสามร้อยสี่สิบสี่บาทถ้วน) นั้น สามารถขยายระยะเวลาการผูกพันและใช้จ่ายเงินจำนวนดังกล่าวต่อไปได้ถึงเดือนธันวาคม 2550 สรุปได้ดังนี้
หน่วยงาน | แผนพลังงานทดแทน | แผนเพิ่มประสิทธิภาพฯ | แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ | รวม |
1) พพ. | 1,719,772,500 | 733,050,000 | - | 2,452,822,500 |
2) สนพ. | 529,500,000 | 472,611,000 | 186,405,104 | 1,188,516,104 |
3) กรมบัญชีกลาง | - | - | 1,119,740 | 1,119,740 |
รวม | 2,249,272,500 | 1,205,661,000 | 187,524,844 | 3,642,458,344 |
2. เห็นชอบกรอบแผนอนุรักษ์พลังงานระยะที่ 3 ในช่วงปี 2551-2554 และอนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อใช้ตามแผนงานดังกล่าว ในวงเงินรวม 16,132,273,859 บาท (หนึ่งหมื่นหกพันหนึ่งร้อยสามสิบสองล้านสองแสนเจ็ดหมื่นสามพันแปดร้อยห้าสิบเก้าบาทถ้วน) และคาดว่าจะเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาจัดสรรเพิ่มเติมในแต่ละปี จะมีวงเงินเฉลี่ย 3,000 ล้านบาท/ปี สำหรับวงเงิน 16,132,273,859 บาท นำมาจัดสรรให้ 3 หน่วยงาน ดังต่อไปนี้
2.1 ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เพื่อใช้ตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปีงบประมาณ 2551-2555 ในวงเงินรวม 11,851,176,782 บาท (หนึ่งหมื่นหนึ่งพันแปดร้อยห้าสิบเอ็ดล้านหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นหกพันเจ็ดร้อยแปดสิบสองบาทถ้วน) ตามรายละเอียดแผนงาน/โครงการและแนวทางการใช้จ่ายเงินตามที่ปรากฏในเอกสารประกอบวาระ 4.1.2
2.2 ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เพื่อใช้ตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในปีงบประมาณ 2551 ในวงเงินรวม 4,279,988,401 บาท (สี่พันสองร้อยเจ็ดสิบเก้าล้านเก้าแสนแปดหมื่นแปดพันแปดสี่ร้อยหนึ่งบาทถ้วน) ตามรายละเอียดแผนงาน/โครงการและแนวทางการใช้จ่ายเงินตามที่ปรากฏในเอกสารประกอบวาระ 4.1.4-4.1.5 โดยมีเงื่อนไขให้ พพ. จัดทำรายละเอียดของโครงการเพิ่มเติมในบางโครงการฯ และเสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการ
2.3 อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ งานบริหารจัดการ ให้กรมบัญชีกลาง ในวงเงินรวม 1,108,676 บาท (หนึ่งล้านหนึ่งแสนแปดพันหกร้อยเจ็ดสิบหกบาทถ้วน) เพื่อใช้ในงานบริหารจัดการประจำปีงบประมาณ2551ตามรายละเอียดแผนงาน/โครงการที่ปรากฏในเอกสารประกอบวาระ 4.1.3
3. เห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พิจารณาการปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ สำหรับน้ำมันเบนซินและดีเซล จากเดิมเก็บในอัตรา 7 สตางค์/ลิตร เป็นอัตรา 25 สตางค์ต่อลิตร
4. ให้ สนพ. และ พพ. รายงานความก้าวหน้าของการดำเนินงานให้ฝ่ายเลขานุการฯ เพื่อสรุปรายงานคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ทุก 3 เดือน และคณะกรรมการกองทุนฯ ทุก 6 เดือน
เรื่องที่ 3 ขออนุมัติปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า มีหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไปแล้ว ได้ยื่นเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการไปจากที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้ รวม 8 โครงการ ดังนี้
1.1 ขอเปลี่ยนแปลงระยะเวลาดำเนินงาน รวม 6 โครงการ คือ
โครงการ | หน่วยงาน | เดิม | ขยายถึง | |
(1) | โครงการการส่งเสริมการผลิตถ่านและการจัดการทรัพยากรไม้อย่างมีประสิทธิภาพ | สมาคมเทคโนโลยีที่เหมาะสม | กันยายน 2549 | กันยายน 2550 |
(2) | โครงการสร้างขีดความสามารถด้านการบริหารจัดการพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืนในถิ่นทุรกันดาร : กรณีศึกษาพื้นที่อำเภอบ่อเกลือ และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน | ม. พระจอมเกล้าธนบุรี | กุมภาพันธ์ 2549 | กรกฎาคม2550 |
(3) | โครงการศึกษากระบวนการสร้างชุมชนเข้มแข็ง ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม |
ม. ราชมงคลล้านนา | กรกฎาคม 2550 | กันยายน 2550 |
(4) | โครงการส่งเสริมการเรียนการสอนเรื่องการอนุรักษ์พลังงาน ในระดับอุดมศึกษา ด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ |
ม. ธรรมศาสตร์ | กันยายน 2550 | กันยายน 2551 |
(5) | การสนับสนุนทุนอุดหนุนการวิจัยแก่นักศึกษา จำนวน 4 หน่วยงาน | ม. ราชภัฏเลย
ม. เกษตรศาสตร์ ม. พระจอมเกล้าธนบุรี ม. สงขลานครินทร์ |
กรกฎาคม 2550
ธันวาคม 2550 พฤศจิกายน 2550 มกราคม 2551 |
|
(6) | ขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินเกิน 3 เดือน นับจากวันสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา จำนวน 24 ราย |
พพ. | 3 เดือนนับจากวันสิ้นสุดสัญญา |
1.2 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ รวม 2 โครงการ คือ
โครงการ | หน่วยงาน | ขอเปลี่ยนแปลง | |
(1) | โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศ จำนวน 1 หน่วยงาน | พพ. | ขอใช้เงินคงเหลือจำนวน 23,580 บาท จากงบประมาณที่ได้รับอนุมัติไว้ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษาเพิ่มเติมอีก 1 ภาคการศึกษา เนื่องจากมหาวิทยาลัยได้เปลี่ยนแผนการเรียน จากเดิม 4 ภาคปกติ และ 2 ภาคฤดูร้อน เป็นการเรียนในภาคเรียนปกติ 5 ภาคเรียน |
(2) | การสนับสนุนทุนอุดหนุนการวิจัยแก่นักศึกษา จำนวน 2 หน่วยงาน | ม. แม่ฟ้าหลวง | ขอขยายเวลาดำเนินโครงการวิจัยให้กับ นายธำรงศักดิ์ จินดาเพ็ชร ถึง ตุลาคม 2550 และขอเปลี่ยนชื่อโครงการวิจัย เป็น "สมบัติทางไฟฟ้าและเชิงกลของวัสดุ อิเล็กโทรไลต์ DGC ที่เติมด้วย TZP" |
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ | ขอเปลี่ยนชื่อโครงการวิจัย ของ นางสาวลินดา เพ่งสุวรรณ เป็น "ประสิทธิผลของสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการประหยัดพลังงานในอาคาร : กรณีศึกษา นักศึกษาปริญญาโท ภาคปกติ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์" |
2. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมครั้งที่ ครั้งที่ 5/2550 (ครั้งที่ 11) เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2549 ได้พิจารณาการขอปรับรายละเอียดโครงการดังกล่าวแล้ว เห็นว่าโครงการตามข้อ 1.1 และข้อ 1.2 รวม 8 โครงการ ที่ขอขยายระยะเวลาดำเนินงานและปรับรายละเอียดโครงการมานั้น ไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ได้รับแล้ว และไม่ได้ทำให้ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการลดลง จึงเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินงานและปรับรายละเอียดโครงการได้ตามที่เสนอมา และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ ขออนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ต่อไป
มติที่ประชุม
อนุมัติให้ทั้ง 8 โครงการ ตามข้อ 1.1 และข้อ 1.2 ขยายระยะเวลาดำเนินงานและปรับรายละเอียดได้ตามที่ขอมา
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2550 ได้เห็นชอบเรื่องแนวทางการออกประกาศเชิญชวนรับซื้อไฟฟ้าสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ (Independent Power Producer : IPP) สำหรับการจัดหาไฟฟ้าในช่วงปี พ.ศ. 2555 - 2557 ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เสนอ โดยมี สนพ. กระทรวงพลังงาน และคณะอนุกรรมการประเมินและคัดเลือกข้อเสนอการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน เป็นผู้ดำเนินการออกประกาศเชิญชวนรับซื้อไฟฟ้าจาก IPP และเห็นชอบให้ สนพ. สามารถนำรายได้ที่เกิดขึ้นในโครงการฯ ไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างที่ปรึกษาเพื่อประเมินและคัดเลือกข้อเสนอฯ และหากมีรายได้คงเหลือ ให้ สนพ. นำส่งเป็นรายได้ของรัฐ
2. การดำเนินงานที่ผ่านมา
2.1 ขั้นตอนดำเนินงานออกประกาศเชิญชวนรับซื้อไฟฟ้าสำหรับ IPP กำหนดไว้ดังนี้
1) ออกประกาศเชิญชวน | 29 มิถุนายน 2550 |
2) กำหนดการ IPP ยื่นข้อเสนอ | 19 ตุลาคม 2550 |
3) ประเมินและคัดเลือกแล้วเสร็จ | 16 พฤศจิกายน 2550 |
4) ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้วเสร็จ | มิถุนายน 2551 |
5) จัดหาเงินกู้แล้วเสร็จ (Financial Closed) | มิถุนายน 2552 |
6) เริ่มการก่อสร้างโรงไฟฟ้า | มิถุนายน 2552 |
7) วันเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ | พ.ศ. 2555 - 2557 |
2.2 เพื่อให้การออกประกาศเชิญชวนรับซื้อไฟฟ้าจาก IPP เป็นไปตามแผนงานฯ ซึ่งมีความเร่งด่วนในการดำเนินการ สนพ. จึงได้ดำเนินการจ้างที่ปรึกษาด้านระบบส่งสำหรับโครงการศึกษาสนับสนุนการดำเนินงานรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (ITSA) ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 83 วรรคสอง โดยวิธีตกลง และได้ทำสัญญาจ้างที่ปรึกษาเลขที่ KO. 2/2550 ลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2550 โดยใช้เงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
3. ปัญหาของการดำเนินงานจ้างที่ปรึกษาและข้อเสนอเพื่อพิจารณา
3.1 การจ้างที่ปรึกษาด้านระบบส่งฯ สนพ. ได้ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 83 วรรคสอง ที่ให้หัวหน้าส่วนราชการทำรายงานชี้แจงเหตุผลและความจำเป็นของการจ้างโดยวิธีตกลงให้ คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ (กวพ.) ทราบ ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้มีการจ้าง โดย สนพ. ได้รายงานเสนอ กวพ. แล้วตามหนังสือลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2550
3.2 การพิจารณาเรื่องการจ้างที่ปรึกษา ITSA ดังกล่าวซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนนั้น ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาโดยกรมบัญชีกลางเพื่อเสนอ กวพ. ให้ความเห็น ที่ใช้เวลามานานพอสมควร ประกอบกับ สนพ. ได้เคยหารือกับคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ (กวพ.) เกี่ยวกับวิธีปฏิบัติในการนำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพัสดุ พ.ศ.2535 มาอนุโลมใช้บังคับกับเงินกองทุนฯ ซึ่ง กวพ. ได้เคยตอบข้อหารือไว้แล้วว่า "การหารือเกี่ยวกับการดำเนินการด้านพัสดุ โดยใช้จ่ายจากเงินกองทุนซึ่งไม่อยู่ในข่ายบังคับของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพัสดุ พ.ศ.2535 กวพ. จึงไม่มีอำนาจที่จะพิจารณาวินิจฉัยข้อหารือดังกล่าวได้"
3.3 สนพ. ได้พิจารณาทบทวนขั้นตอนการดำเนินการในเรื่องการจ้างที่ปรึกษา ITSA แล้วเห็นว่า กวพ. อาจไม่มีอำนาจที่จะพิจารณาวินิจฉัยข้อหารือในเรื่องนี้เช่นกัน และเนื่องจากคณะกรรมการกองทุนฯ ยังไม่ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติตามระเบียบพัสดุ ข้อ 83 วรรคสอง ไว้ ฝ่ายเลขานุการฯ จึงอาศัยอำนาจตามระเบียบคณะกรรมการการกองทุนฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนพิจารณา
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้ สนพ. จัดจ้างที่ปรึกษาด้านระบบส่งสำหรับโครงการศึกษาสนับสนุนการดำเนินงานรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ ตามสัญญาจ้างที่ปรึกษาเลขที่ KO. 2/2550 ลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2550 โดยวิธีตกลง ได้ตามที่ สนพ. เสนอ
กอ. ครั้งที่ 47 - วันจันทร์ที่ 5 มิถุนายน 2550
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 3/2550 (ครั้งที่ 47)
วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา 11.00 น.
ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
1. รายงานความคืบหน้าโครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงาน "โดยวิธีประกวดราคา"
2. แนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายพลังงานในการสนับสนุนการลงทุนโครงการพัฒนาระบบการขนส่งเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์
4. ขอความเห็นชอบปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
ปลัดกระทรวงพลังงาน (นายพรชัย รุจิประภา) กรรมการ เป็นประธานในที่ประชุม
รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายอดุลย์ ฉายอรุณ) แทนผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 รายงานความคืบหน้าโครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงาน "โดยวิธีประกวดราคา"
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2550 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้ สนพ. ในวงเงินรวม 1,137,500,000 บาท สำหรับใช้ตามแผน "โครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงานโดยวิธีประกวดราคา" ที่จะจูงใจผู้ประกอบการให้ตัดสินใจลงทุนดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในกิจการได้เร็วขึ้น โดยใช้เงินจากกองทุนฯ สนับสนุนอัตราต่อหน่วยพลังงานที่ประหยัดได้ ด้วยการเชิญชวนผู้ประกอบการยื่นข้อเสนอวิธีการที่จะปรับปรุงการใช้พลังงาน และเสนอขอรับเงินสนับสนุนต่อค่าพลังงานที่ประหยัดได้ ตามอัตราที่ต้องการและไม่เกินวงเงินที่ สนพ. กำหนด โดยโครงการดังกล่าว มีความคืบหน้าในการดำเนินงาน ดังนี้
1.1 สนพ. ได้จัดตั้งคณะทำงานโครงการฯ ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงานทั้งด้านไฟฟ้าและความร้อน มีบทบาทหน้าที่ในการกำกับ ดูแล ให้ข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน รวมถึงให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับเอกสารเชิญชวน การกำหนดรายละเอียด หลักเกณฑ์ และวิธีการประเมินเพื่อคัดเลือกข้อเสนอ ตลอดจนประเมินและคัดเลือกข้อเสนอ พร้อมทั้งติดตามผล
1.2 สนพ. ได้จัดทำร่างเอกสารเชิญชวนยื่นข้อเสนอ "โครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงาน โดยวิธีประกวดราคา" ในส่วนงานที่ 1 คือประกาศเชิญชวนผู้ใช้พลังงาน (end use) ผู้ประกอบการเอกชน โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน เรียบร้อยแล้ว และ สนพ. ได้จัดสัมมนาเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2550 แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ประกอบกิจการและผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ESCO เจ้าของอุปกรณ์ ที่ปรึกษาด้านพลังงาน โดยที่ประชุมเห็นว่าแนวทางของโครงการฯ มีความชัดเจนดีและมีลักษณะจูงใจ พร้อมทั้งมีคำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับโครงการหลายประเด็น ซึ่ง สนพ. ได้นำคำแนะนำดังกล่าวมาปรับปรุงในเอกสารเชิญชวนยื่นข้อเสนอโครงการฯ เรียบร้อยแล้ว
1.3 สนพ. ได้เสนอร่างเอกสารเชิญชวน "โครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงาน โดยวิธีประกวดราคา" ในส่วนเชิญชวนผู้ใช้พลังงาน (end use) ผู้ประกอบการเอกชน โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน ให้คณะทำงานโครงการฯ พิจารณา แล้ว เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2550 โดยที่ประชุมได้สอบถามถึงประเด็นเงินสนับสนุนที่ได้รับจากกองทุนฯ กับการคำนวณภาษี ซึ่ง สนพ. ชี้แจงว่าจะเพิ่มข้อความดังกล่าวในประกาศเชิญชวนฯ เพื่อให้ผู้ประกอบการทราบว่า เงินสนับสนุนต่อหน่วยค่าพลังงานที่จะลดการใช้ลงตามที่กำหนดอัตราสูงสุดไว้ 1.00 บาท/kWh สำหรับพลังงานไฟฟ้า และ 75 บาท/MMBTU สำหรับพลังงานความร้อนที่ใช้เชื้อเพลิงเหลวและก๊าซ และ 15 บาท/MMBTU สำหรับพลังงานความร้อนที่ใช้เชื้อเพลิงแข็ง นั้นได้รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านภาษีต่างๆ ด้วยแล้ว คณะทำงานโครงการฯ จึงได้มีมติเห็นชอบ เอกสารเชิญชวนยื่นข้อเสนอ "โครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงาน โดยวิธีประกวดราคา" ตามที่ สนพ. เสนอ และเห็นชอบให้ดำเนินการตามแผนงานประกาศเชิญชวนต่อไป
2. การดำเนินงานในช่วงต่อไป : เมื่อครบกำหนดยื่นให้ สนพ. ในวันที่ 17 ธันวาคม 2550 สนพ. จะดำเนินการตรวจสอบความครบถ้วนและความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อเสนอแล้วเสร็จเสนอคณะทำงานโครงการฯ พิจารณาตัดสินคัดเลือกผู้ได้รับจัดสรรรอบที่ 1 ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2551 และจักรายงานคณะอนุกรรมการฯ และคณะกรรมการกองทุนฯ ได้ทราบผลต่อไป โดยมีตารางแสดงขั้นตอนและกำหนดเวลาโครงการฯ รอบที่ 1 ดังนี้
มติที่ประชุม
รับทราบความคืบหน้าของการดำเนินงาน "โครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงานโดยวิธีประกวดราคา" ตามที่ สนพ. เสนอ
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า กพช. ในการประชุมครั้งที่ 6/2550 (ครั้งที่ 115) เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2550 ได้พิจารณาเรื่องแนวทางในการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอแล้ว ที่ประชุมได้มีมติในเรื่องดังกล่าว ดังนี้
1.1 เห็นชอบให้ปรับโอนอัตราเงิน "กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง" ให้แก่ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ดังนี้
โอนให้กองทุนอนุรักษ์พลังงาน | เพื่อลดราคาขายปลีกน้ำมัน | ||
สำหรับแผนงานปกติ | สำหรับโครงการขนส่งฯ | ||
1) เบนซิน 95 | 0.1800 | 0.5000 | 0.5000 |
2) เบนซิน 91 | 0.1800 | 0.5000 | 0.5000 |
3) แก๊สโซฮอล์ 95 | 0.1870 | 0 - 0.5000 | 0.5000 |
4) แก๊สโซฮอล์ 91 | 0.1870 | 0 - 0.5000 | 0.5000 |
5) ดีเซลหมุนเร็ว | 0.1800 | 0.5000 | 0.5000 |
6) ไบโอดีเซล บี 5 | 0.1835 | 0 - 0.5000 | 0.5000 |
- โดยในระยะแรกให้โอนอัตรากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และไบโอดีเซล ไปยังกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโครงการพัฒนาระบบขนส่งในระดับ 0 บาท/ลิตร และมอบอำนาจให้ประธาน กพช. เป็นผู้พิจารณาปรับเพิ่มการโอนอัตรากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และไบโอดีเซล ในอนาคตสูงขึ้นได้ถึง 0.50 บาท/ลิตร ตามภาวการณ์ที่เห็นว่าเหมาะสม
- ทั้งนี้ ให้ปรับเพิ่มการโอนอัตรากองทุนน้ำมันฯ ไปยังกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโครงการพัฒนาระบบขนส่งเป็น 0.70 บาท/ลิตร เมื่อกองทุนน้ำมันฯ ได้สะสมเงินไว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในภาวะฉุกเฉินและเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงได้เพียงพอแล้ว โดยมอบหมายให้กระทรวงพลังงานรับไปพิจารณาปริมาณเงินกองทุนน้ำมันฯ ที่เหมาะสมต่อไป
1.2 มอบหมายให้ ฝ่ายเลขานุการฯ ดำเนินการออกประกาศ กพช. และนำเสนอ กบง. เพื่อพิจารณาปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ให้สอดคล้องกับมติ กพช. ตามข้อ 1.1 โดยให้กระทำในวันเดียวกัน ดังนี้
1.2.1 ประกาศ กพช. เพื่อกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล์ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และไบโอดีเซล บี 5 เป็น 0.75, 0.25, 0.75 และ 0.25 บาท/ลิตร ตามลำดับ
1.2.2 ประกาศ กบง. เพื่อปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซิน 95 เบนซิน 91 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และไบโอดีเซล บี 5
1.3 มอบหมายให้คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานรับไปจัดทำแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนในการสนับสนุนโครงการด้านระบบขนส่ง เพื่อเสนอ กพช. พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
2. การดำเนินการตามมติ กพช.
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้จัดทำร่างแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2550 ได้มีการประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับรัฐมนตรี ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และกระทรวงพลังงาน และเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 ได้เสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณา โดยได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับการปรับปรุงร่างแนวทางการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในการสนับสนุนโครงการด้านระบบขนส่ง มีความชัดเจน ครบถ้วนสมบูรณ์ขึ้นมาก
3. แนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในการสนับสนุนโครงการด้านระบบขนส่ง
เพื่อให้การจัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับโครงการพัฒนาระบบการขนส่งมีความชัดเจน จึงเสนอให้เพิ่มเป็นภารกิจพิเศษภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยกำหนดเป็นงานที่ 5) โครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง และกำหนดแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ดังต่อไปนี้
3.1 แนวทางในการให้การสนับสนุน : เป็นเงินหมุนเวียน เงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุน หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ สำหรับการลงทุนในโครงการที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบการขนส่งเฉพาะที่ก่อให้เกิดผลลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศ และประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการนั้น เช่น การสร้างระบบขนส่งมวลชนในเมืองใหญ่ การพัฒนาระบบการขนส่งทางรถไฟ รวมถึงรถไฟรางคู่ และการพัฒนาระบบสนับสนุนการขนส่งสินค้า (Logistics) เช่น การปรับปรุงท่าเรือ และคลังสินค้า เป็นต้น
3.2 ผู้ที่จะได้รับการสนับสนุน : เป็นหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ
3.3 ประเภทของค่าใช้จ่ายที่จะได้รับการสนับสนุน ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ ในลักษณะเงินช่วยเหลือให้เปล่า และค่าใช้จ่ายในการลงทุน ในลักษณะเงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุน หรือเงินหมุนเวียน ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการควบคุมงานก่อสร้างหรือติดตั้ง เครื่องจักร อุปกรณ์ ทั้งนี้ผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุนฯ จะคืนเงินช่วยเหลืออุดหนุนดังกล่าวให้กองทุนฯ ตามเงื่อนไขและภายในเวลาที่จะได้มีการตกลงกัน
3.4 แนวทางจัดทำข้อเสนอโครงการฯ : "เจ้าของโครงการ" จะต้องจัดทำข้อเสนอโครงการ โดยมีแผนงานและงบลงทุนเต็มโครงการฯ รายจ่ายทั้งแผนงาน และต้องจำแนกส่วนที่ดำเนินงานไปแล้ว กำลังดำเนินงาน และจะต้องระบุแหล่งเงินทุนที่จะใช้ในการดำเนินโครงการในแต่ละแหล่งให้ชัดเจน รวมทั้งจะต้องระบุ รายละเอียดความคุ้มค่าของการลงทุน ผลตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจสังคม และผลตอบแทนด้านการเงิน รวมถึงผลตอบแทนด้านการลดใช้พลังงานของประเทศด้วย
3.5 เงื่อนไขในการพิจารณาโครงการ : ต้องเป็นโครงการที่จะได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ต้องผ่านการพิจารณาจากสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คณะกรรมการกองทุนฯ และคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว และหากจะมีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญของโครงการฯ ก็ให้ สศช. พิจารณาก่อน
3.6 วิธีการและขั้นตอนในการให้การสนับสนุน
ขั้นตอนที่ 1 "เจ้าของโครงการ" จัดทำข้อเสนอยื่นกับ สศช. และ กระทรวงการคลัง เพื่อขอความเห็นชอบในการดำเนินโครงการฯ และเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา พร้อมนี้กระทรวงการคลังอาจถามความเห็นจากคณะกรรมการกองทุนฯ ในส่วนของการจัดสรรเงินกองทุนฯ อุดหนุนโครงการดังกล่าวไปในคราวเดียว
ขั้นตอนที่ 2 โครงการที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว สนพ. จะเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้เจ้าของโครงการฯ นั้น ตามจำนวนที่ได้รับแจ้งจากกระทรวงการคลัง
สำหรับโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้ให้ความเห็นชอบไปตามขั้นตอนที่ 1 แล้ว ไม่ต้องเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอีก
ขั้นตอนที่ 3 สนพ. จะแจ้งมติให้ "เจ้าของโครงการ" ทราบและลงนามในหนังสือยืนยัน โดยการเบิกจ่ายเงินงวดแรกให้ "เจ้าของโครงการ" เป็นไปตามที่ระบุไว้ในหนังสือยืนยัน
ขั้นตอนที่ 4 "เจ้าของโครงการ" ดำเนินโครงการตามแผนงาน และรายงานผลการให้ สนพ. ทราบทุกระยะ
ขั้นตอนที่ 5 เมื่อต้องมีการจ่ายเงินตามงวดในหนังสือยืนยัน สนพ. จะเบิกเงินจากที่เก็บรักษาเงินกองทุนฯ เพื่อนำมารอจ่ายให้แก่ "เจ้าของโครงการ" ในการจ่ายเงินนี้ สนพ. ต้องพิจารณาตรวจสอบให้ "เจ้าของโครงการ" ดำเนินการตามหนังสือยืนยันก่อนจึงจ่ายเงินได้
ขั้นตอนที่ 6 สนพ. รายงานความก้าวหน้าและผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการกองทุนฯ ทราบเป็นระยะๆ รวมถึงติดตามประเมินผลโครงการด้วย
3.7 หลักเกณฑ์การจัดสรรเงินสนับสนุน : เนื่องจากรายรับของกองทุนฯ มาจากสัดส่วนการส่งเงินเข้ากองทุนฯ ของประชาชนในภูมิภาคต่างๆ จึงนำปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จำหน่ายไปของแต่ละจังหวัดคิดค่าเฉลี่ยตั้งแต่ ปี 2547-ปัจจุบัน และจัดกลุ่มแบ่งออกเป็น 5 ภาค เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางกำหนดสัดส่วนการจัดสรรค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนในโครงการพัฒนาระบบการขนส่ง เป็น ร้อยละ 70 สำหรับกรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และร้อยละ 30 สำหรับภาคอื่นๆ ทั้งนี้ การจัดสรรค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนในโครงการพัฒนาระบบการขนส่ง อาจมีวงเงินสูงกว่าสัดส่วนข้างต้น โดยคณะรัฐมนตรีเป็นผู้ให้ความเห็นชอบ
4. ฐานะการเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
4.1 สนพ. ได้จัดทำประมาณการรับและรายจ่ายของกองทุนน้ำมันฯ ให้สอดคล้องตามมติ กพช. โดยไม่ได้โอนเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฯ จำนวน 3,000 ล้านบาท ไปเพิ่มสภาพคล่องให้กับกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยเริ่มโอนอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจัดเก็บแทน ในอัตรา 0.50 บาทต่อลิตร ในวันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2550 จะทำให้กองทุนน้ำมันฯ จะมีเงินสะสม 10,179 ล้านบาท ในเดือนมิถุนายน 2551 แต่ด้วย กบง. ในการประชุมเมื่อ 12 ตุลาคม 2550 มีมติให้กองทุนน้ำมันฯ โอนเงิน 3,500 ล้านบาท ฝากที่ ธกส. เพื่อเป็นทุนให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อใช้ในการผลิตไบโอดีเซล เงินกองทุนน้ำมันฯ จึงลดลงและจะสะสมได้ถึง 10,000 ล้านบาท ในปลายเดือนกันยายน 2551 การโอนอัตรากองทุนน้ำมันฯ ไปยังกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโครงการพัฒนาระบบขนส่งเป็น 0.70 บาท/ลิตร จึงเริ่มในวันพุธที่ 1 ตุลาคม 2551 และฐานะการเงินของกองทุนน้ำมันฯ เป็นดังนี้
4.2 จากแนวทางตามข้อ 4.1 ฐานะการเงินของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จะเป็นดังนี้
4.3 จากข้อ 4.2 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจะมีวงเงินสำหรับโครงการลงทุนพัฒนาระบบขนส่งขนาดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2550 ถึงกันยายน 2555 รวมทั้งสิ้น 71,424 ล้านบาท ดังนี้
ปี | 2550 | 2551 | 2552 | 2553 | 2554 | 2555 |
รายได้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ล้านบาท) สำหรับโครงการลงทุนพัฒนาระบบขนส่ง | ||||||
ประมาณการรายรับล่วงหน้า | ||||||
- รายได้ 50 ส.ต. (เริ่ม 17 ธ.ค. 50) | 0 | 8,575 | 11,071 | 11,068 | 11,082 | 11,541 |
- รายได้ 20 ส.ต. (เริ่ม 1 ต.ค. 51) | 0 | 0 | 4,428 | 4,427 | 4,433 | 4,617 |
ประมาณการรับรับ (รายปี) | 0 | 8,757 | 15,499 | 15,495 | 15,515 | 16,158 |
ประมาณการรายรับ (รวม 5ปี) 71,424 |
5. การปรับเป้าหมายแผนอนุรักษ์ฯ ในช่วงปี 2551-2554 : กพช. ในการประชุมเมื่อ 28 กันยายน 2550 มีข้อสังเกตว่าแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปี 2551-2554 ที่ได้ปรับลดเป้าหมายการประหยัดพลังงานในภาคอุตสาหกรรม จาก 3,832 ktoe เป็น 2,581 ktoe เนื่องจากเห็นว่างานปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมยังอยู่ในระหว่างการศึกษา คาดว่าเกิดผลลดการใช้พลังงานหลังปี 2554 นั้น ที่ประชุมเห็นว่าบางกลุ่มอุตสาหกรรมดำเนินการเสร็จไปแล้ว ซึ่งน่าจะมีผลต่อการลดการใช้พลังงานเกิดขึ้นบางส่วนแล้ว จึงให้ สนพ. พิจารณาเรื่องการปรับเป้าหมายแผนอนุรักษ์พลังงานอีกครั้ง
สนพ. ได้ศึกษาจากรายงานผลการศึกษาโครงการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ที่ พพ. ได้ว่าจ้าง TDRI ดำเนินการศึกษาแล้ว พบว่าประมาณการผลการประหยัดพลังงาน 1,400 ktoe ที่คาดว่าจะได้รับจากการปรับโครงสร้างการผลิตสินค้าประหยัดพลังงานให้ได้ 5% ได้แก่ การผลิต/ประกอบรถประหยัดเชื้อเพลิง ประหยัด 26,000 ล้านบาท/ปี (1,300 ktoe) การผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน (>เบอร์ 5) ประหยัด 3,000 ล้านบาท/ปี (150 ktoe) ลดส่วนแบ่งสาขาที่มีการใช้พลังงานสูงและเพิ่มส่วนแบ่งสาขาที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เช่น ลดสาขาโลหะลง เพิ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง/พลาสติก หรืออุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเลคทรอนิคส์ เป็นต้น ประหยัด 4,000 ล้านบาท (200 ktoe) ดังนั้น เป้าหมายแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปี 2551-2554 ได้รวมผลการประหยัดพลังงานในเรื่องการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน และการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงไว้แล้ว ในการนี้ได้ปรับเพิ่มผลการประหยัดพลังงานที่ได้จากการผลิตรถประหยัดเชื้อเพลิง (ECO Car) 123 ktoe และการผลิตไฟฟ้าระบบ Cogeneration 576 ktoe สำหรับการลงทุนในโครงการพัฒนาระบบขนส่งขนาดใหญ่ จะเกิดผลการประหยัดพลังงานหลังปี 2554 จึงสรุปเป้าหมายของแผนอนุรักษ์พลังงานฯ เป็นดังนี้
เป้าหมายแผนอนุรักษ์พลังงาน ณ ปี 2554 | |||
กพช. 23 ธ.ค.47 | กพช. 26 ธ.ค.49 | ปรับปรุง พ.ย. 50 | |
(ktoe) | (ktoe) | (ktoe) | |
เป้าหมายรวม | 17,884 | 19,005 | 18,993 |
แผนงานเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 10,354 | 7,694 | 7,787 |
สาขาอุตสาหกรรม | 3,411 | 3,832 | 3,157 |
สาขาขนส่ง | 6,270 | 3,290 | 3,413 |
การจัดการด้านการใช้พลังงาน | 673 | 572 | 1,217 |
แผนงานด้านพลังงานทดแทน | 7,530 | 11,311 | 11,206 |
ส่งเสริม NGV | - | 4,348 | 4,518 |
พลังงานหมุนเวียน* | 7,530 | 6,963 | 6,688 |
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง ตามที่ สนพ. เสนอ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณาต่อไป
2. เห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ กพช. พิจารณาการเริ่มโอนอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจัดเก็บแทน ในอัตรา 0.50 บาทต่อลิตร ในวันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2550 และปรับเพิ่มเป็น 0.70 บาท/ลิตร ในวันพุธที่ 1 ตุลาคม 2551 เพื่อใช้สำหรับโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง โดยกองทุนน้ำมันฯ ไม่ต้องโอนเงินจำนวน 3,000 ล้านบาท ให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเพื่อเพิ่มสภาพคล่องตามที่คณะกรรมการกองทุนฯ เคยมีมติไว้แล้ว
3. เห็นชอบกรอบวงเงินที่ขออนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับแผนงานโครงการลงทุนพัฒนาระบบขนส่ง ในช่วงปี 2551-2555 วงเงินประมาณ 71,424 ล้านบาท และให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดสรรเงินดังกล่าวตามแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง
4. เห็นชอบเป้าหมายแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปี 2551-2554 ที่ปรับปรุงตามข้อ 5 และให้เสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พิจารณาต่อไป
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2550 ได้มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ (Nuclear Power Infrastructure Preparation Committee: NPIPC) โดยมี ดร. กอปร กฤตยากีรณ เป็นประธาน ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นคณะกรรมการ และผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานเป็นกรรมการและเลขานุการ เพื่อจัดทำและเสนอแนะแผนงาน มาตรการ แนวทางในการดำเนินงานด้านการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากนิวเคลียร์เพื่อผลิตไฟฟ้า รวมทั้งการสื่อสารสาธารณะเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และนำไปสู่การยอมรับของประชาชน และคณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ (NPIPC) ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการ 7 คณะ เพื่อช่วยเหลือคณะกรรมการในการศึกษาประเด็นหลัก (Key Issues) ประกอบด้วย
1) คณะอนุกรรมการด้านระบบกฎหมาย ระบบกำกับ และข้อผูกพันระหว่างประเทศ
2) คณะอนุกรรมการด้านโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและการพาณิชย์
3) คณะอนุกรรมการด้านการถ่ายทอด พัฒนาเทคโนโลยี และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
4) คณะอนุกรรมการความปลอดภัยนิวเคลียร์ และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
5) คณะอนุกรรมการด้านสื่อสารสาธารณะและการยอมรับของประชาชน
6) คณะอนุกรรมการด้านการวางแผนด้านการเตรียมจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์
7) คณะอนุกรรมการยกร่างแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์
2. คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ และคณะอนุกรรมการฯ ได้จัดทำร่างแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ แล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2550 และได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) มาให้ความเห็นต่อร่างดังกล่าว พร้อมทั้งได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องทุกภาคฝ่าย เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2550 และนำข้อคิดเห็นที่ได้รับมาปรับปรุงร่างแผนงานฯ ที่สมบูรณ์ ประกอบด้วย 6 แผน ดังนี้
1) แผนงานด้านระบบกฎหมาย ระบบกำกับ และข้อผูกพันระหว่างประเทศ
2) แผนงานโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและการพาณิชย์
3) แผนการถ่ายทอดพัฒนาเทคโนโลยี และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
4) แผนด้านความปลอดภัยและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
5) แผนการสื่อสารและการยอมรับของสาธารณะ
6) การวางแผนการดำเนินการโครงสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
3. คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ ได้เสนอร่างแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ต่อ กพช. ในการประชุมครั้งที่ 7/2550 (ครั้งที่ 116) เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2550 และที่ประชุมได้มีมติดังนี้
3.1 เห็นชอบในหลักการ แผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานฯ โดยมอบหมายให้คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ รับไปศึกษาในรายละเอียดเพื่อจัดทำแผนให้สมบูรณ์ และเสนอ กพช. ต่อไป
3.2 เห็นชอบให้มีการจัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ เป็นหน่วยงานภายในกระทรวงพลังงาน
3.3 เห็นชอบในการดำเนินโครงการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยจัดประชุมสัมมนาอย่างน้อย 8 ครั้ง ในระยะเวลา 6 เดือน
3.4 เห็นชอบแผนการดำเนินงานในช่วง 3 ปีแรก (พ.ศ. 2551 - 2553) โดยมอบหมายให้คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ รับไปกำหนดแผนการดำเนินงานในรายละเอียดต่อไป
3.5 เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณในช่วง 3 ปีแรก (พ.ศ. 2551 - 2553) จำนวน 1,800 ล้านบาท เพื่อใช้ในการจัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ การดำเนินงานแผนงานด้านกฎหมาย ระบบกำกับและข้อผูกพันระหว่างประเทศ แผนงานด้านโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ แผนงานด้านพัฒนา ถ่ายทอดเทคโนโลยีและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ แผนงานด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม แผนงานด้านสื่อสารสาธารณะและการยอมรับของประชาชน และแผนงานด้านการเตรียมการจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ โดยให้ตั้งงบประมาณรวมอยู่ในกระทรวงพลังงาน และให้กระทรวงพลังงานรับไปพิจารณาจัดหางบประมาณต่อไป
3.6 เห็นชอบให้การกำกับดูแลในระยะเริ่มแรกให้ใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่หลายฉบับไปพลางก่อน หลังจากนั้นมอบหมายให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รับไปยกร่างกฎหมายเฉพาะในการกำกับดูแล มาตรฐานและความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์ โดยครอบคลุมถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
4. ข้อเสนอของกระทรวงพลังงาน
4.1 คณะอนุกรรมการยกร่างแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์ ได้มีการประชุมครั้งที่ 4/2550 (ครั้งที่ 4) เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2550 เพื่อรับทราบมติของ กพช. และให้คณะอนุกรรมการทั้ง 6 ชุด จัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานและแผนงบประมาณในช่วง 3 ปีแรก (พ.ศ. 2551-2553) ซึ่งคาดว่าจะใช้จ่ายเงินประมาณ 450 ล้านบาท/ปี หรือจำนวนรวม 1,350 ล้านบาท โดยจำแนกตามแผนงานในเบื้องต้นได้ดังนี้
(1) แผนงานด้านกฎหมาย ระบบกำกับและข้อผูกพันระหว่างประเทศ งบประมาณ 30 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
(2) แผนงานด้านโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ งบประมาณ 10 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพลังงาน
(3) แผนงานด้านพัฒนา ถ่ายทอดเทคโนโลยีและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ งบประมาณ 65 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงศึกษาธิการ
(4) แผนงานด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม งบประมาณ 30 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
(5) แผนงานด้านสื่อสารสาธารณะและการยอมรับของประชาชน งบประมาณ 205 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงพลังงาน
(6) แผนงานด้านการเตรียมการจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ งบประมาณ 85 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
(7) การจัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (NPPDO) งบประมาณ 25 ล้านบาท/ปี หน่วยงานหลักคือ กระทรวงพลังงาน
4.2 เนื่องจากของบประมาณแผ่นดินไม่ทันและเพื่อให้การดำเนินงานตามแผนฯ มีความต่อเนื่องทันตามกำหนดเวลาที่ กพช. เห็นชอบไว้ กระทรวงพลังงานจึงเสนอขอใช้เงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ให้ สนพ. ไว้สำหรับจัดสรรเป็นเงินช่วยเหลืออุดหนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 250 ล้านบาท/ปี หรือจำนวนรวม 750 ล้านบาท โดยมีแนวทางและขั้นตอนการจัดสรรเงินกองทุนฯ ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ จัดทำแผนการดำเนินงานในรายละเอียดของแต่ละโครงการและหน่วยงานที่รับผิดชอบพร้อมกำหนดแหล่งทุนที่จะใช้สำหรับโครงการนั้น
ขั้นตอนที่ 2 โครงการที่คณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ กำหนดให้ใช้เงินจากกองทุนฯ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการฯ ยื่นข้อเสนอต่อ สนพ. เพื่อให้ความเห็นเสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ
ขั้นตอนที่ 3 ข้อเสนอที่คณะอนุกรรมการกองทุนฯ เห็นชอบแล้ว สนพ. จะแจ้งมติให้เจ้าของโครงการทราบ และลงนามในหนังสือยืนยันหรือสัญญากับเจ้าของโครงการ การเบิกจ่ายเงินงวดแรกให้ "เจ้าของโครงการ" เป็นไปตามที่ระบุไว้ในหนังสือยืนยันหรือสัญญา
ขั้นตอนที่ 4 เจ้าของโครงการดำเนินการตามแผนงาน และรายงานผลให้ สนพ. ทราบทุกระยะ โดยมีคณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมฯ รับรองรายงานแต่ละฉบับ
ขั้นตอนที่ 5 เมื่อต้องมีการจ่ายเงินตามงวดในหนังสือยืนยัน สนพ. จะดำเนินการเบิกเงินจากที่เก็บรักษาเงินกองทุนฯ เพื่อนำมารอจ่ายให้แก่เจ้าของโครงการ โดย สนพ. ต้องตรวจสอบให้เจ้าของโครงการดำเนินการตามหนังสือยืนยันหรือสัญญาก่อนจึงจ่ายเงินได้
ขั้นตอนที่ 6 สนพ. รายงานความก้าวหน้าและผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการกองทุนฯ ทราบเป็นระยะๆ รวมถึงติดตามประเมินผลโครงการด้วย
มติที่ประชุม
เห็นชอบจัดสรรเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ให้ สนพ. สำหรับดำเนินการตามแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ในช่วง 3 ปีแรก (พ.ศ.2551 - 2553) จำนวน 250 ล้านบาท/ปี หรือจำนวนรวม 750 ล้านบาท โดยมีกรอบ แนวทาง และขั้นตอนการจัดสรรเงินกองทุนฯ ตามที่ สนพ.เสนอ โดยในปี 2552-2553 ให้จัดทำคำขอตั้งงบประมาณก่อน และขอรับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากคณะกรรมการกองทุนฯ ในส่วนที่งบประมาณจัดสรรให้ไม่เพียงพอ
เรื่องที่ 4 ขอความเห็นชอบปรับรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่ามีหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานไปแล้ว ได้ยื่นเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการไปจากที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้ รวม 22 โครงการ ดังนี้
1.1 ขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน รวม 12 โครงการ คือ
โครงการ | หน่วยงาน | เดิม | ขยายถึง | |
(1) | โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการอบแห้งกุนเชียง | ม.พระจอมเกล้าธนบุรี | กันยายน 2550 | ธันวาคม 2550 |
(2) | โครงการบูรณาการงานด้านพลังงานกับแผนยุทธศาสตร์จังหวัด | สำนักงานพลังงานภูมิภาค 3 | พฤษภาคม 2550 | สิงหาคม 2550 |
(3) | โครงการศึกษาดัชนีการใช้พลังงานสำหรับหน่วยงานราชการ | ม.เชียงใหม่ | กันยายน 2550 | ธันวาคม 2550 |
(4) | โครงการออกแบบประตูบานเกล็ดเพื่ออนุรักษ์พลังงาน | ม.พระจอมเกล้าธนบุรี | ธันวาคม 2548 | ธันวาคม 2550 |
(5) | โครงการกรุงเทพฯ ฟ้าใส ด้วยไบโอดีเซล | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | พฤศจิกายน 2550 | พฤศจิกายน 2551 |
(6) | โครงการส่งเสริมการใช้ก๊าซชีวภาพจากระบบจัดการน้ำเสียโรงฆ่าสัตว์ | มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม | กันยายน 2550 | สิงหาคม 2552 |
(7) | โครงการการส่งเสริมการผลิตการใช้ ไบโอดีเซลในระดับชุมชน (ทดสอบการใช้ไบโอดีเซลกับเครื่องยนต์การเกษตรเอนกประสงค์) |
กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | สิงหาคม 2550 | กุมภาพันธ์ 2551 |
(8) | โครงการการศึกษาวิศวกรรมแบบบูรณาการเพื่อเพิ่มทักษะด้านการอนุรักษ์พลังงานสำหรับพนักงานปฏิบัติการในโรงงานอุตสาหกรรม | ม.พระจอมเกล้าธนบุรี | เมษายน 2550 | ธันวาคม 2550 |
(9) | โครงการอบรมบุคลากรเรื่องบูรณาการการเรียนการสอนด้านพลังงานระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา | มูลนิธิสิ่งแวดล้อมไทย | กันยายน 2550 | มีนาคม 2551 |
(10) | โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 3 ทุน | ม. พระจอมเกล้าธนบุรี | - | - |
(11) | โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศ จำนวน 2 ทุน | ม.เชียงใหม่ | - | - |
(12) | ขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินเกิน 3 เดือนนับจากวันสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา จำนวน 5 ราย | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | - | 3 เดือนนับจากวันที่ได้รับอนุมัติการขยายระยะเวลา |
1.2 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ รวม 10 โครงการ คือ
โครงการ | หน่วยงาน | ขอเปลี่ยนแปลง | |
(1) | โครงการบูรณาการงานด้านพลังงานกับแผนยุทธศาสตร์จังหวัด | สำนักงานพลังงานภูมิภาค 9 | ขอนำเงินค่าบริหารโครงการ ไปจัดซื้อเครื่องมือตรวจวัดการใช้พลังงาน จำนวน 6 ชุด ราคาชุดละ 29,799.50 บาท รวมเป็นเงิน 178,797 บาท |
(2) | โครงการการจัดการพลังงานพลังงานทั่วทั้งองค์กรสำหรับโรงแรมและการบริหารเปลี่ยนแปลง | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | ขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน จากเดิมสิ้นสุดเดือนกันยายน 2550 เป็นเดือนพฤษภาคม 2551 และขอปรับรายละเอียดการรายงานความก้าวหน้าและการเบิกจ่ายเงิน |
(3) | โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ จำนวน 3 ทุน | - | ขอขยายระยะเวลาการศึกษาและเพิ่มวงเงินทุนการศึกษา จำนวน 2 หน่วยงาน และขอโอนการชดใช้ทุน จำนวน 1 หน่วยงาน * |
(4) | โครงการสนับสนุนทุนอุดหนุนการ วิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 4 หน่วยงาน | - | ขอเปลี่ยนแปลงคณะผู้วิจัย จำนวน 3 หน่วยงาน และขอสละสิทธิ์การรับทุนอุดหนุนการวิจัย จำนวน 1 หน่วยงาน |
(5) | โครงการศึกษากำหนดคุณภาพและคุณสมบัติของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่เหมาะสมหลังปี 2550 | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | ขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน จากเดิมสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เป็นเดือนพฤษภาคม 2551 และปรับลดวงเงินจากเดิม 6,400,000 บาท เป็น 5,340,000 บาท |
(6) | โครงการตรวจวัดมลพิษทางอากาศจากรถยนต์ที่ใช้แก๊สโซฮอล์ | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | ขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน จากเดิมสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2550 เป็นเดือนพฤศจิกายน 2550 และปรับลดจำนวนรถยนต์ที่ใช้ทดสอบจาก 2 คัน เหลือ 1 คัน พร้อมปรับลดวงเงินจาก 11,762,000 บาท เหลือ 11,296,500 บาท |
(7) | โครงการผลิตเมทานอลจากชีวมวลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในเซลล์เชื้อเพลิง | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | ขอยกเลิกการดำเนินงานโครงการผลิต เมทานอลจากชีวมวลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในเซลล์เชื้อเพลิง เพื่อเปลี่ยนไปดำเนินโครงการพัฒนาสาธิตการผลิตไฮโดรเจนจากขบวนการความร้อนเคมีระยะที่ 2 แทน ในวงเงิน 6,000,000 บาท |
(8) | โครงการการส่งเสริมการผลิตการใช้ไบโอดีเซลในระดับชุมชน (ขนาด 2,000 ลิตรต่อวัน) | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | - ขอเปลี่ยนชุมชนต้นแบบการผลิตและใช้ไบโอดีเซล จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เป็นศูนย์ทดลองวิชาการพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน จังหวัดหนองคาย - ขอโอนเงินกองทุนฯ หมวดค่าตอบแทนใช้สอยและวัสดุ งานบริหารแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน 4,733,500 บาท ไปก่อสร้างอาคารโรงคลุมระบบผลิตไบโอดีเซล ศูนย์ทดลองวิชาการฯ จ.หนองคาย |
(9) | โครงการส่งเสริมการวิจัยเชิงนโยบายเพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาด้านการใช้พลังงานหมุนเวียนและการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย | ขอขยายระยะเวลาโครงการฯ ออกไปจนถึงเดือนตุลาคม 2551 และขอปรับแผนการใช้จ่ายเงินของโครงการฯ ส่วนที่เหลืออยู่จำนวน 28.5 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษารายละเอียดเชิงลึกเพิ่มเติม |
10) | โครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก แควน้อย (อ.นครไทย จ.พิษณุโลก) | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | คณะกรรมการกองทุนฯ มีเงื่อนไขก่อนใช้เงินกองทุนฯ 64,780,000 บาท พพ. ต้องมีหนังสือจากกรมป่าไม้ เห็นชอบให้เข้าดำเนินการในพื้นที่ได้ แต่ พพ. จำเป็นต้องสำรวจแนวเขตพื้นที่ร่วมกับกรมป่าไม้ให้มีความชัดเจน จึงขอใช้เงินที่ได้รับอนุมัติไว้ จำนวน 3,307,800 บาท ก่อน เพื่อนำไปเป็นงบดำเนินงานบริหารโครงการ |
* หมายเหตุ
(1) สำนักงานศาลปกครอง ขอขยายเวลาการศึกษาให้แก่ นางสาวรัชดาพร นิ่มพงษ์ศักดิ์ ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2551 ถึงวันที่ 9 มกราคม 2552 เพื่อปรับปรุงวิทยานิพนธ์ และขออนุมัติเพิ่มวงเงินทุนการศึกษา จำนวน 9,040 ปอนด์
(2) ม. อุบล ขอขยายเวลาการศึกษาให้แก่นางสาวบงกช สุขอนันต์ ออกไปอีก 10 เดือน ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2551 ถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2551 เพื่อใช้เวลาในการเขียนวิทยานิพนธ์ และขออนุมัติเพิ่มวงเงินจำนวน 9,550 ปอนด์
(3) กรมควบคุมมลพิษ ขอให้นายสราวุธ เทพานนท์ โอนการชดใช้ทุนการศึกษา จากกรมควบคุมมลพิษ ไปปฏิบัติงานเป็นพนักงานของรัฐ ตำแหน่งอาจารย์ ในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้โครงการตามข้อ 1.1 (1)-(12) และข้อ 1.2 (1)-(6) และ (8)-(10) รวม 21 โครงการ ขยายระยะเวลาดำเนินงานและปรับรายละเอียดได้ตามที่เสนอมา
2. ไม่อนุมัติให้ พพ. นำเงินกองทุนฯ ที่จัดสรรมาใช้สำหรับ โครงการผลิตเมทานอลจากชีวมวลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในเซลล์เชื้อเพลิง ไปใช้ดำเนินโครงการพัฒนาสาธิตการผลิตไฮโดรเจนจากขบวนการความร้อนเคมี ระยะที่ 2 และหาก พพ. มีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการพัฒนาสาธิตการผลิตไฮโดรเจนฯ ก็ควรจัดทำรายละเอียดเสนอขอจัดสรรเงินกองทุนฯ มาใช้ดำเนินการ
อนุ กอ. ครั้งที่ 23 - วันพุธที่ 25 สิงหาคม 2553
มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 6/2553 (ครั้งที่ 23)
วันพุธที่ 25 สิงหาคม 2553 เวลา 08.30 น.
ณ ห้องประชุม 306 ชั้น 3 อาคารรัฐสภา 2
1. รายงานการประเมินผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานประจำปีบัญชี 2552
2. ระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2553
3. โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
4. โครงการพลังงานทดแทน สำหรับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 จากพืชเศรษฐกิจ
นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานอนุกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน อนุกรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 รายงานการประเมินผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานประจำปีบัญชี 2552
1. กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ได้เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนของกรมบัญชีกลาง โดยมีประธานกรรมการกองทุนฯ เป็นผู้ลงนามในบันทึกข้อตกลงการประเมินทุนหมุนเวียน (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน) กับกระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางได้มอบหมายให้บริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้ดำเนินการประเมิน
2. กรมบัญชีกลางได้มีหนังสือแจ้งผลการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2552 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ใน 4 ด้าน รวม 10 ตัวชี้วัด โดยมีผลการดำเนินงานอยู่ที่ระดับ 3.3129 ซึ่งอยู่ในระดับดี (สูงกว่าค่าปกติ/สูงกว่า 3 คะแนน) สรุปได้ดังนี้
(1) ผลการดำเนินงานด้านการเงิน (15%)
ตัวชี้วัดที่ 1.1 ร้อยละของงบประมาณที่มีการผูกพันสัญญาต่องบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากกองทุนฯ ผลการดำเนินงานสิ้นปี 2552 อยู่ในระดับร้อยละ 79.57 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 1.000
ตัวชี้วัดที่ 1.2 ค่าใช้จ่ายเพื่อการบริหารกองทุนฯ ที่เกิดขึ้นจริงและผูกพันเทียบกับงบประมาณ ผลการดำเนินงานสิ้นปี 2552 อยู่ในระดับร้อยละ 70.72 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 3.6639
(2) ผลการดำเนินงานด้านปฏิบัติการ (33%)
ตัวชี้วัดที่ 2.1 ร้อยละของโครงการที่มีการทำสัญญาของแต่ละแผนงาน ต่อจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติทั้งหมดของแต่ละแผนงาน ตามผลการดำเนินงานสิ้นปี 2552
- แผนพลังงานทดแทน อยู่ในระดับร้อยละ 73.08 ส่งผลให้ได้คะแนน 1.000
- แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน อยู่ในระดับร้อยละ 82.19 ส่งผลให้ได้คะแนน 1.0274
- แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ อยู่ในระดับร้อยละ 100.00 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 5.0000
ตัวชี้วัดที่ 2.2 ร้อยละของจำนวนโครงการที่สามารถดำเนินงานได้ตามแผนภายในระยะเวลาที่กำหนดต่อจำนวนโครงการทั้งหมด
- แผนพลังงานทดแทน อยู่ในระดับร้อยละ 93.33 ส่งผลให้ได้คะแนน 3.1110
- แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน อยู่ในระดับร้อยละ 70.37 ส่งผลให้ได้คะแนน 1.0000
- แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ อยู่ในระดับร้อยละ 100.00 ส่งผลให้ได้รับคะแนน 5.0000
(3) การสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (15%)
ตัวชี้วัดที่ 3.1 การสำรวจความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ประจำปีบัญชี 2552 โดยภายในปีบัญชี 2552 ได้ดำเนินการครบถ้วนตามขั้นตอนที่ 5 ส่งผลให้มีระดับคะแนน 5.0000
(4) การบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียน (37%)
ตัวชี้วัดที่ 4.1 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ได้ดำเนินการนำเสนอแผนกลยุทธ์ของกองทุนฯ ครบถ้วนทุกขั้นตอนและได้รับการเห็นชอบต่อประธานคณะทำงานเตรียมการฯ (ปลัดกระทรวงพลังงาน) ส่งผลให้มีระดับคะแนน 5.0000 ทำให้ผลการดำเนินงานดีกว่าเป้าหมาย
ตัวชี้วัดที่ 4.2 ผลการดำเนินงานในปีบัญชี 2552 ได้จัดทำแผนปฏิบัติการประจำปีบัญชี 2553 แล้วเสร็จ และได้รับความเห็นชอบจากประธานเพื่อดำเนินการตามระบบประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน (กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน) ส่งผลให้มีระดับคะแนน 5.0000 ทำให้ผลการดำเนินงานดีกว่าเป้าหมาย
ตัวชี้วัดที่ 4.3 การดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการ ประจำปีบัญชี 2552 น้ำหนักร้อยละ 8 ประเมินผลเฉลี่ยจากแผนงานหลัก 2 แผนงาน ส่งผลให้มีระดับคะแนน 4.9805 ตามรายละเอียดต่อไปนี้
- การศึกษาและปรับปรุงระบบฐานข้อมูลสารสนเทศและโปรแกรมสำเร็จรูปของกองทุนฯ (ร้อยละ 50) ประเมินจากการศึกษาและปรับปรุง ทั้งสามารถจัดทำรายงานสรุปผลการศึกษา และนำเสนอต่อประธานคณะทำงานเตรียมการฯ เพื่อทราบภายใน 30 กันยายน 2552 ส่งผลให้มีระดับคะแนน 5.0000 ทำให้ ผลการดำเนินงานดีกว่าเป้าหมาย
- การพัฒนาบุคลากรของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2552 (ร้อยละ 50) ประเมินเฉลี่ยจากการส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรประจำปีบัญชี 2552 ประกอบด้วย แผนงานหลัก 2 กิจกรรม ส่งผลให้มีระดับคะแนน 4.9610 ตามรายละเอียดต่อไปนี้
- จัดประชุม/สัมมนา เกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรคระหว่างหน่วยงานในกองทุนฯ การดำเนินงาน (ร้อยละ 50) ประเมินจากจำนวนครั้งการจัดประชุม/สัมมนา ซึ่งการดำเนินงานในปีบัญชี 2552 สามารถจัดประชุมได้ 3 ครั้ง ในรอบปีบัญชี ส่งผลให้มีระดับคะแนน 5.0000 ทำให้ผลการดำเนินงานดีกว่าเป้าหมาย
- การสัมมนา/อบรมเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ สำหรับหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินกองทุนฯ (ร้อยละ 50) ประเมินจากร้อยละของจำนวนคนที่ได้รับการสัมมนา/อบรมเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ที่เกิดขึ้นจริงและสามารถสอบผ่านเกณฑ์ในปีบัญชี 2552 เทียบกับจำนวนคนที่ได้รับการสัมมนา/อบรมเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ ตามแผนงานในปีบัญชี 2552 คิดเป็นร้อยละ 89.61 จึงเทียบเท่ากับระดับคะแนน 4.9220 ทำให้ผลการดำเนินงานดีกว่าเป้าหมาย
ตัวชี้วัดที่ 4.4 ผลการดำเนินการติดตามประเมินผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในปีบัญชี 2552 ได้ทำการเสนอรายงานและได้รับความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ วันที่ 29 กันยายน 2552 ส่งผลให้มีระดับคะแนน 5.0000 ทำให้ผลการดำเนินงานดีกว่าเป้าหมาย
ตัวชี้วัดที่ 4.5 ประเมินผลบทบาทของผู้บริหารกองทุนฯ ปีบัญชี 2552 น้ำหนักร้อยละ 5 ที่ระดับคะแนนเฉลี่ย 2.8500 จากแผนงานหลัก 2 แผนงาน
- บทบาทของคณะกรรมการฯ (ร้อยละ 40) ประกอบด้วย 3 กิจกรรม ได้แก่
- คณะกรรมการบริหารเข้าร่วมประชุมและมีมติที่เป็นประโยชน์ในการบริหารจัดการกองทุน ร้อยละ 90 เมื่อเทียบกับจำนวนครั้งการประชุมทั้งหมดในปีบัญชี 2552 ส่งผลให้มีระดับคะแนน 3.0000
- คณะกรรมการฯ มีการติดตามดูแลให้มีการรายงานผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ภายในปีบัญชี 2552 ทุกไตรมาสฯ ซึ่งกองทุนฯ มีการติดตามดูแลให้มีการรายงานผลเพียง 1 ไตรมาส ในปีบัญชี 2552 ส่งผลให้มีระดับคะแนน 2.0000
- การรายงานผลการดำเนินงานตามข้อสังเกต/ข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ ภายในปีบัญชี 2552 ซึ่งมีการติดตามให้มีการรายงานผลการดำเนินงานร้อยละ 90 เมื่อเทียบกับจำนวนครั้งการประชุมทั้งหมดในปีบัญชี 2552 ส่งผลให้มีระดับคะแนน 3.0000
- บทบาทของ สนพ. ในฐานะเลขานุการฯ (ร้อยละ 60) พิจารณาจากร้อยละของการดำเนินงานตามมติของที่ประชุมของคณะกรรมการฯ ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ซึ่งไม่มีการติดตามดูแลรายงานผลการดำเนินงาน แต่คณะทำงานเตรียมการฯ มีการติดตามดูแลให้มีการรายงานผลการดำเนินงานของกองทุนฯ 25 มติ จากทั้งหมด 25 มติ เท่ากับร้อยละ 100 ส่งผลให้มีระดับคะแนน 5.0000
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานการประเมินผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีบัญชี 2552
เลขานุการฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าคณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้เห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. ... ที่ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ปรับปรุงให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 และกระทรวงการคลัง ได้พิจารณาและเห็นชอบในร่างระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ดังกล่าวแล้ว ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้เสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานคณะกรรมการกองทุนฯ ลงนามในระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2553 แล้ว เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2553
มติที่ประชุม
รับทราบระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2553
เรื่องที่ 3 โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้เห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ที่เกี่ยวกับโครงการประชาสัมพันธ์ ในแผนพลังงานทดแทน 250 ล้านบาท และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 250 ล้านบาท ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน โดยให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผน/งานเดียวกันได้ ทั้งนี้ เมื่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เห็นชอบแล้ว ให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินโครงการต่อไป
2. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้เห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติให้ สนพ. ไว้แล้ว เพื่อดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์ในแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน 7 โครงการ เป็นเงิน 160 ล้านบาท และแผนพลังงานทดแทน จำนวน 6 โครงการ เป็นเงิน 225 ล้านบาท ดังนี้
รายชื่อโครงการ | หน่วยงาน | งบประมาณ (ล้านบาท) | |
แผนพลังงานทดแทน | แผนเพิ่มประสิทธิภาพฯ | ||
1. โครงการประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจด้านพลังงานผ่านบทเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ | สป.พน. | - | 35 |
2. โครงการเผยแพร่ผลการดำเนินงานของกระทรวงพลังงานตามนโยบายรัฐบาล | สป.พน. | - | 2 |
3. โครงการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน | สนพ. | - | 20 |
4. โครงการบริหารศูนย์ประชาสัมพันธ์รวมพลังหารสอง | สนพ. | 15 | - |
5. การประเมินผลโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปี 2553 | สนพ. | - | 3 |
6. โครงการประชาสัมพันธ์ลดโลกร้อน ถวายพ่อ | สป.พน. | 80 | - |
7. โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจด้านพลังงานร่วมกับสื่อมวลชน | สป.พน. | 30 | - |
8. โครงการว่าจ้างที่ปรึกษารณรงค์สร้างความรู้ ความเข้าใจเรื่อง การใช้น้ำมันคุณภาพ E85 | พพ. | 50 | - |
9. โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาสร้างความเข้าใจการกำหนดคุณภาพน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 | พพ. | 20 | - |
10. โครงการว่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน และนำแผนไปสู่การปฏิบัติ | สป.พน. | - | 15 |
11. โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน | สป.พน. | - | 50 |
12. โครงการสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน | สป.พน. | - | 35 |
13. โครงการรณรงค์ส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและพัฒนาพลังงานทดแทนในชุมชน | สป.พน. | 30 | - |
รวมงบประมาณ | 225 | 160 | |
คงเหลืองบประมาณ | 25 | 90 |
3. คณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ ในการประชุมครั้งที่ 7/2553 เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 และตามหนังสือกระทรวงพลังงาน ที่ พน 0202/1568 ลงวันที่ 16 สิงหาคม 2553 ได้มีมติเห็นชอบโครงการประชาสัมพันธ์จากงบประมาณกองทุนฯ ภายใต้แผนพลังงานทดแทน จำนวน 2 โครงการ ในวงเงิน 25 ล้านบาท และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน 9 โครงการ ในวงเงิน 82.052 ล้านบาท ดังนี้
3.1 โครงการประชาสัมพันธ์ผลสำเร็จด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน (Success Story) โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) ให้ความรู้ และบอกถึงความสำเร็จของโครงการพลังงานต่างๆ โดยเฉพาะโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อเป็นตัวอย่างและเกิดความตระหนัก โดยนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และตระหนักถึงการใช้พลังงานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
(2) เพื่อประชาสัมพันธ์ผลงาน กิจกรรม หรือความสำเร็จ และความคืบหน้าการดำเนินงานด้านนโยบายพลังงาน นโยบายการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานหมุนเวียน ในพื้นที่ที่ประสบความสำเร็จ เช่น Biogas Biomass เป็นต้น รวมทั้งเชื่อมโยงประชาสัมพันธ์โครงการต่างๆ ที่ได้การสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่ สนพ. รับผิดชอบดำเนินการ
(3) เพื่อประชาสัมพันธ์ผลงาน กิจกรรม หรือความสำเร็จ และความคืบหน้าการดำเนินงานของหน่วยงานที่ได้ดำเนินการโครงการประหยัดพลังงานในอาคาร การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน อาทิ ผู้เข้าร่วมโครงการ DSM Bidding อาคารควบคุม องค์กรที่ส่งเสริม สนับสนุนการประหยัดและอนุรักษ์พลังงาน
(4) สร้างกระแสการรับรู้ ส่งผลให้เกิดทัศนคติที่ดี เกิดการยอมรับ และให้การสนับสนุนนโยบายรัฐบาลด้านการใช้พลังงานทดแทน พลังงานหมุนเวียน พลังงานทางเลือก ตลอดจนกิจกรรมการของ พน. รูปแบบต่างๆ
ระยะเวลา 10 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 15,000,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ สนพ.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
(1) กลุ่มเป้าหมายได้รับความรู้ และรับทราบความสำเร็จของโครงการพลังงานต่างๆ โดยเฉพาะโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อเป็นตัวอย่างและเกิดความตระหนัก โดยนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
(2) กลุ่มเป้าหมายทราบถึงผลงาน กิจกรรม หรือความสำเร็จ และความคืบหน้าการดำเนินงานด้านนโยบายพลังงาน และการดำเนินงานด้านนโยบายพลังงาน นโยบายการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานหมุนเวียน ในพื้นที่ที่ประสบความสำเร็จ เช่น Biogas Biomass เป็นต้น รวมทั้งเชื่อมโยงประชาสัมพันธ์โครงการต่างๆ ที่ได้การสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
(3) กลุ่มเป้าหมายทราบถึงผลงาน กิจกรรม หรือความสำเร็จ และความคืบหน้าการดำเนินงานของหน่วยงานที่ได้ดำเนินการโครงการประหยัดพลังงานในอาคาร การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน อาทิ ผู้เข้าร่วมโครงการ DSM Bidding อาคารควบคุม องค์กรที่ส่งเสริม สนับสนุนการประหยัดและอนุรักษ์พลังงาน
(4) กลุ่มเป้าหมายเกิดกระแสการรับรู้ ซึ่งส่งผลให้เกิดทัศนคติที่ดี เกิดการยอมรับ และให้การสนับสนุนนโยบายรัฐบาลด้านการใช้พลังงานทดแทน พลังงานหมุนเวียน พลังงานทางเลือก ตลอดจนกิจกรรมการของ พน. รูปแบบต่างๆ
3.2 โครงการ Thailand Energy Awards โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อเป็นการยกย่องและแสดงความชื่นชมแก่ผู้ที่มีผลงานดีเด่นด้านการอนุรักษ์พลังงานและการพัฒนาพลังงานทดแทน
(2) เผยแพร่ผลสำเร็จของการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์พลังงานและการพัฒนาพลังงานทดแทนให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องและสนใจได้นำไปปฏิบัติและประยุกต์ใช้ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
(3) เพื่อส่งเสริมให้โรงงานและอาคารดำเนินการอนุรักษ์พลังงานและพัฒนาพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง ขยายผลสู่กลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ให้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พลังงานและการพัฒนาพลังงานทดแทนมากขึ้น
ระยะเวลา 12 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 15,000,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ พพ.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ ผู้ประกอบการในโรงงงาน/อาคาร และองค์กรต่างๆ เกิดการตระหนักและดำเนินการอนุรักษ์พลังงานและพัฒนาพลังงานทดแทนมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการนำเข้าพลังงานฟอสซิล
3.3 โครงการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการข้อมูล ข่าวสาร เทคโนโลยีด้านพลังงาน แก่ผู้ประกอบกิจการและผู้สนใจ
ระยะเวลา 12 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 15,000,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ พพ.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ กลุ่มเป้าหมายได้รับทราบถึงความเคลื่อนไหวการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์พลังงาน และการพัฒนาพลังงานทดแทนของประเทศ เกิดความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีพลังงานที่ พพ. ส่งเสริมและเผยแพร่ ส่งผลต่อการใช้พลังงานในรูปแบบที่เหมาะสมและมีการลงทุนที่คุ้มค่ายิ่งขึ้น
3.4 โครงการส่งเสริมธุรกิจบริษัทจัดการพลังงาน โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อส่งเสริม สนับสนุนและเผยแพร่เกี่ยวกับธุรกิจบริษัทจัดการพลังงาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้เกิดการดำเนินธุรกิจและการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานพลังงาน โดยใช้ระบบ ESCO
(2) เพื่อขยายเครือข่ายระหว่างบริษัทจัดการพลังงาน ผู้ประกอบการและสถาบันการเงิน และพัฒนา ESCO Information Center อย่างเป็นระบบ เพื่อพัฒนาและนำไปสู่การจัดตั้งสมาคมบริษัทจัดการพลังงาน
(3) เพื่อส่งเสริมให้ผู้บริหารโรงงานอุตสาหกรรม/อาคาร ที่มีความพร้อมและมีศักยภาพในการอนุรักษ์พลังงาน สามารถเลือกลงทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานได้อย่างเหมาะสม
ระยะเวลา 12 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 5,000,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ พพ.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
(1) มีแหล่งข้อมูลของธุรกิจบริษัทจัดการพลังงาน
(2) มีการเผยแพร่ผลงานของบริษัทจัดการพลังงาน และสร้างความเชื่อมั่นให้กลุ่มเป้าหมายในการลงทุน
(3) มีการติดตามความก้าวหน้าของธุรกิจบริษัทจัดการพลังงานในประเทศ
3.5 โครงการรณรงค์และส่งเสริมความเข้าใจการใช้หลอดประหยัดพลังงาน โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อส่งเสริมการใช้อุปกรณ์แสงสว่างประสิทธิภาพสูง ด้วยการรณรงค์ให้มีการเปลี่ยนมาใช้หลอดผอมเบอร์ 5 แทนหลอดผอมเดิม อันส่งผลให้เกิดการประหยัดพลังงานไฟฟ้าของประเทศ
(2) เพื่อสร้างความต้องการหลอดผอมเบอร์ 5 ให้ขยายตัวมากขึ้น อันจะเป็นแนวทางที่จะทำให้ต้นทุนการผลิตและราคาตลาดต่ำลงจนกระทั่งผู้บริโภคยอมรับในความคุ้มค่าและเปลี่ยนมาใช้หลอดผอมเบอร์ 5 ตลอดไป
(3) เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกให้ภาคธุรกิจ อุตสาหกรรมและประชาชนทั่วไปได้เห็นถึงประโยชน์ในการเปลี่ยนหลอดไฟประหยัดพลังงาน อันจะนำไปสู่การประหยัดพลังงานไฟฟ้าจากอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ด้วย
ระยะเวลา 12 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 10,000,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ พพ.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
(1) ธุรกิจ โรงงานอุตสาหกรรมและประชาชนทั่วไปมีการปรับเปลี่ยนมาใช้หลอดผอมประหยัดพลังงานกันมากขึ้นซึ่งจะสามารถช่วยลดการใช้พลังงานของประเทศได้
(2) สามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าสำหรับแสงสว่างลดลงจากเดิมได้ประมาณ 30%
(3) สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนได้
3.6 โครงการประชาสัมพันธ์และรณรงค์ "โครงการภูเก็ตสีเขียว" โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อประชาสัมพันธ์และรณรงค์โครงการภูเก็ตเขียวในกลุ่มเป้าหมายให้ได้รับความรู้ด้านการประหยัดพลังงาน ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ลดการใช้พลังงานฟอสซิลและรักษาสิ่งแวดล้อม
(2) เพื่อจัดกิจกรรมรณรงค์ในรูปแบบ อส.พน.เคลื่อนที่ เพื่อสร้าง อส.พน.เป็นตัวกลางในการดำเนินกิจกรรมด้านพลังงานกับชุมชน
(3) เพื่อประชาสัมพันธ์และรณรงค์โครงการภูเก็ตเขียวให้มีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกับโครงการ "ภูเก็ตปลอดถุงพลาสติก" ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว
ระยะเวลา 4 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 1,052,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ สป.พน.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
(1) เกิดวิทยากรตัวคูณประจำสถาบันการศึกษาและศาสนสถาน ประชาสัมพันธ์และถ่ายทอดความรู้ด้านการประหยัดพลังงานไปสู่ชุมชน ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนที่เหมาะสม
(2) สื่อมวลชนแขนงต่างๆ เข้าใจถึงความสำคัญการจัดทำโครงการภูเก็ตเขียวและแนวร่วมการประชาสัมพันธ์ที่หลากหลายมากขึ้น
(3) เพื่อสร้าง อส.พน.ที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพในการถ่ายทอดองค์ความรู้ต่อสาธารณชน
(4) ประชาชนทั่วไป หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ตลอดจนนักท่องเที่ยวได้รับทราบข้อมูลข่าวสาร ตามยุทธศาสตร์ 3 ด้าน และนำไปสู่การลดใช้พลังงานจากฟอสซิล และพลังงานทดแทนมาใช้ให้ได้ 15% ตามนโยบายพลังงาน
3.7 โครงการ "ลดใช้น้ำมัน ปั่นรถถีบ เชียงใหม่ 2553" โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) จัดกิจกรรมโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 82 พรรษา
(2) สร้างความตระหนักในการลดการใช้พลังงาน ลดการเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิง ในการเดินทางตามวิถีชีวิตประจำวัน แก่คนเชียงใหม่ทุกภาคส่วน
(3) สร้างความตื่นตัว ให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าในจังหวัดเชียงใหม่ในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากควันไอเสียของรถยนต์ในการเดินทาง และลดหมอกควันจากการเผา ซึ่งมีผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน
(4) ให้คนเชียงใหม่ทุกภาคส่วน สัมผัสได้ถึงคุณภาพชีวิตที่ดี ลมหายใจที่สดใส ซึ่งเกิดขึ้นจากการร่วมกันลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และลดการใช้พลังงานจากยานพาหนะอื่น
(5) ร่วมกันสร้างและเรียนรู้ระบบจราจรที่จูงใจและเอื้อต่อความปลอดภัยต่อผู้ใช้จักรยาน เพื่อส่งเสริมการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน
(6) เกิดการปฏิบัติและยอมรับวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
(7) เผยแพร่ชื่อเสียงของจังหวัดเชียงใหม่และประเทศไทยต่อนานาชาติ
ระยะเวลา 3 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 500,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ สป.พน.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
(1) ประชาชนทุกหมู่เหล่าในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงได้มีโอกาสเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการลดใช้พลังงาน
(2) เกิดกระแสให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าและคิดก่อนใช้พลังงานรวมถึงเกิดจิตสำนึกที่จะลงมือปฏิบัติในการประหยัดพลังงานอย่างจริงจัง และต่อเนื่องการทำความดีด้วยการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
(3) ประชาชนเกิดความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมช่วยชาติประหยัดพลังงานโดยรวมและส่งผลดีที่ได้ประหยัดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ให้กับครอบครัวและประเทศชาติ
(4) เกิดกระแสการมีส่วนร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมประชาสัมพันธ์การขยายผลการประหยัดงานที่เป็นตัวอย่างที่ดีไปสู่เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา และทุกภาคส่วนอันจะทำให้เกิดกระแสการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการลดใช้พลังงานในทุกรูปแบบ
3.8 โครงการ "คนคอนร่วมใจ ลดใช้พลังงาน ลดโลกร้อน" โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อเสริมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พลังงานของทุกภาคส่วนในจังหวัด
(2) เพื่อกระตุ้นให้เกิดความตะหนักถึงภาวะโลกร้อน ทั้งสาเหตุและผลที่ตามมา
(3) เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเห็นคุณค่าของพลังงาน และความจำเป็นของการลดใช้พลังงาน
(4) เพื่อให้ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมสามารถสร้างเครือข่าย "ร่วมใจ ลดใช้พลังงาน ลดโลกร้อน"
ระยะเวลา 3 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 500,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ สป.พน.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
(1) ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีส่วนร่วม ลดใช้พลังงานโดยเฉพาะลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และลดปัญหาภาวะโลกร้อน
(2) ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีทัศนคติที่ดีและถูกต้องในการ "ร่วมใจ ลดใช้พลังงาน ลดโลกร้อน"
(3) สร้างเครือข่ายบุคคลเข้าร่วมโครงการ "ร่วมใจ ลดใช้พลังงาน ลดโลกร้อน" ให้เกิดขึ้น
3.9 โครงการส่งเสริมและเผยแพร่เทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงาน (DISPLAY CENTER และบ้านประหยัดพลังงาน)โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่แนะนำเทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงาน กระบวนการและ แนวทางการอนุรักษ์พลังงาน ตลอดจนจัดแสดงอุปกรณ์ทางด้านการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อให้ผู้ชมได้ทราบ และเรียนรู้เทคโนโลยีในการอนุรักษ์พลังงานต่างๆ ของ DISPLAY CENTER และบ้านประหยัดพลังงาน
ระยะเวลา 12 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 15,000,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ พพ.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ ผู้เข้าชมประมาณ 10,000 คน จะได้ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงาน รวมทั้งแนวความคิดที่จะนำไปประยุกต์ใช้งาน
3.10 โครงการรณรงค์และประชาสัมพันธ์กฎหมายด้านการอนุรักษ์พลังงาน โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่เจ้าหน้าที่ภาครัฐที่ดำเนินโครงการด้านการอนุรักษ์พลังงาน ได้รู้ถึงกรอบแนวทางในการดำเนินการที่ถูกต้องตามหลักกฎหมายการอนุรักษ์พลังงาน
(2) เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้ภาคเอกชนได้เข้าใจถึงบทบัญญัติของกฎหมายด้านการอนุรักษ์พลังงานในประเทศไทย เช่น ผู้ผลิตอุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้า ได้รู้ถึงสิทธิและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายการอนุรักษ์พลังงาน รวมถึงแนวทางในการปฏิบัติหรือการดำเนินการที่ไม่ขัดต่อกฎหมายด้วย
(3) เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนและผู้ที่สนใจทั่วไปได้รู้ถึงสิทธิและกฎระเบียบที่จะได้รับจากการอนุรักษ์พลังงานตามกฎหมายที่กำหนด อีกทั้งยังทำให้ป้องกันการเอารัดเอาเปรียบจากผู้ที่จะมาแสวงหาผลประโยชน์จากการดำเนินการอนุรักษ์พลังงานของภาครัฐอีกด้วย
ระยะเวลา 12 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 20,000,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ สป.พน.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ สามารถทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทราบถึงสิทธิและกฎระเบียบที่ได้รับจากกฎหมายการอนุรักษ์พลังงาน อันจะส่งผลทำให้การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในประเทศไทยมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยทำให้เกิดการประหยัดพลังงานจากการนำเข้าของประเทศได้
3.11 โครงการรณรงค์และประชาสัมพันธ์กฎหมายด้านพลังงานทดแทน โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้ที่ปฏิบัติงานโครงการด้านการพัฒนาพลังงานทดแทน ได้รู้ถึงกรอบแนวทางในการดำเนินการที่ถูกต้องตามหลักกฎหมายพลังงานทดแทน
(2) เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้ภาคเอกชนได้เข้าใจในบทบัญญัติของกฎหมายพลังงานทดแทนในประเทศไทย เพื่อให้ได้รู้ถึงสิทธิและกฎระเบียบจากกฎหมายพลังงานทดแทน รวมถึงแนวทางในการปฏิบัติหรือการดำเนินการที่ไม่ขัดต่อกฎหมายด้วย
(3) เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนและผู้ที่สนใจทั่วไป ได้รู้ถึงสิทธิและข้อระเบียบของกฎหมายการพัฒนาพลังงานทดแทน อีกทั้งยังทำให้ป้องกันการเอารัดเอาเปรียบจากผู้ที่จะมาแสวงหาผลประโยชน์จากการพัฒนาพลังงานทดแทนอีกด้วย
ระยะเวลา 12 เดือน
งบประมาณ ในวงเงิน 10,000,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ สป.พน.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ สามารถทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน ทราบถึงสิทธิและกฎระเบียบจากกฎหมายพลังงานทดแทน อันจะส่งผลทำให้การพัฒนาพลังงานทดแทนในประเทศไทย มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถบรรลุได้ตามเป้าหมายพลังงานทดแทนที่วางไว้
4. เลขานุการฯ ได้แจ้งที่ประชุมทราบว่า สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน มีความประสงค์ขอเสนอโครงการประชาสัมพันธ์ในแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ต่อที่ประชุมเพื่อพิจารณาเพิ่มเติมอีก 1 โครงการ คือ โครงการสื่อสารเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนในส่วนภูมิภาค โดยมีสาระสำคัญของโครงการ สรุปได้ดังนี้
วัตถุประสงค์
(1) เพื่อให้ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพลังงานในฐานะสื่อบุคคลที่เป็นผู้แทน พน. ได้รับรู้และเข้าใจถึงนโยบายด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ตลอดจนสามารถนำนโยบายแนวคิดต่างๆ ไปพัฒนาเพื่อสื่อสารสู่ประชาชนอย่างถูกต้อง
(2) เพื่อระดมความคิดเห็นที่มีต่อแผนพัฒนาด้านพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน จากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพลังงาน และรับทราบถึงปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานของหน่วยราชการในการผลักดันแผนการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนของประเทศ
(3) เพื่อสร้างภาพลักษณ์ ความนิยม เลื่อมใส ศรัทธา ให้กลุ่มเป้าหมายตระหนัก เชื่อมั่น รับทราบและเข้าใจ และรวมทั้งสามารถสร้างเครือข่ายยอมรับองค์กรด้วยการแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
ระยะเวลา 60 วัน นับจากลงนามในสัญญา
งบประมาณ ในวงเงิน1,900,000 บาท
หน่วยงานดำเนินโครงการ สป.พน.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
(1) ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงาน ในฐานะสื่อบุคคลของกระทรวงพลังงานได้รับรู้ และเข้าใจถึงนโยบายด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ตลอดจนแนวคิดต่างๆ โดยสามารถนำหลักแนวคิดในการพัฒนาไปสู่การการปฏิบัติ และสื่อสารสู่ประชาชนอย่างถูกต้อง
(2) สามารถผลักดันแผนการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนของประเทศไปสู่ภาคปฏิบัติในส่วนภูมิภาคได้ในที่สุด รวมทั้งสามารถสร้างเครือข่ายการยอมรับองค์กรด้วยการแปสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
(3) ผู้บริหารกระทรวงพลังงาน ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรงพลังงานมีความเข้าใจนโยบายไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อนำไปสู่เป้าประสงค์ของแผนการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน
การพิจารณาของที่ประชุม
1. เห็นชอบให้ยกเลิกโครงการประชาสัมพันธ์ ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติให้ สนพ. ไว้แล้ว ในแผนพลังงานทดแทน จำนวน 1 โครงการ และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน 3 โครงการ และเห็นควรให้นำงบประมาณของโครงการประชาสัมพันธ์ที่ขอยกเลิก พร้อมด้วยงบประมาณคงเหลือในแผนพลังงานทดแทน รวมเป็นจำนวนเงิน 25 ล้านบาท และในแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน รวมเป็นจำนวนเงิน 90 ล้านบาท มาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอมาในระเบียบวาระข้อ 3.1 และ 3.2
2. ประธานอนุกรรมการฯ มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะในโครงการประชาสัมพันธ์ สรุปได้ดังนี้
2.1 โครงการ Thailand Energy Awards เห็นควรให้ พพ. จัดแบ่งประเภทของรางวัลให้ชัดเจน โดยระบุชื่อของประเภทรางวัลที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้และเข้าใจในชื่อเฉพาะของผลงานที่ดีเด่นของผู้ประกอบการนั้นๆ และผู้ได้รับรางวัลเกิดความภาคภูมิใจในชื่อผลงานนั้นด้วย นอกจากนี้ยังเห็นว่าในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ของโครงการ Thailand Energy Awards และโครงการสร้างขุมกำลังบุคลากรด้านการอนุรักษ์พลังงานเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร หรือ BEAT 2010 ควรมีเนื้อหาที่สัมพันธ์กัน เพื่อมิให้เกิดความสับสนของประชาชน ซึ่งในการดำเนินโครงการ BEAT 2010 อาจจะจัดทำตราสัญลักษณ์ของโครงการใช้ในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้อย่างถาวร
2.2 โครงการรณรงค์และส่งเสริมความเข้าใจการใช้หลอดประหยัดพลังงาน ควรจะมีการบูรณาการร่วมกับ กฟผ. เพื่อให้เกิดความสอดคล้องในการดำเนินงานของโครงการ และการดำเนินกิจกรรมในสถานที่ต่างๆ ควรจะจัดทำและนำคู่มือไปเผยแพร่เพื่อให้ประชาชนมีความรู้และความเข้าใจมากขึ้น
2.3 โครงการประชาสัมพันธ์และรณรงค์ "โครงการภูเก็ตสีเขียว" เห็นควรให้ สนย. สป.พน.ทำการติดตามโครงการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและเป็นต้นแบบที่ดีแก่จังหวัดอื่นๆ ต่อไป นอกจากนี้ยังเห็นว่า ควรจะมีกิจกรรมที่ให้ความรู้และกระตุ้นหน่วยงานและสถานประกอบการต่างๆ ภายในจังหวัด ให้เกิดความตระหนักในการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานทดแทนมากยิ่งขึ้น โดยการเสริมกิจกรรมที่มีความสัมพันธ์กับโครงการและให้เกิดความต่อเนื่องต่อไปด้วย
2.4 โครงการ "ลดใช้น้ำมัน ปั่นรถถีบ เชียงใหม่ 2553" และโครงการ "คนคอนร่วมใจ ลดใช้พลังงาน ลดโลกร้อน" เห็นว่าควรจะจัดให้มีกิจกรรมที่เชื่อมโยงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนภายในจังหวัดมีวัฒนธรรมในการประหยัดพลังงานมากขึ้น และได้เป็นแบบอย่างของเมืองอนุรักษ์พลังงานหรือ Green City ต่อไป พร้อมทั้งควรให้ความรู้และกระตุ้นองค์กรต่างๆ ภายในจังหวัด เกิดความตระหนักในการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น
2.5 โครงการส่งเสริมและเผยแพร่เทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงาน (Display Center และบ้านประหยัดพลังงาน) เห็นควรให้ พพ. เพิ่มการจัดทำ CD หรือ/และ คู่มือแนะนำศูนย์ฯ และข้อมูลด้านต่างๆ ภายในศูนย์ฯ เพื่อเผยแพร่และให้ความรู้แก่ผู้เข้ามาเยี่ยมชมด้วย นอกจากนี้ปลัดกระทรวงพลังงาน เห็นควรให้ พพ. ปรับปรุงอุปกรณ์สาธิตเทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงานให้ทันสมัยและน่าสนใจมากขึ้น รวมถึงการประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ ให้เป็นที่รับรู้ของประชาชนทั่วไป เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากการก่อสร้างศูนย์ฯ ให้มากที่สุด พร้อมทั้งการจัดเตรียมและพัฒนาบุคลากรที่จะเป็นวิทยากรต่อไปด้วย
2.6 โครงการสื่อสารเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนในส่วนภูมิภาค เห็นควรให้มีการพัฒนาขีดความสามารถของผู้เข้าร่วมสัมมนาในเรื่องการเขียนแผน และการนำแผนไปสู่การปฏิบัติด้วย และปลัดกระทรวงพลังงานเห็นว่า ควรปรับข้อเสนอโครงการให้สอดคล้องกับหมวดของเงินงบประมาณที่ขอรับทุนสนับสนุน โดยให้ครอบคลุมถึงบทบาทหน้าที่ของพลังงานจังหวัด ที่จะต้องมีส่วนสำคัญในการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่นโยบายที่สำคัญต่างๆ ของกระทรวงพลังงาน รวมถึงเรื่องการประหยัดพลังงาน และการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนไปยังภูมิภาค
ผู้แทนกรมบัญชีกลาง เห็นควรให้หน่วยงานดำเนินโครงการเพิ่มรายละเอียดของเป้าหมาย และดัชนีชี้วัดความสำเร็จของโครงการในข้อเสนอแต่ละโครงการ เพื่อให้การติดตามผลการดำเนินงานของโครงการมีความชัดเจนมากขึ้น พร้อมทั้งให้มีการรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการต่อคณะอนุกรรมการฯ เป็นระยะๆ
มติที่ประชุม
เห็นชอบให้ยกเลิกโครงการประชาสัมพันธ์ ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติให้ สนพ. ไว้แล้ว ตามข้อ 3.1 ของระเบียบวาระ และให้นำงบประมาณของโครงการประชาสัมพันธ์ที่ขอยกเลิก พร้อมด้วยงบประมาณคงเหลือในแผนพลังงานทดแทน รวมเป็นจำนวนเงิน 25 ล้านบาท และในแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน รวมเป็นจำนวนเงิน 90 ล้านบาท มาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์ตามข้อ 3.2 ของระเบียบวาระ
อนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติให้ สนพ. ไว้แล้ว มาใช้สำหรับดำเนินโครงการ
(1) โครงการ Thailand Energy Awards โดยให้ พพ. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 15,000,000 บาท (สิบห้าล้านบาทถ้วน)
(2) โครงการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน โดยให้ พพ. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 15,000,000 บาท (สิบห้าล้านบาทถ้วน)
(3) โครงการส่งเสริมธุรกิจบริษัทจัดการพลังงาน โดยให้ พพ. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาทถ้วน)
(4) โครงการรณรงค์และส่งเสริมความเข้าใจการใช้หลอดประหยัดพลังงาน โดยให้ พพ. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 10,000,000 บาท (สิบล้านบาทถ้วน)
(5) โครงการประชาสัมพันธ์และรณรงค์ "โครงการภูเก็ตสีเขียว" โดยให้ สป.พน. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 1,052,000 บาท (หนึ่งล้านห้าหมื่นสองพันบาทถ้วน)
(6) โครงการ "ลดใช้น้ำมัน ปั่นรถถีบ เชียงใหม่ 2553" โดยให้ สป.พน. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 500,000 บาท (ห้าแสนบาทถ้วน)
(7) โครงการ "คนคอนร่วมใจ ลดใช้พลังงาน ลดโลกร้อน" โดยให้ สป.พน. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 500,000 บาท (ห้าแสนบาทถ้วน)
(8) โครงการส่งเสริมและเผยแพร่เทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงาน (DISPLAY CENTER และบ้านประหยัดพลังงาน) โดยให้ พพ. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 15,000,000 บาท (สิบห้าล้านบาทถ้วน)
(9) โครงการรณรงค์และประชาสัมพันธ์กฎหมายด้านการอนุรักษ์พลังงาน โดยให้ สป.พน. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 20,000,000 บาท (ยี่สิบล้านบาทถ้วน)
(10) โครงการสื่อสารเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนในส่วนภูมิภาค โดยให้ สป.พน. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 1,900,000 บาท (หนึ่งล้านเก้าแสนบาทถ้วน)
1. อนุมัติเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แผนพลังงานทดแทน งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2553 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติให้ สนพ. ไว้แล้ว มาใช้สำหรับดำเนินโครงการ
(1) โครงการประชาสัมพันธ์ผลสำเร็จด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน (Success Story) โดยให้ สนพ. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 15,000,000 บาท (สิบห้าล้านบาทถ้วน)
(2) โครงการรณรงค์และประชาสัมพันธ์กฎหมายด้านพลังงานทดแทน โดยให้ สป.พน. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ในวงเงิน 10,000,000 บาท (สิบล้านบาทถ้วน)
2. เห็นชอบให้ สนพ. พพ. และ สป.พน. สามารถเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการดำเนินงานได้เพื่อความเหมาะสม โดยสามารถถัวจ่ายระหว่างรายการ และแยกรายการ และทำสัญญาหรือหนังสือยืนยันได้หลายรายการตามความเหมาะสม โดยแบ่งกระจายน้ำหนักตามงบประมาณและกิจกรรมต่างๆ ได้ ตามที่เสนอมา
1. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ได้ดำเนินโครงการพลังงานทดแทนโดยการใช้เอทานอลจากพืชเศรษฐกิจสำหรับรถจักรยานยนต์ E85-100 ใน มทส. และชุมชนเครือข่ายต้นแบบ โดยได้ทำการวิจัยและพัฒนารถจักรยานยนต์เพื่อใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เป็นเชื้อเพลิง ในชุมชนเครือข่ายนำร่อง รวม 390 คัน พร้อมทั้งพัฒนาบุคคลากรสำหรับร้านช่างซ่อมและปรับแต่งรถจักรยานยนต์ในรูปแบบ "MoPro Service Shop" จำนวน 15 ร้าน ใน 7 อำเภอ และบริหารจัดการเครือข่ายโลจิสติกส์สำหรับคลังน้ำมันกระจายน้ำมัน ศูนย์จำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 และเครือข่ายคลัสเตอร์รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน ทั้งนี้ มทส. เห็นว่ายังมีความจำเป็นการในศึกษาวิจัยและพัฒนารถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลล์ E85 เป็นเชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการยอมรับ จึงได้ยื่นข้อเสนอ "โครงการพลังงานทดแทน สำหรับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 จากพืชเศรษฐกิจสำหรับรถจักรยานยนต์ ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และชุมชนเครือข่ายนำร่องระดับจังหวัดนครราชสีมา ระยะที่ 2" ไว้กับ สนพ. เพื่อขอสนับสนุนทุนดำเนินโครงการจากกองทุนฯ โดยมีสาระสำคัญของโครงการ สรุปได้ดังนี้
วัตถุประสงค์
เพื่อส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีความรู้ความเข้าใจเรื่องของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 กับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และหาแนวทางในการปรับแต่งเครื่องยนต์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 โดยปรับแต่งรถจักรยานยนต์ให้กับผู้ร่วมโครงการ ให้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวน 15,000 คัน และสร้างสมาชิกเครือข่ายให้กับโครงการฯ อันเป็นโอกาสที่จะกระจายความต้องการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 สำหรับรถจักรยานยนต์ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
การดำเนินโครงการ แบ่งเป็น 6 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาข้อมูล และติดตามผลการใช้รถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ต่อเนื่องจากโครงการระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ในชุมชนเครือข่ายต้นแบบนำร่องครอบคลุมทั้ง 32 อำเภอในจังหวัดนครราชสีมา
ขั้นตอนที่ 2 ศึกษา วิจัยและพัฒนารถจักรยานยนต์ รุ่นต่างๆ ที่ใช้งานในชุมชน วิเคราะห์ระบบหัวฉีด ไอเสีย เปรียบเทียบกับการใช้น้ำมันเบนซิน 91 แก๊สโซฮอล์ 91 และ E85
ขั้นตอนที่ 3 การพัฒนาร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ให้เป็นศูนย์บริการรถจักรยานยนต์ในรูปแบบ MoPro Service Shop จำนวน 420 แห่ง และการปรับแต่งรถจักรยานยนต์ให้กับผู้เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เป็นน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน 15,000 คัน
ขั้นตอนที่ 4 การประชาสัมพันธ์ Brand Building ผ่านสื่อต่างๆ เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ เคเบิ้ลทีวีท้องถิ่น รวมถึงการจัดทำคู่มือการซ่อม และการจัดกิจกรรมประลองฝีมือทดสอบรถจักรยานยนต์ที่ปรับใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85
ขั้นตอนที่ 5 การพัฒนาระบบ Logistic และ Supply Chain สำหรับน้ำมันและชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ที่ปรับใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 รวมทั้งจัดทำฐานข้อมูล ผู้ค้าส่ง/ค้าปลีกน้ำมันและชิ้นส่วนต่างๆ
ขั้นตอนที่ 6 การติดตามประเมินผล และสรุปผลการดำเนินงาน
งบประมาณ รวมทั้งสิ้น 25,755,840 บาท ประกอบด้วย
(1) ค่าตอบแทน 2,640,000 บาท
(2) ค่าใช้จ่ายในกิจกรรมย่อย 20,774,400 บาท
(3) ค่าบริหารจัดการของมหาวิทยาลัย 2,341,440 บาท
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
(1) ลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศคิดเป็น 1,530,000 ลิตร/ปี หรือคิดเป็น 56,732,400 บาท/ปี
(2) ผู้ใช้รถจักรยายนต์ที่เข้าร่วมโครงการฯ ประหยัดค่าใช้จ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิง 10 บาท/ลิตร คิดเป็น 1,200 บาท/คัน/ปี มีระยะเวลาคืนทุน 5 เดือน รวมทั้ง 15,000 คัน สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแก่ชุมชนได้ 18,000,000 บาท/ปี
(3) สร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการ และร้านซ่อมจักรยานยนต์ ในชุมชน
2. สนพ. ได้ตั้งผู้ทรงคุณวุฒิโดยพิจารณาจากบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ มีผลงานและประสบการณ์เกี่ยวกับงานวิจัยด้านพลังงานทดแทน และด้านพลังงานเชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อร่วมวิเคราะห์ประเมินคุณภาพของข้อเสนอ รวมถึงการให้ข้อแนะนำกับเจ้าของโครงการฯ ประกอบด้วย
(1) ศ.ดร.นักสิทธิ์ คูวัฒนาชัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
(2) นางสุนันทา สมพงษ์ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
(3) นายทวีป พลเสน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
(4) รศ.ดร.กล้าณรงค์ ศรีรอด ผู้แทนคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ และสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร
(5) รศ.ดร.พรชัย เหลืองอาภาพงศ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
(6) รศ.ดร.อนุชา พรมวังขวา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
(7) ดร.บุญรอด สัจจกุลนุกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
3. การพิจารณาของผู้ทรงคุณวุฒิเห็นว่า โครงการมีวัตถุประสงค์สอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมการใช้เอทานอล E85 จึงเห็นควรที่กองทุนฯ จะสนับสนุนให้ดำเนินการในส่วนของงานวิจัยพัฒนารถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน โดยให้ มทส. ดำเนินการปรับปรุงข้อเสนอโครงการ ได้แก่ การจัดทำคู่มือการปรับเปลี่ยนซ่อมรถจักรยานยนต์ เพื่อให้สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เผยแพร่สู่สาธารณชน เช่น ในรูปแบบ VDO Website เป็นต้น รวมถึงส่วนของงานการปรับแต่งรถจักรยานยนต์ 15,000 คัน และการพัฒนา MoPro Service Shop 420 แห่ง ซึ่งอยู่ในลักษณะส่งเสริมสาธิตเพื่อขยายผลในระยะที่ 2 และอยู่นอกเหนือขอบเขตงานวิจัยนั้น ควรพิจารณาให้สอดคล้องตามภารกิจและนโยบายของกระทรวงพลังงาน
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาข้อเสนอโครงการแล้ว มีข้อคิดเห็นสรุปได้ดังนี้
1. ประธานอนุกรรมการฯได้สอบถามผู้แทน มทส. ถึงที่มาของจำนวนรถจักรยานยนต์ จำนวน 15,000 คัน และความเป็นไปได้ที่จะให้ผู้เข้าร่วมโครงการเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการปรับแต่งเครื่องยนต์เอง ซึ่งผู้แทน มทส. ได้ชี้แจงที่ประชุมว่าจำนวนรถจักยานยนต์ที่เสนอมานั้น ได้มาจากกลุ่มแกนนำเกษตรกรซึ่งเป็นแกนนำของโครงการในการจัดหาลูกค้าเข้าร่วมโครงการ สำหรับการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการปรับแต่งเครื่องยนต์โดยผู้เข้าร่วมโครงการเอง ในระยะเริ่มต้นอาจจะมีปัญหาด้านกระแสการยอมรับของประชาชน เนื่องจากยังไม่เกิดความเชื่อมั่นที่เพียงพอ นอกจากนี้ประธานอนุกรรมการฯ ยังเห็นว่าจังหวัดนครราชสีมา มีศักยภาพที่จะเป็นต้นแบบของเมืองพลังงานทดแทน ด้วยความพร้อมในด้านวัตถุดิบ ได้แก่ อ้อย มันสำปะหลัง พลังงานลม และพลังงานน้ำ ดังนั้นในการดำเนินงานของโครงการควรจัดให้มีการรณรงค์อย่างเข้มข้น เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้รถจักรยานยนต์ มีความรู้ความเข้าใจน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 มากขึ้น และสนใจหันมาปรับแต่งเครื่องยนต์สำหรับใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 โดยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองในระยะต่อไป
2. ปลัดกระทรวงพลังงาน มีความเห็นว่าลักษณะการดำเนินโครงการควรจะยังคงไว้เป็นการศึกษาวิจัย เนื่องจากในการดำเนินงานของโครงการจะรวมถึงงานการซ่อมและแก้ไขปัญหาเครื่องยนต์ให้ผู้เข้าร่วมโครงการภายหลังที่ได้รับการปรับแต่งเครื่องยนต์ด้วย ซึ่งหากปรับเปลี่ยนโครงการเป็นการส่งเสริมและสาธิต และให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการปรับแต่งเครื่องยนต์เองนั้น หากเครื่องยนต์เกิดปัญหาภายหลังจากการปรับแต่ง อาจจะไปเกี่ยวข้องกับเรื่องประกาศการกำหนดมาตรฐานน้ำมันเชื้อเพลิงของกรมธุรกิจพลังงาน นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตในประเด็นอื่นๆ ได้แก่ ควรกำหนดคุณสมบัติของรถจักรยานยนต์ที่จะเข้าร่วมโครงการให้ชัดเจน โดยไม่ควรเป็นรถที่มีภาระผูกพันกับบริษัทประกันไว้ และให้ มทส. ทำการจัดเก็บข้อมูลเชิงสถิติเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายต่างๆ จากการลงทุนปรับแต่งกับผลประโยชน์ที่จะได้รับด้วย เช่น การประหยัดน้ำมัน และได้สอบถามผู้แทน มทส. หากสิ้นสุดของโครงการ สามารถนำผลมาเผยแพร่เพื่อให้เกิดการใช้อย่างแพร่หลายได้เลยหรือไม่
3. ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้สอบถามวิธีการและขั้นตอนการตรวจวัดการสึกหรอของเครื่องยนต์ ซึ่งผู้แทน มทส. ได้ชี้แจงว่าจะทำการเก็บข้อมูลในพื้นที่เป็นหลัก โดยร้านซ่อมเครื่องยนต์จะเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญ ทั้งในช่วงก่อน ช่วงกลาง และภายหลังการปรับแต่งเครื่องยนต์
4. ผู้แทน พพ. เห็นว่าในการดำเนินโครงการ ควรให้ พพ. เข้าไปมีส่วนร่วมในการกำกับ ดูแล และติดตามการดำเนินของโครงการด้วย นอกจากนี้มีข้อเสนอแนะให้มีการตรวจสอบในด้านผลกระทบของมลภาวะหรือมลพิษที่เกิดขึ้นสำหรับรถที่เข้าร่วมในโครงการ และการกำหนดกลไกในการกำกับดูแล มาตฐาน/คุณภาพของน้ำมันในปั๊มหลอด รวมถึงวิธีการคัดเลือกรถจักรยานยนต์ จำนวน 15,000 คัน ให้มีการกระจายครอบคลุมในทุกกลุ่มเป้าหมาย อายุและยี่ห้อ/รุ่นของรถ เพื่อให้สามารถเป็นตัวแทนรถจักรยานยนต์ของทั้งหมด
5. เลขานุการ รมว.พน. ได้สอบถามถึงสาเหตุที่ผู้เข้าร่วมโครงการบางรายในระยะที่ 1 ปรับเปลี่ยนไปใช้น้ำมันเบนซิน 91 เหมือนเดิม ซึ่งผู้แทน มทส. ได้ชี้แจงว่าเกิดจากการสตาร์ทติดยาก รวมถึงข้อจำกัดของการกระจายตัวของปั๊มน้ำมัน และฝีมือช่างในการ tune up นอกจากนี้มีข้อเสนอแนะให้ มทส. เพิ่มเติมข้อมูลที่แท้จริงให้ชัดเจนทั้งในด้านปริมาณของน้ำมันที่ใช้เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่าย ประโยชน์ของการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 และด้านเทคนิค เช่น การตรวจวัดความสึกหรอของเครื่องยนต์ ท่อยางและระบบอื่นๆ ปัญหา Vapor lock Cold Start เป็นต้น และการกระจายตัวอย่างของรถจักรยานยนต์ที่เข้าร่วมโครงการให้เป็นไปตามหลักการทางสถิติ เพื่อเป็นตัวแทนรถจักรยานยนต์ของทั้งหมด รวมถึงเพิ่มเติมการวิเคราะห์ข้อมูลตามหลักการและเหตุผลในเชิงวิชาการ เพื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลในทางทฤษฎีต่อไป
6. รองปลัดกระทรวงพลังงาน (นายณอคุณ สุทธิพงศ์) ได้สอบถามถึงผลการพิจารณาของผู้ทรงคุณวุฒิที่มีข้อเสนอแนะว่าการปรับแต่งรถจักรยานยนต์ 15,000 คัน และการพัฒนา MoPro Service Shop 420 แห่ง ซึ่งอยู่ในลักษณะส่งเสริมสาธิตเพื่อขยายผลในระยะที่ 2 และอยู่นอกเหนือขอบเขตงานวิจัยนั้น เห็นควรพิจารณาให้สอดคล้องตามภารกิจและนโยบายของกระทรวงพลังงานนั้น จะมีผลต่อการวัด KPI งานวิจัย หรือไม่ อย่างไร ซึ่งผู้แทน มทส. ได้ชี้แจงว่าจากจำนวนตัวอย่างที่ดำเนินการในระยะที่ 1 จำนวน 390 คัน ไม่เพียงพอจะเป็นตัวแทนของการวิจัยที่จะนำไปสู่การขยายผลได้ และจำนวนรถจักรยานยนต์ 15,000 คัน ถือเป็นเพียงตัวอย่างที่ไม่ถึง 1% ของจำนวนประชากรรถจักรยานยนต์ที่ใช้กันอยู่ทั่วไป นอกจากนี้รองปลัดกระทรวงฯ เห็นควรให้มีการแยกค่าใช้จ่ายในการปรับเปลี่ยนและงบประมาณในการฝึกอบรมออกจากกันให้ชัดเจน
มติที่ประชุม
เห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แผนพลังงานทดแทน งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค โครงการสนับสนุนการศึกษาวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2553 ที่คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้จัดสรรให้ สนพ. ไว้แล้ว ให้ มทส. ในการดำเนิน "โครงการพลังงานทดแทนสำหรับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 จากพืชเศรษฐกิจสำหรับรถจักรยานยนต์ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และชุมชนเครือข่ายนำร่องระดับจังหวัดนครราชสีมา ระยะที่ 2" ในวงเงิน 25,755,840 บาท โดยให้ มทส. ดำเนินการปรับปรุง รายละเอียดของข้อเสนอโครงการตามความเห็นของที่ประชุม ก่อนลงนามในหนังสือยืนยันการรับทุนสนับสนุนจากกองทุนฯ ต่อไป
กอ. ครั้งที่ 48 - วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม 2551
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 1/2551 (ครั้งที่ 48)
วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม 2551 เวลา 10.30 น.
ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
1. รายงานความคืบหน้าของการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554 (ตุลาคม 2550-เมษายน 2551)
2. มาตรการประหยัดพลังงานเพื่อประชาชน
รองนายกรัฐมนตรี (นายสหัส บัณฑิตกุล) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายวีระพล จิรประดิษฐกุล)
ประธานกรรมการกองทุนฯ แจ้งให้ที่ประชุมทราบ 2 เรื่อง คือเรื่องคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 29/2551 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2551 เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการต่างๆ โดยในส่วนที่ 4 ได้มอบหมายและมอบอำนาจให้ รองนายกรัฐมนตรี (นายสหัส บัณฑิตกุล) ทำหน้าที่เป็นประธานกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งแรก และประธานฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบเรื่อง การเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ยังเป็นองค์ประกอบเดิมตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ที่กำลังมีแก้ไขบางประเด็น โดยตามมาตรา 27 ได้มีการแก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการฯ โดยเพิ่มเติม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ปลัดกระทรวงการคลัง นายกสภาวิศวกร นายกสภาสถาปนิก และมีกรรมการที่เปลี่ยนแปลงออก คือ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2551 เป็นต้นไป ดังนั้นในการประชุมครั้งต่อไป ก็จะเป็นคณะกรรมการชุดใหม่
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานที่ประชุมเพื่อทราบความคืบหน้าของการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554 โดยอ้างถึงมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2547 ได้อนุมัติกรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 (ในช่วงปี 2548-2554) ประกอบด้วย 3 แผนงาน ได้แก่ (1) แผนพลังงานทดแทน (2) แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และ (3) แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ โดยแต่ละแผนงานจะมีงานหลักๆ คือ งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค งานส่งเสริมและสาธิต งานพัฒนาบุคลากร และประชาสัมพันธ์
2. มติ กพช. เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2550 ได้รับทราบผลการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปี 2548-2550 และเห็นชอบแนวทางของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในช่วงปี 2551-2554 ตามข้อเสนอของคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่มีเป้าหมายจะลดปริมาณการใช้พลังงานลง 7,820 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.8 ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศในปี 2554 และนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้แทนพลังงานเชิงพาณิชย์ 8,858 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 12.2 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554 โดยคาดว่าสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงและไฟฟ้า ณ ปี 2554 เปรียบเทียบระหว่างกรณีปกติกับกรณีที่มีแผนอนุรักษ์พลังงาน จะปรากฏตามตารางต่อไปนี้
พลังงาน | เป้าหมายปลายปี 2554 | |||||
กรณีปกติ | มีแผนอนุรักษ์พลังงาน | เพิม (ลด) | ||||
Ktoe | ร้อยละ | ktoe | ร้อยละ | ktoe | ร้อยละ | |
ความต้องการใช้พลังงาน | 80,331 | 100% | 72,511 | 100% | -7,820 | -9.7% |
ประกอบด้วย | ||||||
(1) น้ำมัน | 36,994 | 46.1% | 29,653 | 40.9% | -7,341 | -19.8% |
(2) พลังงานหมุนเวียน | 12,576 | 15.7% | 19,196 | 26.4% | 6,620 | 52.6% |
(3) ก๊าซธรรมชาติ | 6,563 | 8.2% | 6,563 | 9.1% | 0 | 0.0% |
(4) ถ่านหินและลิกไนต์ | 10,240 | 12.7% | 7,415 | 10.2% | -2,825 | -27.6% |
(5) ไฟฟ้า | 13,958 | 17.4% | 9,684 | 13.4% | -4,274 | -30.6% |
3. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานความคืบหน้าเฉพาะโครงการที่สำคัญที่ได้ดำเนินงานตามแผนงานไปแล้วในช่วงเดือนตุลาคม 2550-เมษายน 2551 อาทิ การส่งเสริมการใช้อุปกรณ์แสงสว่างประสิทธิภาพสูง งานส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงานโดยวิธีประกวดราคา (DSM Bidding) สำหรับด้านการใช้พลังงานทดแทน ได้มีโครงการส่งเสริมการใช้ก๊าซชีวภาพ ครอบคลุมในภาคเกษตรกรรม (ฟาร์มเลี้ยงสัตว์) ภาคอุตสาหกรรม (โรงงานแป้งมัน โรงงานน้ำมันปาล์ม โรงงานเอทานอล โรงงานแปรรูปอหาร ฯลฯ) ซึ่งมีผู้ยื่นข้อเสนอ 38 ราย คาดว่าจะ ผลิตก๊าซชีวภาพได้ 240 ล้าน ลบ.ม./ปี นำไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่า 80% ของก๊าซชีวภาพที่ผลิตได้ ทดแทนน้ำมันเตา 55.24 ล้านลิตร/ปี และใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 35.5 MW และทดแทนเชื้อเพลิงชีวมวล /ถ่านหิน 57,041 ตัน/ปี ลดปริมาณสิ่งสกปรกที่ปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมมากกว่า 600 ล้านกก.COD/ปี ช่วยลดการปล่อย CH4 114 ล้าน ลบ.ม./ปี นอกจากนี้ยังได้ส่งเสริมการแปรรูปขยะเป็นพลังงาน โดยเปิดโอกาสให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละจังหวัด ยื่นข้อเสนอขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ภายใต้ "โครงการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นน้ำมัน" ที่เป็นการเผาในภาวะไร้อากาศจนได้น้ำมันและก๊าซปิโตรเลียมเหลวโดยมีการใช้ขยะเศษพลาสติกเป็นวัตถุดิบ
4. ส่งเสริมการใช้เอทานอล การใช้แก๊สโซฮอล์ในช่วงสามเดือนแรกปี 2551 อยู่ที่ระดับ 7.4 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 108.4 โดยแก๊สโซฮอล์ 95 เพิ่มขึ้นร้อยละ 76.6 และแก๊สโซฮอล์ 91 เพิ่มขึ้นร้อยละ 420.8 โดยเป็นผลจากมาตรการส่งเสริมในแต่ละด้าน ได้แก่ เริ่มจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (E20) การกำหนดราคาแก๊สโซฮอล์ 95 (E10) ต่ำกว่าเบนซิน 95 อยู่ 4 บาทต่อลิตร และราคาแก๊สโซฮอล์ 95 (E20) ราคาต่ำกว่า 6 บาทต่อลิตร ลดภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (E20) จาก ร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 20 (ราคาจำหน่ายลดลง 30,000-50,000 บาท/คัน) การเตรียมพร้อมที่จะจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (E85) และแนวทางที่จะส่งเสริมรถยนต์ที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (E85)
5. ส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล ความต้องการใช้น้ำมันไบโอดีเซลในเดือนมีนาคม 2551 เพิ่มขึ้นจาก 0.044 ล้านลิตรต่อวัน เป็น 1.461 ล้านลิตรต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3,220 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเป็นผลจากมาตรการส่งเสริมในแต่ละด้าน ได้แก่ การประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนเข้าใจและมีความมั่นใจในคุณภาพของน้ำมัน กำหนดราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 ต่ำกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 1 บาทต่อลิตร เพิ่มสถานีบริการน้ำมันไบโอดีเซล (B5) จาก 200 แห่ง เป็น 1,289 แห่ง กำหนดให้ผสมน้ำมันดีเซลหมุนเร็วด้วยไบโอดีเซล 2% ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2551 ส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมันโดยร่วมกับ ธกส. ให้สินเชื่อในวงเงิน 7,000 ล้านบาท เพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน 7 แสนไร่ ภายในปี 2553 โดยอัตรา MRR-5 ปลอดชำระเงินต้นคืน 4 ปี
6. คณะกรรมการกองทุนฯ ได้จัดสรรเงินกองทุนฯ ในกรอบวงเงินรวม 87,849 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปี 2551-2554 ที่ กพช. เห็นชอบไว้ ดังนี้
แผนใช้จ่ายเงิน ปี | 2551 | 2552 | 2553 | 2554 | 2555* | รวม 5 ปี |
(1) แผนพลังงานทดแทน | 2,838 | 1,190 | 1,065 | 880 | 1,110 | 7,332 |
(2) แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 14,138 | 17,855 | 15,923 | 15,866 | 16,486 | 80,267 |
(3) แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ | 250 | - | - | - | - | 250 |
รวมทั้งสิ้นประมาณ | 17,225 | 19,044 | 16,988 | 16,746 | 17,596 | 87,849 |
7. ฐานะการเงินของกองทุนฯ ณ ต้นเดือนมกราคม 2551 มีเงินคงเหลือ 3,912 ล้านบาท และเมื่อประมาณการรายรับเฉลี่ย 600 ล้านบาท/เดือน หักด้วยรายจ่ายเฉลี่ย 800 บาท/เดือน ก็ยังมีสภาพคล่อง และมีเงินคงเหลือสะสมปลายปีประมาณ 1,168 ล้านบาท
มติที่ประชุม
รับทราบความก้าวหน้าของการดำเนินงาน ตามที่ สนพ. รายงาน และมีความเห็นเพิ่มเติมดังต่อไปนี้
1. การเลือกใช้เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของไทย ประธานกรรมการฯ มีความเห็นว่า มีก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก ประมาณร้อยละ 65 สัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน ร้อยละ 10 การใช้เชื้อเพลิงบางอย่างก็มีข้อจำกัด เช่น ถ่านหิน แม้ว่าจะเป็นเทคโนโลยีสะอาด แต่ประชาชนก็ยังมีข้อกังวลในด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้ประเทศไทยผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอแก่ความต้องการที่เพิ่มขึ้นคือ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซึ่งประเทศเวียดนามได้ประกาศเดินหน้าไปแล้ว ประเทศไทยจึงไม่ควรล่าช้า สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดกับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิล (Chernobyl Nuclear Power Plant) ที่เมืองเชอร์โนบิล ประเทศยูเครนนั้น ปัจจุบันเทคโนโลยีได้มีการพัฒนาไปมาก ซึ่งวิศวกรของไทยก็มีศักยภาพในการพัฒนาต่อยอดในด้านนิวเคลียร์ได้ จึงเห็นว่าประเทศไทยควรเร่งผลักดันในเรื่องนี้ให้ชัดเจนโดยเร็ว
2. ที่ประชุมเห็นด้วยกับการเร่งผลักดันโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ และอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมมีความเห็นเพิ่มเติมว่า กระทรวงพลังงานควรเร่งศึกษาและกำหนดพื้นที่ที่จะก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้ชัดเจนและเร่งให้เร็วขึ้นกว่าแผนเดิม เพราะการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ต้องใช้เวลานานกว่า 10 ปี สำหรับการสร้างความเข้าใจกับประชาชนนั้น สามารถบูรณาการงานร่วมกันกับหลายหน่วยงานได้ ที่ประชุมได้มอบหมาย สนพ. ให้นำความก้าวหน้าของแผนงานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มารายงานต่อที่ประชุมในครั้งต่อไป และให้รายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติด้วย
3. นโยบายการส่งเสริมด้านไบโอดีเซล ประธานกรรมการฯ ได้ขอให้กระทรวงพลังงานมีความระมัดระวัง ศึกษารายละเอียดทุกด้านให้ชัดเจนก่อนที่จะกำหนดนโยบายผลักดันไบโอดีเซลเพื่อให้มีการใช้ในปริมาณมาก และระวังเรื่องการเร่งดำเนินการส่งเสริมเชิงรุก เพราะอาจส่งผลกระทบให้เกษตรกร เช่น จังหวัดจันทบุรี หรือระยอง เลิกปลูกเงาะ มังคุด ฯลฯ และนำพื้นที่ไปปลูกปาล์มน้ำมันแทน
4. ปลัดกระทรวงพลังงาน ได้ชี้แจงที่ประชุมเรื่องการนโยบายผลักดันส่งเสริมด้านไบโอดีเซลนั้น กระทรวงพลังงานได้ระวังและให้ความสำคัญกับเรื่องสมดุลย์ของการใช้พื้นที่อยู่แล้ว โดยประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสถาบันการศึกษา อาทิ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อจับคู่ศึกษาความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ระหว่างปาล์มน้ำมันกับพืชเศรษฐกิจในพื้นที่ ก่อนจะดำเนินการส่งเสริมการปลูก เช่น ยางพาราในภาคใต้ หรือ เงาะ และมังคุดในภาคตะวันออก การนำพื้นที่ร้างเช่น สวนส้มร้าง จ.ปทุมธานี ที่มีความเป็นดินเปรี้ยวสูงแต่สามารถปลูกปาล์มน้ำมันได้
5. ประธานกรรมการฯ เห็นว่าการประสานความร่วมมือของ 3 หน่วยงาน ตามที่ปลัดกระทรวงพลังงานแจ้งต่อที่ประชุมนั้น เป็นเรื่องที่ดีแล้ว และฝากเรื่องการดูแลเรื่องการจัดการเขตการปลูกพืชน้ำมัน (Zoning) นั้นให้ระวังว่าต้องสามารถกำกับดูแลควบคุมได้อย่างจริงจังด้วย
6. การบริหารเงินของกองทุนฯ ประธานกรรมการฯ ได้สอบถามเรื่องฐานะการเงินของกองทุนฯ ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้ชี้แจงว่า สนพ. มีเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชีดูแลอยู่ และที่ผ่านมากองทุนฯ ก็อยู่ในการกำกับดูแลของกรมบัญชีกลางด้วย ในการนี้ผู้แทนกรมบัญชีกลางได้แจ้งเพิ่มเติมว่า การใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ จะเป็นไปตามแผนงานที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้พิจารณาเห็นชอบไว้ โดยฐานะการเงินของกองทุนฯ ณ เดือนเมษายน 2551 มีเงินคงเหลืออยู่ประมาณ 5 พันล้านบาท
7. อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้มีคำถามเกี่ยวกับการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนของราชการ ซึ่งผู้แทนกรมบัญชีกลางได้แจ้งที่ประชุมว่าตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับมาตรการกำกับดูแลเงินนอกงบประมาณไว้เมื่อปี 2546 กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ติดตามผลการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว ซึ่งผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2549 โดยภาพรวมอยู่ในระดับ 3.24 คะแนนจาก 5 คะแนนเต็ม ประธานกรรมการฯ ได้ฝากฝ่ายเลขานุการฯ ดูแลการใช้เงินจากกองทุนฯ ให้เป็นไปด้วยความถูกต้องตามหลักการ ถูกกฎหมาย ถูกประเภท และวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ
8. เป้าหมายของแผนอนุรักษ์พลังงานในช่วงปี 2551-2554 ผู้แทนเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีความเห็นว่า ฝ่ายเลขานุการฯ ควรทบทวนเป้าหมายดังกล่าว เนื่องจากคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจที่ได้มีการประชุมไปเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2551 ได้เห็นชอบกรอบมาตรการแก้ไขวิกฤตพลังงานและสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึงมีการเร่งผลักดันส่งเสริมการใช้ NGV ให้มากขึ้น เริ่มส่งเสริมการผลิตและการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E-85 การนำร่องรณรงค์ประหยัดการใช้พลังงานในทุกภาคส่วน เช่น การถอดสูท การปรับแอร์ในห้องประชุมเป็น 26 องศาเซลเซียส การปรับเปลี่ยนรถประจำทาง ขสมก. เป็นรถ NGV จำนวน 6,000 คัน เป็นต้น
เรื่องที่ 2 มาตรการประหยัดพลังงานเพื่อประชาชน
สรุปสาระสำคัญ
1. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งที่ประชุมว่า เนื่องจากเอกสารการประชุมของเรื่องที่ 4.1 ที่หน้า 4 หน้า 7 และหน้า 8 มีข้อความที่คลาดเคลื่อนไปจากข้อเสนอโครงการฯ จึงขออนุญาตใช้เอกสาร "เรื่องที่ 4.1 มาตรการประหยัดพลังงานเพื่อประชาน" ชุดใหม่ที่แจกในห้องประชุม
2. ด้วยสถานการณ์ ราคาน้ำมันตลาดโลกมีระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งประเทศไทยที่ต้องนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศเป็นหลักจึงได้รับผลกระทบในทุกด้าน แม้จะมีแนวทางและมาตรการที่จะลดการใช้พลังงานในแต่ละภาคส่วนตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วง 2551-2554 ไว้ชัดเจนแล้ว แต่จะเกิดผลในระยะกลางถึงระยะยาว และมุ่งเน้นในภาคที่มีการใช้พลังงานสูง คือภาคอุตสาหกรรม ภาคขนส่ง
3. กระทรวงพลังงานจึงได้จัดทำมาตรการประหยัดพลังงานเพื่อประชาชนรวม 11 มาตรการ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในสถานการณ์ราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย มาตรการสินเชื่อครัวเรือน มาตรการสินเชื่อพลังงาน มาตรการการติดฉลากประหยัดพลังงาน การ "Standby Power 1- Watt" มาตรการส่งเสริมให้วัด-มัสยิด เป็นศูนย์กลางในการประหยัดพลังงานในชนบท มาตรการร่วมมือกับผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5 มาตรการจัดตั้งหน่วยพลังงานเคลื่อนที่เพื่อให้ความรู้ในการประหยัดพลังงานและพลังงานทดแทนแก่ประชนในหมู่บ้านชนบท มาตรการออกมาตรฐานอาคารก่อสร้างใหม่ (Building Energy Code) มาตรการกำกับอนุรักษ์พลังงานในโรงงาน/อาคารควบคุม ISO พลังงาน เพื่อบังคับให้โรงงาน/อาคารควบคุม ดำเนินการอนุรักษ์พลังงานด้วยการจัดการพลังงาน มาตรการให้บริการล้างแอร์ฟรี 20,000 เครื่อง ให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าครัวเรือนที่มีค่าไฟฟ้าไม่เกิน 1,500 บาท/เดือน โดยช่างล้างแอร์ของเครือข่าย Green Shop 1,800 แห่งทั่วประเทศ และมาตรการ "ปรับแต่งเครื่องยนต์ (Tune Up) เพื่อลดการใช้พลังงาน" สถานีบริการน้ำมัน ปตท. บนถนนสายหลักทั่วประเทศ 50 แห่ง ศูนย์บริการปตท. (Procheck) ทุกสาขา ศูนย์บริการบางจากกรีนออโต้เซอร์วิส และกรีนเซิร์ฟของบางจาก ทุกสาขา ให้บริการตรวจเช็คสภาพรถฟรีในช่วงเมษายน-พฤษภาคม 2551 จาก 11 มาตรการข้างต้น คาดว่าจะช่วยลดการใช้พลังงานได้ 1 แสนล้านบาทต่อปี
4. มาตรการประหยัดพลังงาน "โครงการทุนหมุนเวียนสำหรับยานยนต์ NGV ของ ปตท." และ "โครงการสินเชื่อพลังงานครัวเรือน ของ พพ." เป็นโครงการเร่งด่วน แต่เนื่องจากทั้ง 2 หน่วยงานไม่ได้เตรียมงบประมาณไว้สำหรับดำเนินการ กระทรวงพลังงานจึงได้นำมาเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณา โดยสรุปสาระสำคัญของแต่ละโครงการได้ดังนี้
4.1 โครงการทุนหมุนเวียนสำหรับยานยนต์ NGV ระยะที่ 2
4.1.1 มติคณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อ 13 ตุลาคม 2548 และ 2 มิถุนายน 2549 ได้จัดสรรเงินกองทุนฯ 2,000 ล้านบาท ให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นำไปสมทบกับเงินของ ปตท. 5,000 ล้านบาท รวมเป็น 7,000 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนให้สินเชื่อกับเจ้าของยานยนต์ที่ต้องการดัดแปลง และ/หรือติดตั้งอุปกรณ์ใช้ NGV ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายดำเนินการของผู้ประกอบการรถโดยสาร และเป็นการชะลอการขอขึ้นค่าโดยสาร อันจะกระทบกับประชาชนโดยรวม สรุปผลการดำเนินงานได้ดังนี้
1) โครงการทุนหมุนเวียนฯ ที่ใช้เงินของ ปตท. 5,000 ล้านบาท
ปตท. บริหารผ่านธนาคารพาณิชย์ 9 แห่ง เพื่อปล่อยกู้ให้กับบุคคลในอัตราร้อยละ 5 และนิติบุคคลในอัตราร้อยละ 4 ปัจจุบันมีผู้กู้ 1,134 ราย วงเงิน 724 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการพิจารณา 2 ราย วงเงิน 35 ล้านบาท
ธนาคารพาณิชย์ 9 แห่ง ประกอบด้วย กรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ กรุงไทย ไทยธนาคาร กรุงศรีอยุธยา ทหารไทย ออมสิน และธนชาต
ปตท. จะเป็นผู้อนุมัติสินเชื่อเอง กรณีที่สถาบันการเงินไม่สามารถให้กู้ได้ ในอัตรา MOR+2 ปัจจุบันมีนิติบุคคลที่ได้รับอนุมัติ 3 ราย วงเงิน 60 ล้านบาท
2) โครงการทุนหมุนเวียนฯ ที่ใช้เงินของกองทุนฯ 2,000 ล้านบาท
ปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการรถร่วมโดยสาร ในอัตราร้อยละ 0.5 ปัจจุบันมีผู้ได้รับอนุมัติแล้ว 26 ราย รถ 1,473 คัน วงเงิน 695 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการพิจารณา 11 ราย รถ 2,100 คัน วงเงิน 1,900 ล้านบาท
4.1.2 มติ กพช. เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2551 ได้เห็นชอบแนวทางการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยให้เพิ่มวงเงินให้กับ โครงการทุนหมุนเวียนสำหรับยานยนต์ NGV จาก 7,000 ล้านบาท เป็น 9,000 ล้านบาท โดยเงิน 2,000 ล้านบาท ที่เพิ่มขึ้น สำหรับปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการรถโดยสาร ให้นำมาขอใช้เงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
4.1.3 ปตท. จึงได้จัดทำรายละเอียดข้อเสนอ "โครงการทุนหมุนเวียนสำหรับยานยนต์ NGV ระยะที่ 2" เพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในวงเงิน 2,000 ล้านบาท นำไปให้ผู้ประกอบการรถโดยสาร และหน่วยงานภาครัฐหรือรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับการคมนาคมขนส่ง กู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยต่ำ 0.5% ต่อปี เพื่อเป็นค่าดัดแปลงเครื่องยนต์เดิม รถโดยสาร (รถ ขสมก. รถร่วม ขสมก. รถ แท๊กซี่) ให้สามารถใช้ NGV มีเป้าหมายจำนวน 3,000 คัน และผู้ประกอบการที่จะจัดตั้งสถานีบริการ NGV โดยมีคณะกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียนของ ปตท. ทำหน้าที่บริหารเงินทุนและพิจารณาการให้สินเชื่อ โดย ปตท. จะปล่อยกู้ภายใน 3 ปี นับจากวันที่ลงนามยืนยันการรับทุน และคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย 0.5% ต่อปี ให้กองทุนฯ เป็นรายไตรมาส ภายในเวลา 5 ปี
ผลที่คาดว่าจะได้รับ คือสามารถทดแทนการใช้น้ำมันสำเร็จรูปประมาณ 100 ล้านลิตร/ปี คิดเป็นมูลค่าทดแทนการนำเข้า 1,930 ล้านบาท/ปี โดยใช้ก๊าซธรรมชาติประมาณ 3,600 ล้านลูกบาศก์ฟุต/ปี และช่วยลดมลพิษจากไอเสียของเครื่องยนต์จากการใช้ NGV ประกอบด้วยคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ได้ประมาณ 3,200 ตัน/ปี ไนโตรเจนออกไซด์ (NOX) ได้ประมาณ 5,400 ตัน/ปี ไฮโดรคาร์บอน (HC) ได้ประมาณ 280 ตัน/ปี และลดปริมาณผงฝุ่นจากเข่มาควันดำ (PM) ได้ประมาณ 280 ตัน/ปี
4.2 โครงการสินเชื่อพลังงานครัวเรือน
4.2.1 เป็นโครงการสินเชื่อสำหรับรายย่อย ดอกเบี้ย 0% เพื่อการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ให้แก่ประชาชนผู้สนใจ โดยมีวงเงินสินเชื่อประมาณ 1,000 ล้านบาท มาใช้ในการดำเนินการในโครงการร่วมกับสถาบันการเงิน มีกรมพัฒนาพลังานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เป็นผู้ดำเนินการ เริ่มดำเนินการในเดือน พฤษภาคม 2551 - กันยายน 2552 ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ ที่ พพ. ไม่ได้เตรียมงบประมาณไว้สำหรับโครงการนี้
4.2.2 เพื่อให้ "มาตรการสินเชื่อครัวเรือน" สามารถดำเนินการได้โดยเร็ว พพ. จึงเสนอที่จะปรับรายละเอียดของการใช้จ่ายเงินของ "โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3" ที่ พพ. ได้รับจัดสรรเงินกองทุนไว้ 2,000 ล้านบาท ซึ่งเดิมให้สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ นำไปเป็นเงินหมุนเวียนให้แก่โรงงาน อาคาร และบริษัทจัดการพลังงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยสถาบันการเงินต้องปล่อยกู้ภายในระยะเวลา 3 ปี และ ส่งเงินคืนกองทุนฯ ผ่าน พพ. ในเวลา 10 ปี นับจากวันที่ได้รับอนุมัติ นั้น พพ. จะขอเพิ่มกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมถึง "ภาคประชาชน" ด้วย พร้อมนี้ พพ. จะขออนุมัติในหลักการในการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2551 ที่ พพ. ได้รับจัดสรรจากกองทุนฯ ไปแล้วเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับ "โครงการสินเชื่อพลังงานครัวเรือน" เช่น เงินอุดหนุนสถาบันการเงินที่เข้าร่วม สำหรับ ค่าดอกเบี้ย ค่าบริหารจัดการ และค่าความเสี่ยงของโครงการฯ ค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารโครงการฯ เป็นต้น
4.2.3 พพ. ได้จัดทำรายละเอียด "โครงการสินเชื่อพลังงานครัวเรือน" เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณา โดยคาดว่าจะใช้เงินกองทุนฯ ประมาณ 1,057.5 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น เงินทุนหมุนเวียน 1,000 ล้านบาท เงินสำหรับธนาคารที่เข้าร่วมโครงการฯ 50 ล้านบาท และเงินค่าจ้างที่ปรึกษาของ พพ. 3 ล้านบาท/ปี (รวมระยะเวลาโครงการ 2 ปี 6 เดือน เป็นเงิน 7.5 ล้านบาท)
พพ. จะนำเงินกองทุนฯ 1,000 ล้านบาท ไปใช้เป็นเงินหมุนเวียน เพื่อจัดสรรให้สถาบันการเงิน และนำไปปล่อยสินเชื่อให้แก่ภาคประชาชน สำหรับการจัดซื้ออุปกรณ์ประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูง (ตามรายการที่ พพ. กำหนด) โดยไม่คิดอัตราดอกเบี้ย โดยมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังนี้
1) การขอสินเชื่อต้องเป็นอุปกรณ์ประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูง
1.1) เครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 ทุกชนิด
1.2) อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเบอร์ 5 ที่ได้ปรับปรุงมาจากอุปกรณ์ ประสิทธิภาพสูง เบอร์ 5
1.3) อุปกรณ์ประหยัดพลังงานในครัวเรือนที่ พพ. เห็นชอบ
2) วงเงินสินเชื่อสำหรับอุปกรณ์ต่างๆ ตามข้อ 1) ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท ยกเว้นเครื่องปรับอากาศให้ในวงเงินตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 20,000 บาท โดยคืนซากของเครื่องปรับอากาศและตู้เย็นเดิม
3) สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ เช่น กรุงไทย กรุงศรีอยุธยา ออมสิน ธกส.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ คือ ภาคประชาชนไม่น้อยกว่า 75,000 ครัวเรือน ได้รับสินเชื่อเพื่อซื้ออุปกรณ์ประหยัดพลังงาน และช่วยประหยัดพลังงานไม่น้อยกว่า 50 ktoe หรือ 1,000 ล้านบาทต่อปี
มติที่ประชุม
1. อนุมัติเงินกองทุนฯ แผนพัฒนาพลังงานทดแทน งานส่งเสริมและสาธิต ปีงบประมาณ 2551 เพิ่มเติม 2,000 ล้านบาท ให้ สนพ. เพื่อนำไปจัดสรรให้กับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในวงเงิน 2,000 ล้านบาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน "โครงการทุนหมุนเวียนสำหรับยานยนต์ NGV ระยะที่ 2" ตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2551
2. อนุมัติให้ พพ. เปลี่ยนแปลงรายละเอียดการใช้จ่ายเงินของ "โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3" โดยเพิ่มกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมถึง "ภาคประชาชน" ได้ และให้ พพ. สามารถโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2551 ที่ได้รับจัดสรรจากกองทุนฯ ไปแล้วเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับ "โครงการสินเชื่อพลังงานครัวเรือน" 1,057.5 ล้านบาท โดยปรับแก้ไขวงเงินสินเชื่อสำหรับเครื่องปรับอากาศให้ในวงเงินตามที่จ่ายจริงจำนวน 1 เครื่อง ขนาดไม่เกิน 18,000 BTU/hr ในวงเงินไม่เกิน 30,000 บาทต่อเครื่อง
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ด้วยมีเรื่องเร่งด่วนเกี่ยวกับการบริหารจัดการเงินกองทุนฯ เนื่องจากกรมบัญชีกลางจะโอนเรื่องการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินของกองทุนฯ มาไว้กับกระทรวงพลังงาน แต่ด้วยปัจจุบันระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน ยังไม่เรียบร้อย และเพื่อให้สามารถใช้ระเบียบฉบับเดิมไปก่อนเป็นการชั่วคราว ฝ่ายเลขานุการฯ จึงเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเป็นวาระเพิ่มเติม โดยได้แจกเอกสารในห้องประชุม
สรุปสาระสำคัญ
1. ตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 "มาตรา 24 (6) กำหนดให้กระทรวงการคลังเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ต่อมาในปี 2544 กระทรวงการคลังได้มีนโยบายเรื่องการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินของกองทุนที่เป็นเงินนอกงบประมาณ โดยเห็นควรให้หน่วยงานต้นสังกัดเป็นผู้ดูแลเอง
2. ในการแก้ไข พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 จึงได้มีการแก้ไข "มาตรา 24 (6) กำหนดให้กระทรวงพลังงานเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" และเพิ่มเติม "มาตรา 24/1 ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สิน และเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในกระทรวงการคลัง ไปเป็นของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามพระราชบัญญัตินี้" ซึ่งจะมีผลบังคับในวันที่ 2 มิถุนายน 2551
3. เพื่อให้การดำเนินงานในการรับโอนงานจากกรมบัญชีกลางมีความต่อเนื่อง และถูกต้องตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 กระทรวงพลังงานจึงได้มีหนังสือลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551 เกี่ยวกับเรื่องการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินของกองทุนฯ รวมถึงรับโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สิน และเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในกระทรวงการคลัง โดยมอบหมายสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการกองทุนฯ ให้เป็นผู้ทำหน้าที่แทนกรมบัญชีกลาง
4. สิทธิและหน้าที่ของ สนพ. ในการปฏิบัติงานแทนกรมบัญชีกลางตามข้อ 2 จะเกิดขึ้นพร้อมกับวันที่ พรบ.อนุรักษ์ฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 มีผลบังคับใช้ คือในวันที่ 2 มิถุนายน 2551 แต่เนื่องจากร่างระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. .... ที่จะนำมาใช้แทนระเบียบฉบับเดิม (พ.ศ. 2537) ยังอยู่ในขั้นตอนขอความเห็นจากส่วนนิติการของกระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่าจะเสร็จเรียบร้อยและมีผลบังคับใช้ประมาณเดือนตุลาคม 2551
5. ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นว่าเพื่อให้การดำเนินงานของกองทุนฯ ในช่วงเปลี่ยนผ่านของการรับโอนงานจากกรมบัญชีกลาง จนกว่าระเบียบใหม่มีผลใช้บังคับ ไม่ต้องหยุดชะงักและเกิดความเสียหาย จึงเสนอต่อที่ประชุมเพื่อขออนุมัติให้ สนพ. ทำหน้าที่การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การจำหน่ายทรัพย์สินของกองทุนฯ และการบัญชี โดยให้ปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 โดยอณุโลม ทั้งนี้ ข้อความใดๆ ในระเบียบนั้นที่กล่าวถึง "กรมบัญชีกลาง" ให้หมายถึง "สนพ." และให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2551 เป็นต้นไป จนกว่าระเบียบใหม่จะมีผลใช้บังคับ
6. ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 ข้อ 6 กำหนดให้เปิดบัญชีเงินฝาก "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ประเภทเงินฝากกระแสรายวัน เงินฝากออมทรัพย์ หรือเงินฝากประจำกับสถาบันการเงินที่เป็นของรัฐหรือธนาคารพาณิชย์ตามที่คณะกรรมการกองทุนเห็นสมควร โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
7. สนพ. ขอเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์ (ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขา กิ่งเพชร) สำหรับรองรับการโอนเงินจากบัญชีเงินฝากกองทุนฯ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการเบิกจ่ายเงิน และโอนเงินให้แก่ผู้เบิกเงินกองทุน และผู้ได้รับจัดสรรเงินกองทุน เนื่องจากมีสถานที่ตั้งอยู่ใกล้กับ สนพ. ทำให้ได้รับความสะดวกคล่องตัว ประหยัดพลังงาน และประหยัดเวลาในการเดินทาง ทั้งนี้ สนพ. ได้ประสานการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้บริการทุกประเภทกับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ เรียบร้อยแล้ว
มติที่ประชุม
1. อนุมัติให้ สนพ. นำระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สิน และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2537 (ฉบับเดิม) มาใช้แทนเป็นการชั่วคราว โดยขอเปลี่ยนหน่วยงานผู้บริหารงานจาก กรมบัญชีกลาง เป็น สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ตามข้อเสนอในข้อ 2.1 ของเรื่องที่ 5.1 ทั้งนี้โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2551 เป็นต้นไป จนกว่าระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ จะประกาศใช้
2. อนุมัติให้ สนพ. เปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์ (ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขา กิ่งเพชร) สำหรับรองรับการโอนเงินจากบัญชีเงินฝากกองทุนฯ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในวงเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท สำหรับในการเบิกจ่ายเงิน และโอนเงินให้แก่ผู้เบิกเงินกองทุน และให้ขอความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังตามขั้นตอนต่อไป
ฝ่ายเลขานุการฯ ได้จัดทำร่างรายงานการประชุมเสนอที่ประชุมพิจารณา และที่ประชุมได้รับรองมติของที่ประชุมตามวาระที่ 4.1 และ 5.1 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ สรุปเสนอ
กอ. ครั้งที่ 51 - วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน 2553
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 3/2553 (ครั้งที่ 52)
วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม 2553 เวลา 15.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
2. รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553
3. ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557
4. รายงานการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553
5. รายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
6. บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง
7. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. เลขานุการฯ ได้แจ้งที่ประชุมทราบว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2553 ได้มีมติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนฯ จำนวน 7 ราย ดังนี้
2. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2553 ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2553 เป็นต้นไป และฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านทราบแล้ว
1.1 นายสวัสดิ์ ตันตระรัตน์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม |
1.2 นายสมชาติ โสภณรณฤทธิ์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.3 นายกฤษณพงศ์ กีรติกร | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.4 หม่อมราชวงศ์พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.5 นายยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.6 นางสาวพวงเพชร สารคุณ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.7 นายพรายพล คุ้มทรัพย์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ |
มติที่ประชุม
รับทราบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
รับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
เรื่องที่ 2 ความคืบหน้าการดำเนินโครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนา เทคโนโลยีอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2553
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติเงินกองทุนฯ ให้ สนพ. สำหรับใช้ในโครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนา เทคโนโลยีอนุรักษ์พลังงาน ในวงเงิน 80 ล้านบาท และโครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนา เทคโนโลยีพลังงานทดแทน ในวงเงิน 200 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ อุดหนุน ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา องค์กรเอกชน ในการค้นคว้า วิจัย พัฒนา สาธิต หรือริเริ่มการดำเนินงานด้านอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทน หรือเกี่ยวกับการป้องกัน แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการใช้พลังงาน และสนับสนุนนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาล หรือภารกิจของกระทรวงพลังงาน โดยนำเสนอผู้มีอำนาจอนุมัติภายในวงเงิน ดังต่อไปนี้
(1) ผอ.สนพ. | ไม่เกิน 10,000,000 บาท |
(2) คณะอนุกรรมการกองทุนฯ | เกิน 10,000,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000,000 บาท |
(3) คณะกรรมการกองทุนฯ | เกิน 50,000,000 บาท |
2. เพื่อให้การดำเนินงานพิจารณาข้อเสนอโครงการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สนพ. ได้จัดตั้งคณะกรรมการพิจารณาข้อเสนอโครงการเพื่อทำหน้าที่กลั่นกรองโครงการ โดยมีองค์ประกอบ ดังนี้
(1) รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน | ประธานคณะทำงาน |
(2) ผู้แทนคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน | คณะทำงาน |
(3) ผู้แทนสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย | คณะทำงาน |
(4) ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ | คณะทำงาน |
(5) ผู้แทนกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน | คณะทำงาน |
(6) ผู้อำนวยการสำนักนโยบายอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน | คณะทำงานและเลขานุการ |
3. สนพ. ได้แต่งตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์โครงการสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการพิจารณาข้อเสนอโครงการ โดยแต่ละข้อเสนอโครงการจะมีผู้เชี่ยวชาญตามกลุ่มเทคโนโลยีของโครงการอย่างน้อย 3 ท่าน ทำการตรวจสอบระเบียบวิธีวิจัย ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการวิจัย และเสนอความเห็นเกี่ยวกับโครงการ สำหรับใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาข้อเสนอโครงการ ก่อนเสนอ ผอ.สนพ. และ/หรือ คณะอนุกรรมการกองทุนฯ และ/หรือ คณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาจัดสรรทุนต่อไป
4. สนพ. ได้ประกาศการสมัครรับทุนอุดหนุนการวิจัย โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนา เทคโนโลยีอนุรักษ์พลังงาน เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2553 และประกาศการสมัครรับทุนอุดหนุนการวิจัย โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนา เทคโนโลยีพลังงานทดแทน เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2553 ตามหัวข้อวิจัยที่ได้เสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ ไว้แล้ว โดยเปิดรับข้อเสนอโครงการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2553-30 มิถุนายน 2553 ซึ่งคาดว่าจะอนุมัติโครงการได้ในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม 2553
มติที่ประชุม
รับทราบความคืบหน้าการดำเนินโครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนา เทคโนโลยีอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทน ปีงบประมาณ 2553
เรื่องที่ 3 ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557
1. กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2552 ได้มีมติให้ยกเลิกการจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนอนุรักษ์ฯ ในส่วนที่เก็บเพื่อส่งเสริมโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่งของทั้งน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล ที่จัดเก็บในอัตรา 0.50 บาท/ลิตร และให้โอนเงินที่ได้จัดเก็บไว้แล้ว มาสบทบกับเงินสำหรับส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และลดอัตราจัดเก็บเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ของน้ำมันดีเซลสำหรับส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน จากที่เก็บอยู่ 0.25 บาท/ลิตร เหลือ 0.05 บาท/ลิตร เป็นระยะเวลา 1 ปี และให้จัดเก็บในอัตราเดิม คือ 0.25 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2553
2. รายได้ที่จัดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ สำหรับ "โครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง" ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2551 - 1 ตุลาคม 2552 รวมทั้งสิ้น 8,151.37 ล้านบาท โดยปัจจุบันได้โอนเงินดังกล่าวเข้าสมทบกับเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ทั้งนี้ฐานะเงิน "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 16,385 ล้านบาท
3. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้จัดทำประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 สรุปได้ดังนี้
หน่วย: ล้านบาท
ปีงบประมาณ | 2554 | 2555 | 2556 | 2557 | รวมช่วงปี54-57 |
1.เงินคงเหลือณวันที่ 30 กันยายน 2553 | 16,385 | 16,385 | |||
2.ยอดยกมาต้นปีงบประมาณ | 17,536 | 22,272 | 29,666 | ||
3.รายรับประกอบด้วย | |||||
3.1 ประมาณรายรับจากผู้ผลิต/ผู้นำเข้าน้ำมัน | 7,083 | 7,214 | 7,379 | 7,453 | 29,129 |
3.2 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากพพ. | 968 | 862 | 671 | 710 | 3,210 |
3.3 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากปตท. | 211 | 212 | 204 | 135 | 762 |
ปีงบประมาณ | 2554 | 2555 | 2556 | 2557 | รวมช่วงปี54-57 |
3.4 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากกฟผ. | 550 | - | - | 400 | 950 |
รวมรับ | 8,812 | 8,288 | 8,254 | 8,698 | 34,051 |
4.รายจ่ายประกอบด้วย | |||||
4.1 รายจ่ายผูกพันปี 2538-2547 | 274 | 132 | 21 | - | 426 |
4.2 รายจ่ายผูกพันปี 2548-2552 | 4,701 | 3,420 | 838 | 766 | 9,726 |
4.3 รายจ่ายผูกพันปี 2553 (สนพ.) | 1,281 | 1,281 | |||
4.4 รายจ่ายผูกพันปี 2553 (พพ.) | 1,406 | 1,406 | |||
รวมจ่าย | 7,661 | 3,552 | 860 | 766 | 12,839 |
5.เงินคงเหลือปลายปี (1+2+3-4) ยกไป | 17,536 | 22,272 | 29,666 | 37,598 | 37,598 |
ประมาณการรายได้/รายจ่ายสุทธิ (3-4) | 1,151 | 4,736 | 7,394 | 7,932 | 21,213 |
มติที่ประชุม
รับทราบประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 4 รายงานการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553 ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ในวงเงิน 1,823,952,000 บาท และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในวงเงิน 1,379,613,752 บาท รวมเป็นเงิน 3,203,565,752 บาท โดยแยกเป็นแผนพลังงานทดแทน ในวงเงิน 1,039,305,450 บาท แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในวงเงิน 2,034,859,090 บาท และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ในวงเงิน 129,401,212 บาท
2. พพ. และ สนพ. ได้ดำเนินโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ปีงบประมาณ 2553 ตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ไว้แล้ว โดยมีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นจำนวนเงิน 2,931,520,752 บาท คิดเป็นร้อยละ 91.51 ของงบประมาณรวม และได้เบิกจ่ายเงินคิดเป็นร้อยละ 23 ของงบที่ผูกพัน ดังนี้
2.1 การดำเนินโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน ได้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 979.95 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 94 ของงบที่ได้รับ
2.2 การดำเนินโครงการภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ได้มีใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 1,822.17 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 90 ของงบที่ได้รับ
2.3 การดำเนินงานภายใต้แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ได้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 129.40 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 100 ของงบที่ได้รับ
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553 ตามที่ ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 5 รายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
1. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม 2551 - 31 กรกฎาคม 2552 เพื่อให้ทราบว่าการดำเนินงานของกองทุนฯ และโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ มีผลการดำเนินงานบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายหรือไม่การใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ประหยัด และคุ้มค่าหรือไม่ อย่างไร โดยขอตรวจสอบตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549-2551 และได้ขอความร่วมมือ สนพ. จัดเตรียมเอกสารและข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับกองทุนฯ และสถานที่ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานระหว่างการตรวจสอบ
2. สตง. ได้แจ้งผลและส่งรายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549-2551 มายัง สนพ. เพื่อทราบและดำเนินการตามข้อเสนอแนะ ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ 2 ประเด็น ดังนี้
2.1 การใช้จ่ายเงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ โดยครอบคลุมการใช้จ่ายเงินเพื่อบริหารกองทุนฯ ทั้งในส่วนของ สนพ. และ พพ. ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามภารกิจหน้าที่ของกองทุนฯ ซึ่งกำหนดไว้ในวัตถุประสงค์ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
2.2 ผลการดำเนินงานโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไม่บรรลุวัตถุประสงค์และไม่มีการใช้ประโยชน์ ซึ่ง สตง. ได้ตรวจสอบทั้งหมด 42 โครงการ ตามแผนพลังงานทดแทน และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยมีผลการดำเนินงานโครงการไม่บรรลุวัตถุประสงค์ และไม่มีการใช้ประโยชน์จากโครงการ จำนวน 11 โครงการ (พพ. จำนวน 10 โครงการ และ สนพ. จำนวน 1 โครงการ)
3. สตง. เสนอแนะให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอผลการตรวจสอบของ สตง. ให้ประธานกรรมการกองทุนฯ รับทราบและพิจารณา ดังต่อไปนี้
3.1 กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหาร เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
3.2 จัดให้มีการติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหารเพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งทราบปัญหา อุปสรรค
3.3 ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาของการดำเนินงานโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ โดยการพิจารณาดำเนินการตามรายงานประเมินผลและข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน และแจ้งปัญหาในการดำเนินงานของทั้ง 11 โครงการ ตามผลการตรวจสอบให้ สนพ. และ พพ. ทราบและดำเนินการแก้ไข เพื่อให้การดำเนินงานโครงการมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและยั่งยืน
3.4 กำหนดกฎระเบียบให้ สนพ. และ พพ. ซึ่งได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ จัดส่งข้อมูล โครงการให้กองทุนฯ เพื่อให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ใช้ในการติดตามประเมินผล
3.5 การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กับโครงการที่มีลักษณะการส่งเสริมและสาธิต ในอนาคตต้องกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ก่อน เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับพิจารณาตัดสินใจให้การสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับการดำเนินงานโครงการต่อไป
4. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ สตง. แล้ว สรุปได้ดังนี้
4.1 ได้จัดทำหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการประจำปี 2554 เพื่อใช้ในการพิจารณางบประมาณกองทุนฯ ปี 2554 ดังนี้
1) เกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ประจำปี 2554
เพื่อให้ใช้จ่ายเงินกองทุนในส่วนของงานบริหารงานกองทุนฯ เป็นไปตามเจตนารมณ์ ของพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรการ 25 (4) ที่กำหนดวัตถุประสงค์ให้ "เป็นค่าใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในการบริหารงานการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้" การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ประจำปี 2554 คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำ 2554 ใช้หลักเกณฑ์เบื้องต้นในการพิจารณาจัดสรร ดังนี้
1.1) เป็นรายการค่าใช้จ่ายที่มีความเกี่ยวข้องกับภารกิจและหน้าที่ของกองทุนเพื่อส่งเสริม การอนุรักษ์พลังงาน
1.2) อัตราค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนด และรายการค่าจ้างที่ปรึกษาให้เป็นไปตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
1.3) เป็นรายการค่าใช้จ่ายที่เป็นไปตามภารกิจที่คณะกรรมการกองทุนฯ และคณะอนุกรรมการกองทุนฯ มอบหมาย
1.4) เป็นรายการค่าใช้จ่ายที่ดำเนินการตามตัวชี้วัดเงินทุนหมุนเวียนของกรมบัญชีกลาง
1.5) นำผลประเมินของคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ มาประกอบการพิจารณาในการจัดสรรงบประมาณแต่ละปี
2) แนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณต่อไป
2.1) ฝ่ายเลขานุการฯ จะจัดตั้งคณะทำงานกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ของกองทุนฯ เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณเป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตามภารกิจ หน้าที่ของกองทุนฯ ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนจาก สนพ. พพ. กรมบัญชีกลาง และผู้แทนสำนักงบประมาณ
2.2) นำหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ของกองทุนฯ ที่กำหนดโดยคณะทำงานมาใช้ในการจัดสรรงบประมาณแต่ละปี
4.2 ฝ่ายเลขานุการฯ จะดำเนินการจัดทำหนังสือแจ้งประธานอนุกรรมการประเมินผลฯ เพื่อติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหารต่อไป
4.3 สนพ. และ พพ. ได้ชี้แจงเหตุที่ไม่บรรลุวัตถประสงค์หรือไม่มีการใช้ประโยชน์ พร้อมทั้งเสนอแนวทางการแก้ไขการดำเนินโครงการให้เกิดการใช้ประโยชน์สูงสุด ทั้ง 11 โครงการแล้ว ซึ่งมีรายละเอียดตามเอกสารแนบของระเบียบวาระ
4.4 การจัดส่งข้อมูลโครงการให้กองทุนฯ นั้น ได้เพิ่มเติมข้อเสนอในเรื่องที่ 4.1 เพื่อเป็นมติให้ สนพ. และ พพ. จัดส่งข้อมูลโครงการให้กองทุนฯ เพื่อให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ใช้ในการติดตามประเมินผลแล้ว
4.5 สนพ. ได้มีหนังสือแจ้ง สตง. ให้ทราบผลการดำเนินงานเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตามที่ ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และประธานกรรมการกองทุนฯ ให้ฝ่ายเลขานุการฯ และหน่วยงานทั้ง สนพ. และ พพ. นำข้อท้วงติงของ สตง. ไปเป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินงานต่อไป เพื่อมิให้มีรายการค่าใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ที่ผิดวัตถุประสงค์เกิดขึ้นอีก
เรื่องที่ 6 บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 มีมติอนุมัติให้หน่วยงานต่างๆ ที่มีเงินนอกงบประมาณ ถือปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลเงินนอกงบประมาณ ที่กระทรวงการคลังเสนออย่างเคร่งครัด โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามผล การดำเนินการ และกรมบัญชีกลางเริ่มใช้ระบบประเมินผลทุนหมุนเวียน ตั้งแต่ปีบัญชี 2547 ซึ่งกองทุน เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเป็นทุนหมุนเวียนที่เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงาน ตั้งแต่ปีบัญชี 2549
2. ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 กรมบัญชีกลางได้กำหนดตัวชี้วัดภาคบังคับ "บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียน" ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ทุกทุนหมุนเวียนในความรับผิดชอบของกรมบัญชีกลางจะต้องปฏิบัติตาม โดยมีความมุ่งหวังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลของคณะกรรมการทุนหมุนเวียน โดย จะประเมินจาก 4 ประเด็นหลักที่สำคัญ ดังนี้
2.1 การจัดให้มีทิศทาง แผนยุทธศาสตร์ และแผนปฏิบัติการประจำปี โดยพิจารณาจากคณะกรรมการทุนหมุนเวียนกำหนดทิศทาง ยุทธศาสตร์ และจัดให้มีแผนยุทธศาสตร์หรือแผนระยะยาว และแผนปฏิบัติการประจำปี ที่มีองค์ประกอบครบถ้วน มีคุณภาพ และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์จัดตั้ง รวมถึง พันธกิจของทุนหมุนเวียน
2.2 การติดตามระบบการบริหารจัดการและผลการปฏิบัติงานตามภารกิจของทุนหมุนเวียน โดยพิจารณาจากคณะกรรมการทุนหมุนเวียนมีการติดตามผลการปฏิบัติงานตามพันธกิจและระบบบริหารจัดการที่สำคัญ ได้แก่ ระบบการควบคุมภายใน ระบบการตรวจสอบภายใน ระบบการบริหารความเสี่ยง ระบบบริหารจัดการสารสนเทศ และระบบบริหารทรัพยากรบุคคลของทุนหมุนเวียนอย่างครบถ้วน เพียงพอ และสม่ำเสมอทั้งปี
2.3 การจัดให้มีระบบประเมินผลผู้บริหารทุนหมุนเวียน โดยพิจารณาจากการประเมินผลผู้บริหารระดับสูงที่เป็นระบบ โดยมีหลักเกณฑ์ชัดเจนสอดคล้องและเชื่อมโยงกับหลักเกณฑ์ และเป้าหมายระดับองค์กร
2.4 การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยพิจารณาจากการเปิดเผยข้อมูลสารสนเทศที่ครบถ้วน ถูกต้อง เชื่อถือได้ ทันกาล
3. การกำหนดเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2554 นั้น ฝ่ายเลขานุการฯ กำลังดำเนินการเจรจาต่อรองระหว่างผู้ถูกประเมิน คือ กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (สนพ. และ พพ.) กับผู้ประเมิน คือ กรมบัญชีกลางและทริส เพื่อให้ได้ตัวชี้วัดที่เหมาะสมกับการดำเนินงานของกองทุนฯ มากที่สุด ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จกลางเดือนมกราคม 2554
มติที่ประชุม
รับทราบบทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง ตามที่ ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ รายงานผลการประเมินการดำเนินงานของกองทุนฯ ในแต่ละรอบ ต่อคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อทราบต่อไปด้วย
เรื่องที่ 7 งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ได้รับทราบแผนอนุรักษ์พลังงานและเป้าหมาย ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-2554 ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เสนอ โดยมีเป้าหมายและการดำเนินการจะลดปริมาณการใช้พลังงานลง 7,820 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.8 ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศในปี 2554 และกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้แทนพลังงานเชิงพาณิชย์ 8,858 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 12.2 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554 และ กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 ได้เห็นชอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี โดยกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานทดแทนรวม 10,961 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 15.6 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554
2. สนพ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ได้รวบรวมงบประมาณรายจ่ายตามแผนงานและโครงการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับ ใช้จ่ายเป็นเงินหมุนเวียน เงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุนสำหรับการลงทุน และดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน มาตรา 25 แห่ง "พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" โดยมีหน่วยงานยื่นขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในปีงบประมาณ 2554 เป็นจำนวน 125 โครงการ ในวงเงินทั้งสิ้น 5,365,911,205 บาท
3. การพิจารณากลั่นกรองงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ดำเนินการโดย "คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำปี 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ที่ประธานคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้แต่งตั้งเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 โดยมีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธานคณะทำงานฯ ซึ่งได้เริ่มประชุมพิจารณางบประมาณตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2553 - 3 ธันวาคม 2553 รวม 9 ครั้ง และคณะทำงานฯ ได้ยึดแนวทาง/หลักเกณฑ์การพิจารณากลั่นกรองโครงการฯ ของกองทุนฯ โดยมีหลักเกณฑ์ที่สำคัญ ดังนี้
1) การจัดลำดับความสำคัญตามนโยบายและแผน โดยทำการพิจารณาถึงความสอดคล้องของโครงการกับภารกิจที่สำคัญ ดังนี้
- ภารกิจตามข้อกำหนดและกฎหมาย พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
- ภารกิจตามยุทธศาสตร์ระดับชาติ นโยบายรัฐบาล และกระทรวงพลังงาน
- ภารกิจตามเจตนารมณ์ของกองทุนฯ ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตามแผนและเป้าหมายอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554
- ภารกิจตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี (พ.ศ. 2551-2565)
2) ระยะเวลาการเกิดผลสัมฤทธิ์ โดยใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่งช่วงเวลาที่โครงการดังกล่าวสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้ในอนาคต โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะ "สั้น" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 1-2 ปี) ระยะ "กลาง" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 3-5 ปี) และ ระยะ "ยาว" (เกิดผลสัมฤทธิ์ต้องใช้เวลามากกว่า 5 ปี)
3) ศักยภาพในการขยายผล โดยเน้นโครงการวิจัยและ/หรือดำเนินการแล้วสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้จริง (Deployment Potential) โดยแบ่งตามศักยภาพการขยายผลเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "มาก" และกลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "น้อย"
4) โครงการต่อเนื่อง โดยพิจารณาผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ถ้ามีความก้าวหน้าเกินกว่าร้อยละ 50 ของแผนงาน และผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดี จึงจะได้รับงบประมาณสำหรับปีต่อไป
5) งานประชาสัมพันธ์ ดำเนินงานเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารอย่างแท้จริง
6) งบบริหารแผนการดำเนินงาน จะต้องเป็นภารกิจหรืองานที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และปรับอัตราค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แนวทาง และขอบเขตการพิจารณางบประมาณตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
4. คณะทำงานฯ ได้พิจารณารายละเอียดการของบประมาณรายจ่ายโครงการของกองทุนฯ ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะอนุกรรมการฯ แล้ว โดยเห็นสมควรสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายตามโครงการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ เป็นจำนวนไม่เกิน 2,614,335,136 บาท รวม 81 โครงการ ซึ่งได้ครอบคลุมการดำเนินงานทั้งในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจ การจัดการด้านการใช้พลังงาน รวมถึงการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนในการผลิตไฟฟ้า และผลิตความร้อนในเทคโนโลยีต่างๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานชีวมวล และเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยแบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงิน กองทุนฯ ดังนี้
1) พพ. จำนวน 883,618,960 บาท คิดเป็นร้อยละ 33.80 รวม 54 โครงการ
2) สนพ. จำนวน 1,730,716,176 บาท คิดเป็นร้อยละ 66.20 รวม 27 โครงการ
5. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2553 ได้พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ แล้ว ที่ประชุมมีมติเห็นชอบงบประมาณรายจ่าย เป็นจำนวน 2,614,335,136 บาท ตามที่คณะทำงานฯ เห็นสมควร และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ดังนี้
จำแนกตามแผนอนุรักษ์พลังงาน | จำนวนโครงการ | รวม | ร้อยละ | จำแนกตามหน่วยผู้เบิก (บาท) | |
พพ. | สนพ. | ||||
1. แผนพลังงานทดแทน | 39 | 1,449,445,340 | 55.44 | 318,758,500 | 1,130,686,840 |
1.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 10 | 214,635,000 | 8.21 | 61,635,000 | 153,000,000 |
1.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 20 | 341,945,340 | 13.08 | 228,703,500 | 113,241,840 |
1.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 9 | 864,445,000 | 33.07 | - | 864,445,000 |
1.4 งานบริหารแผนงาน | - | 28,420,000 | 1.09 | 28,420,000 | - |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 40 | 1,087,318,060 | 41.59 | 564,860,460 | 522,457,600 |
2.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 3 | 107,800,000 | 4.12 | 7,800,000 | 100,000,000 |
2.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 21 | 492,940,000 | 18.86 | 492,940,000 | - |
2.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 16 | 479,543,060 | 18.34 | 57,085,460 | 422,457,600 |
2.4 งานบริหารแผนงาน | - | 7,035,000 | 0.27 | 7,035,000 | - |
3. แผนบริหารเชิงกลยุทธ์ | 2 | 77,571,736 | 2.97 | - | 77,571,736 |
3.1 งานศึกษาวิจัยเชิงนโยบาย | 2 | 14,000,000 | 0.54 | - | 14,000,000 |
3.2 งานบริหารแผนงาน | - | 63,571,736 | 2.43 | - | 63,571,736 |
รวมงบประมาณ กทอ.ปี 2554 | 81 | 2,614,335,136 | 100.00 | 883,618,960 | 1,730,716,176 |
6. ฝ่ายเลขานุการฯ มีข้อเสนอในการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ดังนี้
1) เนื่องจาก พพ. และ สนพ. มีงานบริหารเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานที่ต้องดำเนินงานต่อเนื่อง เช่น การเบิกจ่ายเงินให้หน่วยงาน โครงการ ตามข้อผูกพันสัญญาฯ การประสานหน่วยงาน โรงงาน อาคาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอนุรักษ์พลังงาน การให้คำแนะนำกับประชาชนในเรื่องวิธีประหยัดพลังงาน ฯลฯ จึงมีรายจ่ายประจำที่จำเป็นเพื่อการบริหารงานที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น ค่าจ้างพนักงานราชการ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปให้ความรู้ความเข้าใจ การร่วมประชุมให้ความเห็น ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ งานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553
2) การพิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการภายใต้งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ทั้งแผนพลังงานทดแทนและแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในส่วนที่ สนพ. รับผิดชอบ ขอเสนอวิธีการดำเนินงานในลักษณะเดียวกับปีงบประมาณ 2553 โดยให้ สนพ. ทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองรายละเอียดของโครงการที่มีผู้ยื่นขอรับการสนับสนุน ตามรายละเอียดการของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 แล้วนำเสนอผู้มีอำนาจอนุมัติภายในวงเงิน ดังต่อไปนี้
(1) ผอ.สนพ. ไม่เกิน 10,000,000 บาท
(2) คณะอนุกรรมการกองทุนฯ เกิน 10,000,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000,000 บาท
(3) คณะกรรมการกองทุนฯ เกิน 50,000,000 บาท
3) เพื่อให้งานประชาสัมพันธ์มีความเป็นเอกภาพ และมีทิศทางการปฏิบัติไปในแนวเดียวกัน จึงขอเสนอพิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายโครงการประชาสัมพันธ์ในแผนพลังงานทดแทนและแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ไว้เป็นกรอบวงเงินแผนงานละ 350 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 700 ล้านบาท ให้ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน และให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผนงาน/งานเดียวกันได้ ทั้งนี้เมื่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เห็นชอบแล้ว ให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินโครงการต่อไป และให้กระทรวงพลังงานดำเนินการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ต่อไปด้วย
4) เพื่อให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ให้ สนพ. และ พพ. จัดส่งข้อมูลการดำเนินโครงการที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ 2554 พร้อมทั้งเอกสารรายงานที่ได้ตรวจรับแล้ว (ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์) ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทุก 4 เดือน เพื่อจัดส่งให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ใช้ในการติดตามประเมินผลโครงการต่อไป
มติที่ประชุม
ประธานกรรมการกองทุนฯ ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ไปดำเนินการทบทวนและตรวจสอบงบประมาณรายจ่ายในแต่ละโครงการตามข้อกำหนดในมาตรา 25 ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พร้อมทั้งตรวจสอบโครงการในมิติตามเป้าหมายการอนุรักษ์พลังงาน เพิ่มเติม และจัดทำข้อมูลดังกล่าวเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อประกอบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ในการประชุมครั้งต่อไป
อนุ กอ. ครั้งที่ 24 - วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2553
มติคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 7/2553 (ครั้งที่ 24)
วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2553 เวลา 09.00 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553
2. ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557
3. รายงานการดำเนินงานด้านอนุรักษ์พลังงานและการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553
4. รายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
5. บทบาทคณะกรรมการกองทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง
6. รายงานผลการประเมินโครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมัน และพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจร ในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ ระยะที่ 1 (ปี 2548-2553)
7. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
8. การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานอนุกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน อนุกรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553
เลขานุการฯ ได้รายงานฐานะเงินกองทุนฯ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 ให้ที่ประชุมทราบ ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท | |
ยอดยกมาณ วันที่ 1 ตุลาคม 2553 | 16,385.31 |
บวก รายรับ | 1,232.38 |
รวม | 17,617.69 |
หัก รายจ่าย | 901.63 |
คงเหลือ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 | 16,716.06 |
ข้อสังเกต/ข้อเสนอแนะของที่ประชุม
ผู้แทนกรมบัญชีกลาง เห็นว่าปัจจุบันฐานะเงินกองทุนฯ ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงมากนัก จึงเห็นควรให้มีการจัดแบ่งสัดส่วนของเงินกองทุนฯ ออกเป็นส่วนที่จะใช้จ่ายตามแผนประมาณการในปีงบประมาณ และส่วนที่ยังไม่มีแผนการใช้จ่าย เพื่อจะได้นำจำนวนเงินในส่วนที่ยังไม่มีแผนการใช้จ่ายไปแยกบัญชีและประเภทเงินฝากเป็นเงินฝากประจำตามระยะเวลาในธนาคารของรัฐ ทั้งนี้เพื่อให้กองทุนฯ ได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งประธานอนุกรรมการฯ ได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำข้อเสนอแนะดังกล่าวไปพิจารณาและดำเนินการต่อไป โดยให้ดำเนินการไปตามที่ระเบียบกองทุนฯ กำหนดไว้
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำข้อเสนอแนะของผู้แทนกรมบัญชีกลาง ไปพิจารณาและดำเนินการต่อไปด้วย
เรื่องที่ 2 ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557
1. กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2552 ได้มีมติให้ยกเลิกการจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนอนุรักษ์ฯ ในส่วนที่เก็บเพื่อส่งเสริมโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่งของทั้งน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล ที่จัดเก็บในอัตรา 0.50 บาท/ลิตร และให้โอนเงินที่ได้จัดเก็บไว้แล้ว มาสบทบกับเงินสำหรับส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และลดอัตราจัดเก็บเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ของน้ำมันดีเซลสำหรับส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน จากที่เก็บอยู่ 0.25 บาท/ลิตร เหลือ 0.05 บาท/ลิตร เป็นระยะเวลา 1 ปี และได้กลับมาจัดเก็บในอัตราเดิม คือ 0.25 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2553
2. รายได้ที่จัดเก็บเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับ "โครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง" ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2551 - 1 ตุลาคม 2552 รวมทั้งสิ้น 8,151.37 ล้านบาท โดยปัจจุบันได้โอนเงินดังกล่าวเข้าสมทบกับเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ทั้งนี้ฐานะเงินกองทุนฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 16,385 ล้านบาท
3. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้จัดทำประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนฯ ณ 30 กันยายน 2553 สรุปได้ดังนี้
ปีงบประมาณ | 2554 | 2555 | 2556 | 2557 | รวมช่วงปี54-57 |
1.เงินคงเหลือณวันที่ 30 กันยายน 2553 | 16,385 | 16,385 | |||
2.ยอดยกมาต้นปีงบประมาณ | 17,536 | 22,272 | 29,666 | ||
3.รายรับประกอบด้วย | |||||
3.1 ประมาณรายรับจากผู้ผลิต/ผู้นำเข้าน้ำมัน | 7,083 | 7,214 | 7,379 | 7,453 | 29,129 |
3.2 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากพพ. | 968 | 862 | 671 | 710 | 3,210 |
3.3 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากปตท. | 211 | 212 | 204 | 135 | 762 |
3.4 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากกฟผ. | 550 | - | - | 400 | 950 |
รวมรับ | 8,812 | 8,288 | 8,254 | 8,698 | 34,051 |
4.รายจ่ายประกอบด้วย | |||||
4.1 รายจ่ายผูกพันปี 2538-2547 | 274 | 132 | 21 | - | 426 |
4.2 รายจ่ายผูกพันปี 2548-2552 | 4,701 | 3,420 | 838 | 766 | 9,726 |
4.3 รายจ่ายผูกพันปี 2553 (สนพ.) | 1,281 | 1,281 | |||
4.4 รายจ่ายผูกพันปี 2553 (พพ.) | 1,406 | 1,406 | |||
รวมจ่าย | 7,661 | 3,552 | 860 | 766 | 12,839 |
5.เงินคงเหลือปลายปี (1+2+3-4) ยกไป | 17,536 | 22,272 | 29,666 | 37,598 | 37,598 |
ประมาณการรายได้/รายจ่ายสุทธิ (3-4) | 1,151 | 4,736 | 7,394 | 7,932 | 21,213 |
มติที่ประชุม
รับทราบ ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนฯ ในปี 2554-2557 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 3 รายงานการดำเนินงานด้านอนุรักษ์พลังงานและการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553 ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ในวงเงิน 1,823,952,000 บาท และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในวงเงิน 1,379,613,752 บาท รวมเป็นเงิน 3,203,565,752 บาท โดยแยกเป็นแผนพลังงานทดแทน ในวงเงิน 1,039,305,450 บาท แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในวงเงิน 2,034,859,090 บาท และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ในวงเงิน 129,401,212 บาท
2. พพ. และ สนพ. ได้ดำเนินโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนไว้แล้ว โดยมีการผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 2,931,520,752 บาท คิดเป็นร้อยละ 91.51 ของงบประมาณรวม และมีการเบิกจ่ายเงินคิดเป็นร้อยละ 21 ของงบประมาณที่ผูกพัน ดังนี้
2.1 การดำเนินโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน ได้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 979.95 ล้านบาท
2.2 การดำเนินโครงการภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ได้มีใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 1,822.17 ล้านบาท
2.3 การดำเนินงานภายใต้แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ได้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 129.40 ล้านบาท
ข้อสังเกต/ข้อเสนอแนะของที่ประชุม
ประธานอนุกรรมการฯ ได้สอบถามถึงจำนวนเงินที่ไม่ได้ผูกพันไว้ ประมาณ 8-9 % เกี่ยวกับเรื่องใด ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้เรียนที่ประชุมทราบว่า เป็นเงินคงเหลือจากการดำเนินโครงการต่างๆ เช่น โครงการสนับสนุนทุนการศึกษา โครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน โครงการส่งเสริมและวัสดุอุกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โครงการส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารภารรัฐ นอกจากนี้ปลัดกระทวงพลังงาน เห็นควรให้ฝ่ายเลขานุการฯ ปรับแก้ไขการรายงานการใช้จ่ายงบประมาณ จากเดิม "ผูกพันงบประมาณ..." เป็น "มีการใช้จ่ายเงินงบประมาณ เป็นจำนวน 2,931,520,752 บาท จากงบประมาณรวม 3,203,565,752 บาท"
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานการดำเนินงานด้านอนุรักษ์พลังงานและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 4 รายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
1. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม 2551 - 31 กรกฎาคม 2552 เพื่อให้ทราบว่าการดำเนินงานของกองทุนฯ และโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ มีผลการดำเนินงานบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายหรือไม่การใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ประหยัด และคุ้มค่าหรือไม่ อย่างไร โดยขอตรวจสอบตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549-2551 และได้ขอความร่วมมือ สนพ. จัดเตรียมเอกสารและข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับกองทุนฯ และสถานที่ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานระหว่างการตรวจสอบ
2. สตง.ได้แจ้งผลและส่งรายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549-2551 มายัง สนพ. เพื่อทราบและดำเนินการตามข้อเสนอแนะ ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ 2 ประเด็น ดังนี้
2.1 การใช้จ่ายเงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ โดยครอบคลุมการใช้จ่ายเงินเพื่อบริหารกองทุนฯ ทั้งในส่วนของ สนพ. และ พพ. ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามภารกิจหน้าที่ของกองทุนฯ ซึ่งกำหนดไว้ในวัตถุประสงค์ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
2.2 ผลการดำเนินงานโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไม่บรรลุวัตถุประสงค์และไม่มีการใช้ประโยชน์ ซึ่ง สตง. ได้ตรวจสอบทั้งหมด 42 โครงการ ตามแผนพลังงานทดแทน และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยมีผลการดำเนินงานโครงการไม่บรรลุวัตถุประสงค์ และไม่มีการใช้ประโยชน์จากโครงการ จำนวน 11 โครงการ (พพ. จำนวน 10 โครงการ และ สนพ. จำนวน 1 โครงการ)
3. สตง. เสนอแนะให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอผลการตรวจสอบของ สตง. ให้ประธานกรรมการกองทุนฯ รับทราบและพิจารณา ดังต่อไปนี้
3.1 กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหาร เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
3.2 จัดให้มีการติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหารเพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งทราบปัญหา อุปสรรค
3.3 ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาของการดำเนินงานโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ โดยการพิจารณาดำเนินการตามรายงานประเมินผลและข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน และแจ้งปัญหาในการดำเนินงานของทั้ง 11 โครงการ ตามผลการตรวจสอบให้ สนพ. และ พพ. ทราบและดำเนินการแก้ไข เพื่อให้การดำเนินงานโครงการมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและยั่งยืน
3.4 กำหนดกฎระเบียบให้ สนพ. และ พพ. ซึ่งได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ จัดส่งข้อมูล โครงการให้กองทุนฯ เพื่อให้คณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงานใช้ในการติดตามประเมินผล
3.5 การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กับโครงการที่มีลักษณะการส่งเสริมและสาธิตในอนาคตต้องกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ก่อน เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับพิจารณาตัดสินใจให้การสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับการดำเนินงานโครงการต่อไป
4. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ดำเนินการจัดประชุมเจ้าหน้าที่ สนพ. และ พพ. เพื่อรับทราบผลการตวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ของ สตง. และดำเนินการตามข้อเสนอแนะดังกล่าว มีข้อสรุปในเบื้องต้น ดังนี้
4.1 การใช้จ่ายเงินบริหารกองทุนที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ นั้น พพ. และ สนพ. จะพึงระวัง และจะกำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ถือปฏิบัติ หลีกเลี่ยงการดำเนินการที่เข้าข่ายลักษณะที่ สตง. ได้มีการทักท้วง
4.2 การดำเนินงานโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไม่บรรลุวัตถุประสงค์และไม่มีการใช้ประโยชน์นั้น ในส่วนของ สนพ. ได้ดำเนินการตามข้อทักท้วงแล้ว สำหรับ พพ. ได้กำชับเจ้าหน้าที่ผู้เข้าร่วมประชุมให้รีบแจ้งข้อมูลการดำเนินงานตามข้อทักท้วงภายในวันที่ 15 มกราคม 2554 เพื่อจะได้เป็นข้อมูลสนับสนุนให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ
5. สนพ. ได้มีหนังสือแจ้งไปยัง สตง. เพื่อทราบผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะในเบื้องต้นแล้ว
ข้อสังเกต/ข้อเสนอแนะของที่ประชุม
1. ประธานอนุกรรมการฯ ได้ขอให้เลขานุการฯ ชี้แจงในรายละเอียดผลตรวจสอบของ สตง. ในแต่ประเด็นเพิ่มเติม ซึ่งเลขานุการฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า ประเด็นการใช้จ่ายเงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ นั้น เป็นรายการค่าใช้จ่ายในส่วนของงานบริหารกองทุนฯ เช่น ค่าใช้จ่ายในการจัดสัมมนาและประชุม ค่าซ่อมแซมและบำรุงครุภัณฑ์สำนักงาน ค่าใช้จ่ายเดินทางไปราชการต่างประเทศ สำหรับประเด็นผลการดำเนินงานโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไม่บรรลุวัตถุประสงค์และไม่มีการใช้ประโยชน์ อย่างเช่น โครงการส่งเสริมก๊าซชีวภาพในโรงงานอุตสาหกรรม โครงการพัฒนาระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากขยะในระดับชุมชน เนื่องจากวัตถุประสงค์ของโครงการเพื่อเป็นการสาธิตและเผยแพร่เทคโนโลยี แต่ในระหว่างดำเนินโครงการ ได้มีการเผยแพร่ในรูปแบบเทคโนโลยีอื่น ซึ่งทำให้การเผยแพร่ของโครงการไม่ทันกับสถานการณ์และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป
2. ปลัดกระทรวงพลังงาน เห็นว่า ตามหนังสือ สตง. มีข้อเสนอแนะให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอผลการตรวจสอบของ สตง. ให้ประธานกรรมการกองทุนฯ รับทราบและพิจารณาดำเนินการใน 5 รายการนั้น จึงควรให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดเตรียมเอกสารชี้แจงการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของ สตง. ที่ได้ดำเนินการไปแล้วให้ชัดเจน เพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ รับทราบต่อไป
3. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง เห็นควรให้เพิ่มรายละเอียดของโครงการในเอกสารชี้แจงด้วย พร้อมทั้งแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ปัจจุบัน สตง. ได้ให้ความสำคัญกับผลการประเมินเงินนอกงบประมาณมากขึ้น
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของ สตง. ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดทำเอกสารชี้แจงการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของ สตง. ที่ได้ดำเนินการไปแล้วให้ชัดเจน เพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ รับทราบต่อไป
เรื่องที่ 5 บทบาทคณะกรรมการกองทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 มีมติอนุมัติให้หน่วยงานต่างๆ ที่มีเงินนอกงบประมาณ ถือปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลเงินนอกงบประมาณ ที่กระทรวงการคลังเสนออย่างเคร่งครัด โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามผลการดำเนินการ และกรมบัญชีกลางเริ่มใช้ระบบประเมินผลทุนหมุนเวียน ตั้งแต่ปีบัญชี 2547 ซึ่งกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเป็นทุนหมุนเวียนที่เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงาน ตั้งแต่ปีบัญชี 2549
2. ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 กรมบัญชีกลางได้กำหนดตัวชี้วัดภาคบังคับ "บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียน" ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ทุกทุนหมุนเวียนในความรับผิดชอบของกรมบัญชีกลางจะต้องปฏิบัติตาม โดยมีความมุ่งหวังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลของคณะกรรมการทุนหมุนเวียน โดยจะประเมินจาก 4 ประเด็นหลักที่สำคัญ ดังนี้
2.1 การจัดให้มีทิศทาง แผนยุทธศาสตร์ และแผนปฏิบัติการประจำปี โดยพิจารณาจากคณะกรรมการทุนหมุนเวียนกำหนดทิศทาง ยุทธศาสตร์ และจัดให้มีแผนยุทธศาสตร์หรือแผนระยะยาว และแผนปฏิบัติการประจำปี ที่มีองค์ประกอบครบถ้วน มีคุณภาพ และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์จัดตั้ง รวมถึงพันธกิจของทุนหมุนเวียน
2.2 การติดตามระบบการบริหารจัดการและผลการปฏิบัติงานตามภารกิจของทุนหมุนเวียน โดยพิจารณาจากคณะกรรมการทุนหมุนเวียนมีการติดตามผลการปฏิบัติงานตามพันธกิจและระบบบริหารจัดการที่สำคัญ ได้แก่ ระบบการควบคุมภายใน ระบบการตรวจสอบภายใน ระบบการบริหารความเสี่ยง ระบบบริหารจัดการสารสนเทศ และระบบบริหารทรัพยากรบุคคลของทุนหมุนเวียนอย่างครบถ้วน เพียงพอ และสม่ำเสมอทั้งปี
2.3 การจัดให้มีระบบประเมินผลผู้บริหารทุนหมุนเวียน โดยพิจารณาจากการประเมินผลผู้บริหารระดับสูงที่เป็นระบบ โดยมีหลักเกณฑ์ชัดเจนสอดคล้องและเชื่อมโยงกับหลักเกณฑ์ และเป้าหมายระดับองค์กร
2.4 การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยพิจารณาจากการเปิดเผยข้อมูลสารสนเทศที่ครบถ้วน ถูกต้อง เชื่อถือได้ ทันกาล
3. การกำหนดเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2554 นั้น ฝ่ายเลขานุการฯ กำลังดำเนินการเจรจาต่อรองระหว่างผู้ถูกประเมิน คือ กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (สนพ. และ พพ.) กับผู้ประเมิน คือ กรมบัญชีกลางและทริส เพื่อให้ได้ตัวชี้วัดที่เหมาะสมกับการดำเนินงานของกองทุนฯ มากที่สุด ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จกลางเดือนมกราคม 2554
มติที่ประชุม
รับทราบบทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
1. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2553 ได้มีมติให้ สนพ. ประเมินโครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมัน และพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจร ในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ ระยะที่ 1 (ปี 2548-2553) เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบในการพิจารณาอนุมัติเงินสนับสนุนโครงการในระยะต่อไป และ สนพ. ได้มอบหมายให้ บริษัท เอเบิล คอนซัลแตนท์ จำกัด ดำเนินการประเมินผลโครงการดังกล่าว และเสนอผลประเมินให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ พร้อมให้ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2553
2. โครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมัน และพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจร ในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ ระยะที่ 1 (ปี 2548-2553) เป็นโครงการภายใต้แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ งานศึกษาเชิงนโยบายและวิชาการ กำกับดูแลโดย สนพ. ดำเนินการโดยคณะเกษตรศาสตร์และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ งบประมาณ 49.96 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 5 ปี (มิถุนายน 2548 - มิถุนายน 2553)
3. ผลการประเมินในภาพรวมของโครงการอยู่ในระดับพอใช้ (ได้คะแนน 2.18 จากคะแนนเต็ม 5) โดยมีผลประเมินในแต่ละประเด็น ดังนี้
3.1 บริบท (น้ำหนักร้อยละ 10) มีผลประเมินอยู่ในระดับพอใช้ (คะแนนเฉลี่ย 2.50) เนื่องจากมีหัวข้อโครงการน่าสนใจสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาพลังงานทดแทน และได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่การกำหนดประเภทของพืชน้ำมันที่ศึกษาไม่เหมาะสม เพราะศักยภาพ/ปัญหาอุปสรรคในการพัฒนาและส่งเสริมปาล์มน้ำมันและสบู่ดำแตกต่างกันมาก การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการไม่รัดกุมและไม่ครอบคลุมประเด็นที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน มีการกำหนดขอบเขตงานของโครงการกว้างเกินไป ทำให้ไม่สามารถระบุประเด็นสำคัญที่ต้องการมุ่งเน้นได้อย่างชัดเจน
3.2 ปัจจัยที่ใช้ (น้ำหนักร้อยละ 10) มีผลประเมินอยู่ในระดับพอใช้ (คะแนนเฉลี่ย 2.50) กล่าวคือ หน่วยงานและบุคลากรผู้ดำเนินโครงการมีคุณสมบัติเหมาะสม และสอดคล้องกับการดำเนินงานภายใต้โครงการ มีการเตรียมพื้นที่ศึกษาสำหรับการทดลองเพาะปลูกในหลายๆ สภาวะ และมีความพร้อมด้านอุปกรณ์/เครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยเป็นอย่างดี แต่งบประมาณโครงการสูงเกินไป ไม่สอดคล้องกับปริมาณงานภายใต้โครงการ
3.3 วิธีการดำเนินการ (น้ำหนักร้อยละ 30) มีผลประเมินอยู่ในระดับพอใช้ (คะแนนเฉลี่ย 2.52) โดยมีการวางแผนดำเนินงานในภาพรวมเหมาะสมดี และมีการมอบหมายงานสอดคล้องกับบุคลากร แต่วิธีการทดลองด้านเกษตรกรรมยังมีข้อบกพร่อง ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง การกำหนดระยะเวลาโครงการไม่เหมาะสม และไม่พบว่ามีการจัดทำระบบติดตามประเมินผลภายใต้โครงการอย่างชัดเจน
3.4 ผลผลิต (น้ำหนักร้อยละ 30) มีผลประเมินอยู่ในระดับพอใช้ (คะแนนเฉลี่ย 1.81) เนื่องจากการกำหนดสายพันธุ์ปาล์มน้ำมันและสบู่ดำที่เหมาะสมในชุมชนภาคเหนือและการพัฒนาออกแบบเครื่องจักรสกัดและแปรรูปน้ำมันเป็นองค์ความรู้ทั่วไปที่มีอยู่แล้ว มิใช่เกิดจากการวิจัยภายใต้โครงการ ดังนั้น จึงอาจนำข้อมูลที่มีอยู่แล้วในแหล่งอื่นมาใช้ศึกษาต่อยอดแทนได้ เพื่อลดความสิ้นเปลืองงบประมาณและระยะเวลาในการวิจัย ส่วนศูนย์ข้อมูลเพื่อบริการความรู้และคำแนะนำ และศูนย์เรียนรู้ชุมชนที่แม้จะสามารถจัดตั้งได้ตามเป้าหมายของโครงการ แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะนำไปใช้ประกอบการดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบ มีการรวบรวมและจัดทำฐานข้อมูล (Process-based) ของปาล์มน้ำมันและสบู่ดำที่ครบถ้วนเพียงพอสำหรับนำไปเผยแพร่ให้ความรู้แก่ประชาชนได้เป็นอย่างดี แต่ไม่มีฐานข้อมูลความต้องการใช้ประโยชน์และข้อมูลการตลาด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการประชาสัมพันธ์ให้ตัดสินใจลงทุน
3.5 การนำไปใช้ (น้ำหนักร้อยละ 20)
ผลกระทบ (น้ำหนักร้อยละ 10) มีผลประเมินอยู่ในระดับต้องปรับปรุง (คะแนนเฉลี่ย 1.33) โดยหากพิจารณาใน 4 ปีแรกที่ดำเนินการภายใต้โครงการนี้ การปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อผลิตพลังงานยังไม่คุ้มทุน ส่วนสบู่ดำค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าไม่คุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ โอกาสการขยายพื้นที่ปลูกปาล์มในภาคเหนือ โดยเกษตรกรรายย่อยทั่วไปมีความเป็นไปได้ยาก ยกเว้นจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญจากภาครัฐ ในช่วงปีแรกๆ ของการปลูก แต่จะมีโอกาสในความสำเร็จสูงหากเป็นเกษตรกรรายใหญ่ ที่มีความแข็งแกร่งในเรื่องเงินทุน ผลผลิตของโครงการยังไม่สามารถเชื่อมโยงและสร้างผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคงด้านพลังงาน/พลังงานทดแทนของประเทศได้อย่างชัดเจน มีการทำลายพื้นที่ป่าธรรมชาติเพื่อปรับสภาพเป็นพื้นที่แปลงวิจัย รวมถึงไม่มีการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการตกค้างของสารเคมีที่ใช้ในการเพาะปลูก และแนวทางการเพาะปลูกที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ความยั่งยืน (น้ำหนักร้อยละ 10) มีผลประเมินอยู่ในระดับพอใช้ (คะแนนเฉลี่ย 2.50) โดยมีการจัดกิจกรรมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการในหลายๆ รูปแบบ และมีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก มีการเสนอให้เก็บข้อมูลผลผลิตและพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ปาล์มน้ำมันและสบู่ดำต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่ผลการศึกษาชัดเจนว่าไม่คุ้มทุน และให้ขยายพื้นที่ปลูกไปยังจังหวัดอื่น ขาดรายละเอียดและความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทาง การดูแลบำรุงรักษาและการใช้ประโยชน์ผลผลิตปาล์มน้ำมัน/สบู่ดำปริมาณมาก รวมถึงโรงงานสกัดและแปรรูปน้ำมันที่ได้ดำเนินการไว้แล้ว
4. ข้อสังเกตจากการประเมินผลโครงการ มีดังนี้
4.1 วัตถุประสงค์และขอบเขตของโครงการนี้กว้างเกินไป กล่าวคือ ครอบคลุมตั้งแต่การศึกษาวิจัย การคัดเลือกพันธุ์ การปลูกปาล์มและสบู่ดำ การสกัดและบีบน้ำมันปาล์มและสบู่ดำ การศึกษาด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม การจัดตั้งและดำเนินงานศูนย์การเรียนรู้ชุมชน การจัดทำแบบจำลอง Process Based ของปาล์มน้ำมันและสบู่ดำ การผลิตไบโอดีเซล การดำเนินงานมีความซับซ้อน ทำให้ดำเนินการและบริหารโครงการลำบาก รวมถึงการประเมินก็ทำได้ยากเช่นกัน
4.2 โครงการนี้ขาดการทบทวน (Review) สถานภาพของการศึกษาวิจัยที่มีผู้ทำไว้เดิม และผู้ปลูกรายเดิมในเขตภาคเหนืออย่างพอเพียง ทั้งทางด้านการคัดแยกพันธุ์ การปลูกทดลอง รวมถึงเครื่องสกัดน้ำมันปาล์มและหีบน้ำมันสบู่ดำ
4.3 ระยะเวลาดำเนินโครงการ 5 ปี ยาวนานเกินไป ประกอบกับมีนักวิจัยรายอื่นที่ทำวิจัยเรื่องที่ซ้ำซ้อนกับโครงการนี้ ในช่วงเวลาเดียวกันหรือก่อนหน้านี้ ซึ่งถ้าหากผู้ทำโครงการนำเอาผลการวิจัยของเก่ามาใช้หรือพัฒนาต่อยอดจะทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายน้อยลง
4.4 โครงการนี้เลือกศึกษาปาล์มน้ำมันและสบู่ดำ ซึ่งไม่เหมาะสม เนื่องจากศักยภาพและปัญหาอุปสรรคในการพัฒนาส่งเสริมพืชทั้ง 2 ชนิด มีความแตกต่างกันอย่างมาก โดยปาล์มน้ำมันมีศักยภาพค่อนข้างสูง ส่วนสบู่ดำมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจต่ำกว่ากันมาก ดังนั้นประเด็นการศึกษาและแนวทางในการส่งเสริมจึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การนำมาศึกษาภายใต้โครงการเดียวกันโดยไม่มีจุดร่วมที่เหมือนกัน ทำให้ออกแบบการศึกษาวิจัยได้ลำบาก และจะเสียค่าใช้จ่ายมาก
4.5 มีผลการศึกษาจากหลายแหล่งระบุชัดเจนแล้วว่าสบู่ดำเป็นพืชที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจต่ำ ผลผลิตต่อไร่ต่ำ จึงไม่เหมาะสมที่จะนำมาศึกษาวิจัยในเชิงพาณิชย์เพราะจะสิ้นเปลืองงบประมาณและเวลา
4.6 การนำเสนอข้อมูลต่างๆ ในรายงาน รวมถึงในเอกสารเผยแพร่ประชาสัมพันธ์มีความคลาดเคลื่อนและผิดพลาดหลายแห่ง รวมถึงไม่มีการอ้างอิงที่ชัดเจน และน่าเชื่อถือเพียงพอ รายงานผลการศึกษาบางส่วนขาดความครบถ้วนสมบูรณ์
4.7 ผลการดำเนินงานโครงการที่ได้อาจยังไม่ครบถ้วนตามข้อตกลง เช่น ในข้อเสนอโครงการระบุว่าจะทดลองปลูกปาล์มน้ำมันและสบู่ดำในพื้นที่ของเกษตรกร 3 พื้นที่ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย และลำพูน แต่ในรายงานไม่มีผลการทดลองปลูกในจังหวัดเชียงราย เช่นเดียวกับเครื่องสกัดน้ำมันปาล์มที่บอกว่าจะวิจัยออกแบบสร้างเป็นนวัตกรรมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่าทางด้านเศรษฐศาสตร์ ในรายงานไม่ได้นำเสนอหลักวิธีการออกแบบ มิติ ขนาด ประสิทธิภาพของแต่ละส่วน ไม่ได้มีการเดินเครื่องทดสอบ เก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลว่าได้ผลตามอ้างหรือไม่ อย่างไร
4.8 การทดลองเรื่องการให้น้ำและปุ๋ยในส่วนของการปลูกปาล์มและสบู่ดำ มีข้อมูลดิบเป็นจำนวนมาก แต่ไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่าสภาวะใดที่มีความเหมาะสมสูงสุด เพราะไม่มีความแตกต่างทางสถิติอย่างชัดเจน เห็นได้จากกราฟแสดงการเจริญเติบโต และการให้ผลผลิตของปาล์มน้ำมันและสบู่ดำ เมื่อให้น้ำและปุ๋ยต่างๆ กัน ซึ่งเส้นกราฟแทบจะไม่มีความแตกต่างกัน คาดว่าน่าจะเกิดจากการกำหนดวิธีการหรือตัวแปรในการทดลองที่ไม่เหมาะสม เช่น กำหนดปริมาณน้ำที่ให้แก่ปาล์มน้อยเกินไป (น้อยกว่าความต้องการของปาล์ม) จึงไม่เห็นผลที่แตกต่างกัน เป็นต้น
4.9 การกำหนดวิธีการหรือตัวแปรในการทดลองเกี่ยวกับการให้น้ำพืชยังไม่เหมาะสมเท่าที่ควร โดยมีข้อบกพร่อง เช่น กำหนดการให้น้ำโดยระบุเป็นปริมาตรของน้ำในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ไม่ได้เทียบเป็นปริมาณน้ำฝนในหน่วยมิลลิเมตรต่อปี ไม่มีการเก็บข้อมูลด้านอุตุนิยมวิทยา ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการวิเคราะห์และสรุปผลการทดลองอย่างต่อเนื่องให้ครบถ้วนตลอดระยะเวลาการทดลอง เช่น กระแสลม ความชื้นในอากาศ ความชื้นในดิน ความเข้มของแสงแดด เป็นต้น และไม่มีการบันทึกผลการตอบสนอง ของปากใบของพืชว่าในช่วงการให้น้ำปากใบเปิดหรือปิด เป็นต้น
4.10 โรงงานปาล์มน้ำมันที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ใกล้กับชุมชนผู้ปลูกปาล์ม
4.11 โรงงานขนาดเล็กมักจะมีต้นทุนสูงกว่าโรงงานขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในกรณีนี้ที่ประสิทธิภาพการสกัดน้ำมันไม่ได้มีการพิสูจน์อย่างถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ตามหลักวิชาการ ประสิทธิภาพน่าจะต่ำกว่าโรงงานขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถแข่งขันได้ ประกอบกับเกษตรกรมีอิสระที่จะนำผลผลิตไปขายแก่โรงงานที่ให้ราคารับซื้อที่สูงกว่า ซึ่งมักจะเป็นโรงงานขนาดใหญ่แม้จะอยู่ไกลจากแหล่งเพาะปลูก ประการนี้อาจส่งผลทางด้านการขาดแคลนวัตถุดิบสำหรับโรงงานขนาดเล็ก ซึ่งจะทำให้โครงการนี้ไม่ยั่งยืน
4.12 การเพาะปลูกในพื้นที่ใหม่ๆ โดยเฉพาะเขตพื้นที่ที่มีความชื้นต่ำจะมีความเสี่ยงต่อผลผลิตที่จะลดลง เพราะการให้น้ำแก่ปาล์มที่โตเต็มที่และมีความสูงมากจะต้องสามารถควบคุมความชื้น ทั้งในดินและในอากาศ (เพราะน้ำจากในดินส่งไปไม่ถึงลำต้นส่วนบน) ปาล์มจึงจะให้ผลผลิตน้ำมันสูง
4.13 ไม่มีข้อมูลทางด้านการเกษตรและการตลาดที่ครบถ้วนเพียงพอที่จะสนับสนุนการคัดเลือกชนิดของพืชแซม เช่น ไม่ควรเลือกกระเจี๊ยบมาศึกษา เนื่องจากการเก็บเกี่ยวทำได้ยาก และตลาดที่มีความต้องการเพียงเล็กน้อย
4.14 หากผู้ดำเนินการขาดความเข้มแข็งทางด้านการเงิน การบริหารจัดการและเทคโนโลยี อาจทำให้การดำเนินงานไม่ประสบผลสำเร็จและไม่ยั่งยืน
4.15 โครงการนี้ไม่เป็นไปตามขั้นตอนของการพัฒนา คือ ส่งเสริมให้ขยายผลทั้งๆ ที่ผลการศึกษาด้านวิชาการยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าดีพอ
4.16 รูปแบบของการบริหารจัดการปลูกพืชน้ำมันที่เหมาะสม ควรดำเนินการโดยภาคเอกชน ซึ่งมีความเข้มแข็งทางด้านเงินทุน ร่วมกับเกษตรกรแบบได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย โดยภาครัฐให้ความสนับสนุนด้านวิชาการ และช่วยแก้ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในการดำเนินงาน เช่น กฎระเบียบ นโยบายที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
5. ข้อเสนอแนะจากการประเมินผลโครงการ มีดังนี้
5.1 ผู้ดำเนินโครงการควรดำเนินการสรุปสถานภาพและสาระสำคัญ/องค์ความรู้ที่ได้ให้ชัดเจน ถูกต้องตามหลักวิชาการ และนำเสนอให้ครบถ้วนสมบูรณ์ตามข้อตกลงในสัญญาหรือข้อเสนอโครงการ พร้อมทั้งจัดทำแผนการดูแลบำรุงรักษาและการใช้ประโยชน์ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นภายใต้โครงการให้ชัดเจน โดยควรพิจารณานำภาคเอกชนเข้ามาดำเนินการหรือร่วมดำเนินการ เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า และลดการสนับสนุนของภาครัฐ
5.2 เนื่องจากปาล์มน้ำมันจะเริ่มให้ผลผลิตในปีที่ 3-4 และสามารถดำเนินการในเชิงสาธิตผลผลิตได้ แต่ยังไม่อยู่ในระดับที่จะเป็นผลกำไร ดังนั้นหากจะสนับสนุนโครงการลักษณะนี้ต่อไป เห็นควรสนับสนุนต่อเนื่องแบบปีต่อปี เพื่อให้การดำเนินงานเกิดผลกำไรชัดเจน และสามารถนำผลการศึกษาไปใช้เผยแพร่ขยายผลได้ (ปกติปาล์มน้ำมันให้ผลผลิตสูงสุด ในปีที่ 7-8 เป็นต้นไป) โดยควรเน้นการศึกษาการปรับปรุงพันธุ์และการปลูกพืชน้ำมัน เพื่อหาคำตอบและพิสูจน์ความเป็นไปได้ในการปลูกพืชน้ำมันในเขตภาคเหนือ เพื่อผลิตพลังงานว่าจะมีความคุ้มค่าต่อการลงทุนหรือไม่ โดยทำการศึกษาเปรียบเทียบกับพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นให้ครบถ้วน ชัดเจน รวมทั้งควรมีการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆ ด้วย
5.3 ควรกำหนดประเภท/ชนิดของพืชน้ำมันที่ต้องการศึกษาให้เหมาะสม โดยอาจนำผลการศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นของการปลูกพืชพลังงานในภาคเหนือ จากแหล่งอื่นที่มีอยู่แล้วมาประกอบการพิจารณา และหากดำเนินการมากกว่า 1 ชนิด ควรคัดเลือกพืชพลังงานที่มีศักยภาพ ปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาส่งเสริมใกล้เคียงกัน ทั้งนี้เพื่อให้มีจุดร่วมในการดำเนินการและประหยัดงบประมาณ
5.4 สบู่ดำไม่ควรสนับสนุนให้ทำวิจัยต่อ เพราะได้ผลผลิตต่ำไม่คุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์
5.5 การศึกษากระบวนการสกัดแปรรูปน้ำมันดิบที่เหมาะสมนั้น มีหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ดำเนินการแล้ว ควรนำองค์ความรู้นั้นมาศึกษาต่อยอดหรือนำเทคโนโลยีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วมาใช้จะเหมาะสมกว่า
5.6 ควรวิเคราะห์ผลกระทบต่อระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นจากการส่งเสริมให้ปลูกพืชน้ำมัน เพื่อการผลิตพลังงานในเชิงพาณิชย์ด้วย ทั้งนี้เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาจัดทำแผนส่งเสริม ป้องกัน และลดผลกระทบต่อระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนแผนการสร้างการมีส่วนร่วมและการยอมรับของชุมชน ซึ่งจะช่วยลดปัญหาด้านการต่อต้าน และช่วยให้สามารถดำเนินโครงการได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
5.7 ควรมีข้อมูลด้านการเกษตรและการตลาดที่ครบถ้วนเพียงพอที่จะสนับสนุนการคัดเลือกชนิดของพืชแซม เนื่องจากมีผลอย่างมากต่อรายได้ของเกษตรกรที่ปลูกปาล์มในช่วงแรก และความยั่งยืนในการดำเนินการ
5.8 เนื่องจากมีการส่งบุคลากรไปดูงานต่างประเทศภายใต้โครงการนี้ทุกปี โดยใช้เงินปีละ 500,000 บาท ดังนั้นจึงควรให้ส่งข้อมูลรายละเอียดของการดูงานด้วย โดยให้ระบุหัวข้อ รายชื่อผู้เดินทาง และประโยชน์ที่มีต่อโครงการให้ชัดเจน จัดทำเป็นรายงานเสนอต่อ สนพ. เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป
ข้อสังเกต/ข้อเสนอแนะของที่ประชุม
ผู้แทนกรมบัญชีกลางมีข้อเสนอแนะในการพิจารณาสนับสนุนโครงการภายใต้งานส่งเสริมและสาธิต ควรจะทำการพิจารณาในด้านการตลาด รวมทั้งการ
ประเมินผลกระทบและผลลัพธ์ (Out come) ของโครงการประกอบด้วย
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานผลการประเมินโครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมัน และพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจร ในพื้นที
ตัวอย่างเขตภาคเหนือ ระยะที่ 1 (ปี 2548-2553) ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 7 งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ได้รับทราบแผนอนุรักษ์พลังงานและเป้าหมาย ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-2554 ตามที่ กพช. เสนอ โดยมีเป้าหมายและการดำเนินการจะลดปริมาณการใช้พลังงานลง 7,820 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.8 ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศในปี 2554 และ กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 ได้เห็นชอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี โดยกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานทดแทนรวม 10,961 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 15.6 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554
2. กระทรวงพลังงาน ได้ดำเนินโครงการต่างๆ ภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงานและแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี อย่างต่อเนื่อง โดยมีผลการดำเนินงาน ดังนี้
ประเภท | เป้าหมายปี 2554 | ผลดำเนินการสะสม ปี 2548-2553 |
การดำเนินการ ปี 2553 เทียบกับเป้าหมาย |
แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (ktoe ) | 7,820 | 3,912.04 | 50% |
(1) ภาคอุตสาหกรรม | 3,190 | 3,177.72 | 100% |
(2) valign=topด้านการจัดการ | 1,217 | 536.13 | 44% |
(3) ภาคขนส่ง | 3,413 | 198.19 | 6% |
แผนพลังงานทดแทน (ktoe) | 10,961 | 6,674 | 61% |
(1) พลังงานหมุนเวียน | 7,492 | 5,210 | - |
- ทดแทนไฟฟ้า | 1,587 | 881 | 56% |
- ทดแทนความร้อน | 4,150 | 3,450 | 83% |
- เชื้อเพลิงชีวภาพ | 1,755 | 879 | 48% |
(2) การส่งเสริมการใช้ NGV | 3,469 | 1,464 | 42% |
3. เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายอนุรักษ์พลังงานและแผนพัฒนาพลังงานทดแทน สนพ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ได้รวบรวมงบประมาณรายจ่ายตามแผนงานและโครงการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประสงค์ขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับใช้จ่ายเป็นเงินหมุนเวียน เงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุนสำหรับการลงทุน และดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน มาตรา 25 แห่ง "พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ซึ่งได้ยื่นขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ เพื่อดำเนินโครงการต่างๆ เป็นจำนวน 125 โครงการ ในวงเงินทั้งสิ้น 5,365,911,205 บาท
4. การพิจารณากลั่นกรองงบประมาณได้ดำเนินการโดย "คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำปี 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ซึ่งได้ยึดตามแนวทาง/หลักเกณฑ์การพิจารณากลั่นกรองโครงการฯ ของกองทุนฯ ตามที่คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้เห็นชอบแล้ว เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 โดยมีหลักเกณฑ์ที่สำคัญ ดังนี้
(1) การจัดลำดับความสำคัญตามนโยบายและแผน โดยทำการพิจารณาถึงความสอดคล้องของโครงการกับภารกิจที่สำคัญ ดังนี้
- ภารกิจตามข้อกำหนดและกฎหมาย พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
- ภารกิจตามยุทธศาสตร์ระดับชาติ นโยบายรัฐบาล และกระทรวงพลังงาน
- ภารกิจตามเจตนารมณ์ของกองทุนฯ ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตามแผนและเป้าหมายอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554
- ภารกิจตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี (พ.ศ. 2551-2565)
(2) ระยะเวลาการเกิดผลสัมฤทธิ์ โดยใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่งช่วงเวลาที่โครงการดังกล่าวสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้ในอนาคต โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะ "สั้น" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 1-2 ปี) ระยะ "กลาง" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 3-5 ปี) และ ระยะ "ยาว" (เกิดผลสัมฤทธิ์ต้องใช้เวลามากกว่า 5 ปี)
(3) ศักยภาพในการขยายผล โดยเน้นโครงการวิจัยและ/หรือดำเนินการแล้วสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้จริง (Deployment Potential) โดยแบ่งตามศักยภาพการขยายผลเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "มาก" และกลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "น้อย"
(4) โครงการต่อเนื่อง โดยพิจารณาผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ถ้ามีความก้าวหน้าเกินกว่าร้อยละ 50 ของแผนงาน และผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดี จึงจะได้รับงบประมาณสำหรับปีต่อไป
(5) งานประชาสัมพันธ์ ดำเนินงานเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารอย่างแท้จริง
(6) งบบริหารแผนการดำเนินงาน จะต้องเป็นภารกิจหรืองานที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และปรับอัตราค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แนวทาง และขอบเขตการพิจารณางบประมาณตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
5. การประชุมของคณะทำงานฯ เพื่อพิจารณากลั่นกรองงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 ของกองทุนฯ รวมจำนวนทั้งสิ้น 9 ครั้ง โดยเริ่มดำเนินการพิจารณาตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2553 และสิ้นสุดการพิจารณาเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2553
6. ผลการพิจาณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ คณะทำงานฯ เห็นควรสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการต่างๆ ภายใต้แผนพลังงานทดแทน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนงานบริหารเชิงกลยุทธ์ ในวงเงิน 2,614,335,136 บาท รวม 81 โครงการ แบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงินกองทุนฯ ดังนี้
(1) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) จำนวน 883,618,960 บาท คิดเป็นร้อยละ 33.80 รวม 54 โครงการ
(2) สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จำนวน 1,730,716,176 บาท คิดเป็นร้อยละ 66.20 รวม 27 โครงการ
7. เลขานุการฯ ได้สรุปโครงสร้างของงบประมาณรายจ่ายกองทุนฯ ปี 2554 ให้ที่ประชุมทราบว่า งบประมาณที่ขอรับการจัดสรรในแผนพลังงานทดแทน จำนวน 1,449 ล้านบาท ได้ครอบคลุมในเทคโนโลยีต่างๆ ทั้งในการศึกษาวิจัย การส่งเสริมสาธิต และงานสนับสนุนอื่นๆ ซึ่งประกอบด้วยโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการศึกษาการผลิตต้นแบบกังหันลม โครงการพลังน้ำระดับชุมชน โครงการด้านการอบแห้งแสงอาทิตย์ โครงการก๊าซชีวภาพจากฟาร์มสุกร/ขยะ การศึกษาความเป็นไปได้ของ Asian BioFuel Hub และกำหนด Ethanol Benchmark Price โครงการสนับสนุนทุนการศึกษา และโครงการศูนย์เรียนรู้พลังงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 สำหรับแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน 1,087 ล้านบาท ประกอบด้วยงานที่สำคัญๆ ได้แก่ การส่งเสริม กำกับดูแลโรงงาน/อาคาร ควบคุม ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โครงการ Tax Incentive โครงการส่งเสริมเทคโนโลยีในเชิงลึก โครงการเพิ่มประสิทธฺภาพใน SMEs โครงการส่งเสริมวัสดุอุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน การศึกษามาตรฐาน LED และโครงการสนับสนุนทุนการศึกษา โดยสรุปงบประมาณรายจ่ายของกองทุนฯ ปี 2554 เป็นดังนี้
จำแนกตามแผนอนุรักษ์พลังงาน | รวม | ร้อยละ | จำแนกตามหน่วยผู้เบิก (บาท) | |
พพ. | สนพ. | |||
1. แผนพลังงานทดแทน | 1,449,445,340 | 55.44% | 318,758,500 | 1,130,686,840 |
1.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 214,635,000 | 8.21% | 61,635,000 | 153,000,000 |
1.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 341,945,340 | 13.08% | 228,703,500 | 113,241,840 |
1.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 864,445,000 | 33.07% | - | 864,445,000 |
1.4 งานบริหารแผนงาน | 28,420,000 | 1.09% | 28,420,000 | - |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 1,087,318,060 | 41.59% | 564,860,460 | 522,457,600 |
2.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 107,800,000 | 4.12% | 7,800,000 | 100,000,000 |
2.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 492,940,000 | 18.86% | 492,940,000 | - |
2.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 479,543,060 | 18.34% | 57,085,460 | 422,457,600 |
2.4 งานบริหารแผนงาน | 7,035,000 | 0.27% | 7,035,000 | - |
3. แผนบริหารเชิงกลยุทธ์ | 77,571,736 | 2.97% | - | 77,571,736 |
พพ. | สนพ. | |||
3.1 งานศึกษาวิจัยเชิงนโยบาย | 14,000,000 | 0.54% | - | 14,000,000 |
3.2 งานบริหารแผนงาน | 63,571,736 | 2.43% | - | 63,571,736 |
รวมงบประมาณ ทอ. ปี 2554 |
2,614,335,136 | 100.00% | 883,618,960 | 1,730,716,176 |
8. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ที่เกี่ยวกับโครงการประชาสัมพันธ์ ขอเสนอพิจารณาอนุมัติไว้เป็นกรอบวงเงิน จำนวน 700 ล้านบาท เพื่อให้งานประชาสัมพันธ์มีความเป็นเอกภาพ มีทิศทางการปฏิบัติไปในแนวเดียวกัน โดยการบริหารจัดการเพื่อใช้เงินกองทุนฯ ให้ผ่านความเห็นชอบของ "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน โดยให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผนงาน/งานเดียวกันได้ ทั้งนี้เมื่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เห็นชอบแล้ว ให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินโครงการต่อไป และให้กระทรวงพลังงานดำเนินการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ต่อไปด้วย
9. ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอขอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ งานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เนื่องจาก พพ. และ สนพ. มีงานบริหารเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานที่ต้องดำเนินงานต่อเนื่อง เช่น การเบิกจ่ายเงินให้หน่วยงาน โครงการ ตามข้อผูกพันสัญญาฯ การประสานหน่วยงาน โรงงาน อาคาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอนุรักษ์พลังงาน การให้คำแนะนำกับประชาชนในเรื่องวิธีประหยัดพลังงาน ฯลฯ จึงมีรายจ่ายประจำที่จำเป็นเพื่อการบริหารงานที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น ค่าจ้างพนักงานราชการ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปให้ความรู้ความเข้าใจ การร่วมประชุมให้ความเห็น ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ แล้ว มีข้อสังเกตและข้อคิดเห็น ดังนี้
1. ผู้แทน พพ. เห็นว่าในปีงบประมาณ 2554 เป็นปีสิ้นสุดของแผนอนุรักษ์พลังงาน ระยะที่ 3 จึงขอหารือที่ประชุมเกี่ยวกับการพิจารณาจัดสรรงบประมาณสำหรับการประเมินผลการดำเนินงานในภาพรวมของแผนดังกล่าว เพื่อที่จะนำมาใช้ประกอบการจัดทำแผนในระยะต่อไป ซึ่งควรได้รับการจัดสรรงบประมาณที่เพียงพอต่อขอบเขตของงาน ทั้งนี้ประธานอนุกรรมการฯ เห็นว่าการประเมินที่ผ่านมาเป็นการประเมินโครงการ (Project Evaluation) ซึ่งยังไม่ได้รวมถึงการประเมินผลลัพธ์ (Out come) ที่มีความจำเป็น เพื่อจะได้ทำให้ทราบว่าการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาได้ก่อให้เกิดประโยชน์มากน้อยเพียงใด และทราบถึงแนวทางที่ชัดเจนในการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินโครงการในอนาคตให้ไปสู่เป้าหมายในการอนุรักษ์พลังงานสูงสุดต่อไป
ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงพลังงาน ได้เรียนที่ประชุมทราบว่า การจัดทำแผนกองทุนฯ ในช่วงปี 2555-2559 ซึ่งเสนอขอรับการจัดสรรจากกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2554 แผนงานบริหารกลยุทธ์ ในวงเงิน 7 ล้านบาท มีการกำหนดขอบเขตงานที่ครอบคลุมถึงการศึกษาทบทวนแผนอนุรักษ์พลังงานไว้แล้ว นอกจากนี้ ยังเห็นว่า การประเมินแผนในภาพรวมเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องดำเนินการ ดังนั้น จึงเห็นควรให้เป็นบทบาทหน้าที่ของข้าราชการ และได้ขอรับมาดำเนินการต่อไป
2. ปลัดกระทรวงพลังงาน เห็นว่า กระบวนการในการดำเนินโครงการสนับสนุนการศึกษา วิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน ของ สนพ. ซึ่งเสนอขอรับการจัดสรรจากกองทุนฯ ไว้ในวงเงิน 150 ล้านบาท อาจจะทำให้เกิดความล่าช้าในการได้มาซึ่งโครงการ จึงเห็นควรให้ สนพ. เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และควรเพิ่มการวิจัยเกี่ยวกับประเภทของพืชที่สามารถนำมาผลิตเอทานอลได้ในโครงการดังกล่าวด้วย เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของ KPI กระทรวงพลังงาน
3. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง เสนอแนะให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดทำเอกสารประกอบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 เพิ่มเติม โดยให้เห็นถึงการเปรียบเทียบงบประมาณรายจ่ายปี 2553 และ 2554 และจำนวนผลประหยัดที่ได้รับจากการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2553 เทียบกับเป้าหมายให้ชัดเจนมากขึ้น
4. เลขานุการฯ ได้ชี้แจงที่ประชุมเพิ่มเติมถึงแนวทางการจัดทำแผนกองทุนฯ ในช่วงปี 2555-2559 ว่า จะมีการกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดให้ชัดเจนมากขึ้น โดยจะจำแนกออกมาจากแผนด้านพลังงานของประเทศ (แผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี และแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี) และให้เหมาะสมกับงบประมาณ ทั้งนี้ การดำเนินการของกองทุนฯ จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนด้านพลังงานของประเทศ
มติที่ประชุม
1. เห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ เป็นจำนวน 2,614,335,136 บาท และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาต่อไป
2. เห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ค่าใช้จ่ายในงานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 โดยให้แต่ละหน่วยงานสามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในหมวดต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
เรื่องที่ 8 การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ อนุมัติไว้แล้ว
1. มีหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไปแล้ว ได้ยื่นเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการจากที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้ รวม 58 โครงการ ซึ่งตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินฯ และการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2553 หมวด 3 ข้อ 26 กำหนดว่า การเปลี่ยนแปลงรายการ ระยะเวลาดำเนินการ ไปจากรายละเอียดโครงการที่คณะกรรมการกองทุนฯ ได้อนุมัติไว้แล้ว โดยไม่เกินวงเงินที่คณะกรรมการกองทุนจัดสรรให้ จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ก่อน จึงจะเปลี่ยนแปลงได้
2. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้พิจารณาเหตุผลและรายละเอียดที่เจ้าของโครงการฯ ได้แจ้งขอเปลี่ยนแปลงแล้ว และจำแนกเรื่องที่ขอเปลี่ยนแปลงออกเป็น 5 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 ขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ เกิน 3 เดือน นับจากวันสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา/หนังสือยืนยัน จำนวน 1 โครงการ คือ
โครงการการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำระดับหมู่บ้านอย่างยั่งยืน (ว่าจ้างปรับปรุงระบบส่งน้ำ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำระดับหมู่บ้าน โครงการห้วยน้ำขุ่น อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย) มีสาเหตุจาก คู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรที่ได้ทำสัญญาจ้างหรือหนังสือยืนยันการรับทุนไว้กับ พพ. ได้ส่งรายงานเลยกำหนดระยะเวลาในสัญญา จึงทำให้ไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้ภายในกำหนดระยะเวลา 3 เดือน นับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญาการปฏิบัติข้างต้น เป็นการดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการเก็บรักษาเงินและทรัพย์สินและการเบิกจ่ายเงินกองทุน พ.ศ. 2553 หมวด 2 ข้อ 18 ที่ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการเบิกจ่ายเงินกองทุนไว้ "ให้ผู้เบิกเงินกองทุนใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันตามประมาณการรายจ่ายประจำปีได้ ภายในวงเงินและปีงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ กรณีผู้เบิกเงินกองทุนก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณ แต่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในปีงบประมาณนั้นๆ ให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายรายการนั้นๆ ต่อไปได้ ภายใน 3 เดือน นับจากเวลาสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา ซึ่งนับรวมระยะเวลาตรวจรับงานไว้แล้ว หากไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้ทันภายใน 3 เดือน ที่ได้ขยายเวลาการเบิกจ่ายแล้วให้เป็นอำนาจของคณะอนุกรรมการกองทุนที่จะพิจารณาอนุมัติ"
กลุ่มที่ 2 ขอขยายระยะเวลาโครงการฯ จำนวน 43 โครงการ แบ่งลักษณะการขอขยายเป็น 3 กลุ่มย่อย ดังนี้
กลุ่มที่ 2.1 โครงการที่สิ้นสุดระยะเวลาโครงการฯ แล้ว และขอขยายระยะเวลาเพิ่มเติม เพื่อดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์
โครงการ | งบประมาณ (ล้านบาท) |
หน่วยงาน | เดิม | ขยายถึง |
1. โครงการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำระดับหมู่บ้านอย่างยั่งยืน | 150.0 | พพ. | ก.ย. 2553 | มี.ค. 2555 |
2. โครงการสร้างความเข้าใจนโยบายพลังงานและนโยบายเชื้อเพลิงชีวภาพ (E85) | 10.0 | สป.พน. | เม.ย. 2553 | ส.ค. 2553 |
3. โครงการรณรงค์และประกวดอนุรักษ์พลังงาน (Thailand Energy Award) | 10.0 | พพ. | ส.ค. 2553 | ก.ย. 2553 |
4. โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในสวนพฤกษศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ร.9 จังหวัดนครราชสีมา | 5.58 | สป.พน. | ต.ค. 2553 | ม.ค. 2554 |
5. โครงการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรด้านการทดสอบถังและอุปกรณ์ NGV ปีที่ 1) | 7.00 | ธพ. | ส.ค. 2553 | ก.พ. 2554 |
6. โครงการจัดประชุม/สัมมนาเชิงวิชาการ เพื่อนำเสนอผลงานวิจัยด้านพลังงาน | 5.00 | สนพ. | ก.ย. 2553 | ม.ค. 2554 |
7. โครงการจัดการเครือข่ายรถบรรทุกสินค้า (Thai Truck Alliance) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน | 9.99 | มทส. | ก.ค. 2553 | เม.ย 2554 |
8. โครงการการศึกษาศักยภาพการผลิตไฟฟ้าจากกากมันสำปะหลังเปียก โดยใช้เทคโนโลยีแก๊สซิฟิเคชัน | 8.34 | ม. เอเชียอาคเนย์ | ก.ย. 2553 | มี.ค. 2554 |
9. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศ จำนวน 1 ทุน | 0.32 | สนพ. | พ.ค. 2553 | ต.ค. 2553 |
10. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ จำนวน 3 ทุน | 15.71 | สนพ. | รายละเอียดปรากฏในเอกสารประกอบวาระ 4.2 ส่วนที่ 2 โครงการที่ 15-16 | |
11. โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษาจำนวน 10 โครงการ | 0.97 | สนพ. | ||
12. โครงการพัฒนาพลังงานทดแทนบริเวณชายแดน | 10.80 | สป.พน. | ต.ค. 2553 | ม.ค. 2554 |
13. โครงการพัฒนาประเมินผลและเสนอแนะด้านบริหารจัดการโครงการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานด้วยไบโอดีเซลชุมชน (ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) | 9.89 | พพ. | ต.ค. 2553 | ม.ค. 2554 |
14. โครงการสาธิตพัฒนาพลังงานลม เพื่อผลิตไฟฟ้า จังหวัดปัตตานี (ค่ากังหันลมพร้อมติดตั้งและทดสอบ) | 22.35 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
15. ศึกษา สาธิตการทำก๊าซชีวภาพให้เป็นไบโอมีเทน (Purification or Upgrading Biogas to Biometeane) | 2.42 | พพ. | ก.ย. 2553 | ธ.ค. 2553 |
16. โครงการส่งเสริมระบบผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มปศุสัตว์ | 2.80 | พพ. | พ.ค. 2553 | ส.ค. 2554 |
17. โครงการศึกษาจัดทำร่างกฎกระทรวงเครื่องจักรและวัสดุอุปกรณ์เฉพาะด้านประสิทธิภาพพลังงาน และจัดทำร่างมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ำ เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (โครงการศึกษาเครื่องอัดอากาศเพื่อจัดทำประสิทธิภาพพลังงานตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2550) | 20.00 | พพ. | ก.ย. 2553 | มี.ค. 2554 |
18. โครงการศึกษาจัดทำร่างกฎกระทรวงเครื่องจักรและวัสดุอุปกรณ์เฉพาะด้านประสิทธิภาพพลังงาน และจัดทำร่างมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ำ เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (โครงการศึกษาเครื่องยนต์แก๊สโซลีนและดีเซลขนาดเล็ก 1 สูบ เพื่อจัดทำร่างกฎกระทรวงเฉพาะด้านประสิทธิภาพพลังงาน ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2550) | 15.00 | พพ. | ก.ย. 2553 | ม.ค. 2554 |
19. โครงการเครือข่ายศูนย์ทดสอบ เครื่องจักร และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน | 4.50 | พพ. | ก.ย. 2553 | มี.ค 2554 |
20. โครงการการสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 (โรงงานควบคุม กลุ่ม 1) | 18.25 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
21. โครงการการสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 (โรงงานควบคุม กลุ่ม 2) | 18.25 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
22. โครงการการสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 (โรงงานควบคุม กลุ่ม 3) | 18.25 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
23. โครงการการสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 (โรงงานควบคุม กลุ่ม 4) | 18.25 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
24. โครงการการสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 (อาคารควบคุม กลุ่ม 1) | 9.00 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
25. โครงการการสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 (อาคารควบคุม กลุ่ม 2) | 9.00 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
26. โครงการการสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 (อาคารควบคุม กลุ่ม 3) | 9.00 | พพ. | ก.ย. 2553 | มิ.ย. 2554 |
กลุ่มที่ 2.2 โครงการยังไม่สิ้นสุดระยะเวลาโครงการ แต่มีการดำเนินการผูกพันสัญญาการขอรับทุนกับผู้ร่วมโครงการเกินระยะเวลาสิ้นสุดโครงการฯ
โครงการ | งบประมาณ (ล้านบาท) |
หน่วย งาน |
เดิม | ขยายถึง |
27. โครงการส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงานโดยวิธีประกวดราคา | 1,037.50 | สนพ. | เม.ย. 2554 | ก.ค. 2555 |
28. โครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในโรงชำแหละแปรรูปไก่ | 60.00 | มช. | มี.ค. 2554 | มี.ค. 2556 |
กลุ่มที่ 2.3 โครงการที่สิ้นสุดระยะเวลาโครงการแล้วเป็นระยะเวลานาน แต่ยังไม่ได้ปรับแผนขอขยายระยะเวลาในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากโครงการฯ ได้แก้ไขปัญหา และสามารถกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดโครงการฯ ได้ เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดโครงการไปแล้ว
โครงการ | งบประมาณ (ล้านบาท) |
หน่วยงาน | เดิม | ขยายถึง |
29. โครงการส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งมวลชน Park & Ride | 20.00 | รฟม. | ต.ค. 2551 | ก.พ. 2554 |
30. โครงการส่งเสริมการแปรรูปขยะเป็นน้ำมัน เทศบาลเมืองวารินชำราบ | 35.00 | ท.เมืองวารินชำราบ | ก.ย. 2552 | ธ.ค. 2553 |
31. โครงการส่งเสริมการแปรรูปขยะเป็นน้ำมันเทศบาลนครพิษณุโลก | 35.00 | ท.นครพิษณุโลก | ก.ย. 2552 | ธ.ค. 2553 |
32. โครงการส่งเสริมการแปรรูปขยะเป็น น้ำมัน ในส่วนบริหารโครงการและติดตามประเมินผล | 7.56 | สถาบันวิจัยพลังงาน | ต.ค. 2552 | มี.ค. 2554 |
33. โครงการส่งเสริมการใช้เตาหุงต้มและเตาชีวมวลประสิทธิภาพสูง | 2.50 | พพ. | ส.ค. 2551 | มิ.ย. 2555 |
34. โครงการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานด้วยไบโอดีเซลชุมชน (โครงการตรวจสอบการดำเนินงานโครงการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานด้วยไบโอดีเซลชุมชน) | 3.79 | พพ. | มี.ค. 2552 | ธ.ค. 2553 |
35. โครงการศูนย์ทดสอบมาตรฐานอุปกรณ์ระบบทำน้ำร้อน พลังงานแสงอาทิตย์ | 2.50 | พพ. | ม.ค. 2552 | ม.ค. 2554 |
36. สัญญาซื้อขายปรับปรุงสถานีสำรวจศักยภาพพลังงานลม (จัดซื้อและติดตั้งเครื่องวัดลมและบันทึกข้อมูลพร้อมอุปกรณ์ประกอบ) | 9.14 | พพ. | ก.ค. 2551 | ม.ค. 2554 |
37. โครงการการส่งเสริมพลังงานจากขยะชุมชน (ว่าจ้างที่ปรึกษาพัฒนาระบบผลิตพลังงานสำหรับเทศบาลที่มีขยะ 5-10 ตัน/วันและ 10-50 ตัน/วัน | 9.76 | พพ. | ก.ย. 2552 | ก.ค. 2554 |
38. โครงการวิจัย สาธิต สนับสนุนระบบผลิตจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier (ว่าจ้างวิจัย สาธิตระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier ขนาด 400 กิโลวัตต์) | 19.95 | พพ. | ก.ค. 2552 | พ.ค. 2554 |
39. โครงการวิจัย สาธิต สนับสนุนระบบผลิตพลังงานจากชีวมวล แบบ Three Stages Gasifier (ว่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมการติดตั้งทดสอบและรายงานผลระบบ Gasifier แบบ Three Stages ขนาด 100 กิโลวัตต์ จำนวน 4 แห่ง) | 5.12 | พพ. | พ.ย. 2552 | พ.ย. 2554 |
40. โครงการวิจัย สาธิต สนับสนุนระบบผลิตพลังงานจากชีวมวล แบบ Three Stages Gasifier (ค่าจัดซื้อและติดตั้งระบบ Gasifier พร้อม Gas Engine เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 100 กิโลวัตต์ จำนวน 4 แห่ง) | 23.70 | พพ. | มี.ค. 2553 | มิ.ย. 2554 |
41. โครงการสาธิตพัฒนาพลังงานลมเพื่อผลิตไฟฟ้า (ค่าจัดหาติดตั้งเสาวัดลมขนาดเสาสูง 100 เมตร) | 1.19 | พพ. | ก.ย. 2552 | เม.ย. 2554 |
42. วิจัยพัฒนาประสิทธิภาพระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลแบบ Three Stages Gasifier | 6.57 | พพ. | ก.ค. 2553 | เม.ย. 2555 |
43. โครงการปรับปรุงระบบการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารและโรงงานควบคุม (Feedback Report) ภายใต้พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน | 5.00 | พพ. | ก.ย. 2553 | ธ.ค. 2553 |
ทั้งนี้ โครงการที่ขอขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการจนถึงเดือนธันวาคม 2553 ได้แก่ โครงการที่ 2, 3, 9, 15, 30, 31, 34 และ 43 ฝ่ายเลขานุการฯ เห็นควรเสนอพิจารณาอนุมัติให้การสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ เป็นภายใน 30 วัน นับจากวันที่คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้มีหนังสือแจ้งมติออนุมัติการขอขยายระยะเวลาดังกล่าว
กลุ่มที่ 3 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ จำนวน 4 โครงการ
มีสาเหตุจากคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีข้อจำกัดระหว่างการดำเนินงาน เช่น การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดกิจกรรมย่อยให้มีความหลากหลายและสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น หรือเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์พลังงานในปัจจุบัน เป็นต้น
โครงการ |
การขอเปลี่ยนแปลง |
1. โครงการประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจด้านพลังงาน ผ่านบทเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์
งบประมาณ : 35 ล้านบาท หน่วยงาน : สป.พน. |
ขอเปลี่ยนชื่อโครงการ จากเดิม "โครงการประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจด้านพลังงาน ผ่านบทเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์" เป็น "โครงการพลังความสุขจากพ่อของแผ่นดิน" เนื่องจากคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติแห่งการบรมราชาภิเษกปีที่ 60 และการเฉลิมพระชนมพรรษา ของกระทรวงพลังงาน ได้เห็นชอบโครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ |
2. โครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในโรงฆ่าสัตว์
งบประมาณ : 40 ล้านบาท หน่วยงาน : มช. |
ขอปรับวงเงินสนับสนุนค่าก่อสร้างระบบฯ และค่าที่ปรึกษา จากเดิมสนับสนุนรวมไม่เกิน 400,000 บาทต่อแห่ง (เงินสนับสนุนค่าก่อสร้างระบบฯ ไม่เกิน 200,000 บาทต่อแห่ง และค่าบริษัทที่ปรึกษาไม่เกิน 200,000 บาทต่อแห่ง) เป็น การปรับปรุงวงเงินสนับสนุนให้ปรับเปลี่ยนตามขนาดระบบ ตั้งแต่ 50 ถึง 500 ลบ.ม. โดยอัตราดังกล่าวกำหนดให้มีสัดส่วนการสนับสนุนไม่มากกว่าเดิม |
3. โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 3 ทุน
งบประมาณ : 0.17 ล้านบาท หน่วยงาน : สนพ. |
1) มจธ. ขอเปลี่ยนแปลงผู้วิจัยโครงการ "การบำบัดน้ำเสียอุตสาหกรรมอาหารด้วยกระบวนการไบโอไฮโดรเจน" จากนางสาวสุภัทร์พร เทียนงาม เป็น นางสาวสุธัชวดี ธรรมรักษ์
2) จุฬาฯ ขอเปลี่ยนแปลงชื่อโครงการวิจัย จากเรื่อง "การลดความหนืดของน้ำมันพืชและไขมันสัตว์บางชนิดอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้น้ำเป็นตัวทำละลายและใช้โลหะเลขอะตอมสูงเป็นตัวกำเนิดโฟโตอิเล็กตรอนระหว่างการฉายรังสีแกมมา" เป็น "แนวทางใหม่ในการลดความหนืดของน้ำมันพืชบางชนิดและน้ำมันหมู โดยใช้น้ำและคาร์บอนเตตราคลอไรด์เป็นตัวทำละลายขณะฉายรังสีแกมมาจากโคบอลต์-60" 3) ม.ราชภัฏลำปาง ขอเปลี่ยนแปลงเมธีวิจัยร่วมในโครงการวิจัยเรื่อง "การศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้น้ำมันไพโรไลซิสในกิจกรรมของกลุ่มเพาะเห็ด บ้านปงยางคก จังหวัดลำปาง" จากเดิมนายพิบูลย์ หม่องเชย เป็นนายนิวัติ กิจไพศาลสกุล |
4. โครงการส่งเสริมการผลิตพลังงานจากขยะชุมชนในเทศบาลที่มีขยะ 5-50 ตัน/วัน จำนวน 10 แห่ง
งบประมาณ : 80.3 ล้านบาท หน่วยงาน : พพ. |
ขอเปลี่ยนแปลงพื้นที่ดำเนินงาน จากเทศบาลตำบลย่านตาขาว จังหวัดตรัง เป็น อบต. นาฝาย จังหวัดชัยภูมิ เนื่องจาก อบต. นาฝาย มีความพร้อมและมีแหล่งขยะอินทรีย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิและโรงเรียนกาญจนาภิเษกชัยภูมิเป็นแหล่งใหญ่ที่จะสามารถคัดแยกขยะอินทรีย์มาเข้าระบบผลิตก๊าซชีวภาพได้ ส่วนก๊าซชีวภาพที่ผลิตได้ก็มีครัวเรือนในชุมชนที่สามารถนำก๊าซไปใช้ได้ |
กลุ่มที่ 4 ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ และขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน จำนวน 7 โครงการ
มีสาเหตุจากคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรได้ดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ แล้ว แต่มีข้อจำกัดระหว่างการดำเนินงาน เช่น การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดกิจกรรมย่อยให้มีความหลากหลาย และสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น หรือเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์พลังงานในปัจจุบัน เป็นต้น พร้อมทั้งขอขยายระยะเวลาดำเนินโครงการด้วย
งบประมาณ : 15 ล้านบาท
หน่วยงาน : สนพ.
โครงการ | การขอเปลี่ยนแปลง |
1. โครงการศูนย์การเรียนรู้พลังงานในภูมิภาค: กิจกรรมว่าจ้างวิศวกรที่ปรึกษาออกแบบก่อสร้างศูนย์การเรียนรู้พลังงานในภูมิภาค
งบประมาณ : 15.00 ล้านบาท หน่วยงาน : สป.พน. โดย สวภ. 5 |
1) ขอขยายระยะเวลา จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 4 ธ.ค. 2553 เป็นวันที่ 4 มี.ค. 2554
2) ขอปรับงวดการเบิกจ่ายเงินและรายละเอียดการส่งรายงานความก้าวหน้าของโครงการ เนื่องจาก สวภ. 5 ได้มีการแบ่งการจัดจ้างที่ปรึกษาออกแบบก่อสร้างศูนย์การเรียนรู้ฯ เป็น 2 สัญญาจ้าง และการแบ่งงวดงานและงวดเงินไม่สอดคล้องกันระหว่างสัญญาจ้างที่ปรึกษากับหนังสือยืนยันการขอรับทุน ทำให้ สป.พน. ไม่สามารถจ่ายเงินได้ตามสัญญาจ้างที่ปรึกษา |
2. โครงการ Energy Mobile Unit ระยะที่ 2
งบประมาณ : 51.19 ล้านบาท หน่วยงาน : สป.พน. |
1) ขอขยายระยะเวลา จากเดิมสิ้นสุดเดือน ธ.ค. 2553 เป็นสิ้นสุดเดือน พ.ค. 2554
2) ขอใช้เงินเหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการ จำนวน 2,325,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ดังนี้ - จัดซื้อรถบรรทุกพร้อมหลังคา จำนวน 1 คัน จำนวนเงิน 626,000 บาท เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานหน่วยปฏิบัติการพลังงานเคลื่อนที่ของ สวภ. 7 - จัดซื้อคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะสำหรับประมวลผล จำนวน 3 เครื่อง จำนวนเงิน 99,000 บาท - ผลิตสปอตวิทยุ จำนวนเงิน 1,600,000 บาท เพื่อเพิ่มการประชาสัมพันธ์ โครงการให้เป็นที่รู้จัก และสามารถสร้างการจดจำภารกิจหน้าที่การ ทำงานของหน่วยปฏิบัติการพลังงานเคลื่อนที่แก่กลุ่มเป้าหมายเพิ่มมากขึ้น |
3. โครงการอบรมบุคลากรในเรื่องการบูรณาการการเรียนการสอนด้านพลังงานระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
งบประมาณ : 14 ล้านบาท หน่วยงาน : มูลนิธิสิ่งแวดล้อมไทย (มสท.) |
1) ขอถัวจ่ายงบประมาณภายในหมวดเดียวกันได้ตามความเหมาะสม เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยไม่กระทบวงเงินเดิมที่ได้รับอนุมัติไว้
2) ขยายระยะเวลา จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2553 เป็นวันที่ 31 ม.ค. 2554 เนื่องจากมีบางกิจกรรมที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ เช่น การจัดทำวารสารผลิใบ และการผลิตสื่อการเรียนการสอนส่วนกลาง |
4. โครงการการพัฒนากระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการด้านพลังงานเพื่อเสริมในหลักสูตรประถมและมัธยมศึกษา (ปีที่ 1)
งบประมาณ : 8.20 ล้านบาท หน่วยงาน : มจธ. |
1) ขอขยายเวลา จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 22 ก.ย. 2553 เป็นวันที่ 22 ธ.ค. 2553
2) ขอโอนเปลี่ยนแปลงหมวดรายจ่าย จากหมวดค่าใช้สอยเป็นหมวดค่าครุภัณฑ์ในวงเงิน 100,000 บาท เพื่อจัดซื้อวัสดุคงทนถาวรและครุภัณฑ์ โดยถัวจ่ายจากหมวดค่าใช้สอย ทั้งนี้อยู่ในกรอบวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร เพื่อให้การดำเนินงานโครงการมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น |
5. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศ
จำนวน 2 ทุน งบประมาณ : 0.47 ล้านบาท หน่วยงาน : สนพ. |
1) มช. ขอขยายระยะเวลาการศึกษาให้แก่ นายสุขแก้ว คำเมืองสา ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2553- มิ.ย. 2554 เพื่อจัดทำวิทยานิพนธ์ให้เสร็จสมบูรณ์ โดยขออนุมัติใช้เงินเหลือจ่าย จำนวน 8,230 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงขยายระยะเวลา
2) สนข. ขอเปลี่ยนแปลงสาขาการศึกษาให้กับ ว่าที่ร้อยเอกณัฏฐพร บัวผุด จากเดิม สาขาวิศวกรรมขนส่ง คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็น สาขา โลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พร้อมทั้งขอขยายเวลาการศึกษา จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 14 พ.ค. 2553 เป็นวันที่ 15 ส.ค. 2554 เนื่องจากจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูล และใช้เครื่องมือช่วยในการศึกษา และร่วมจัดทำกับอาจารย์ที่มีความสนใจเฉพาะทางในเรื่องการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ |
6. โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษา
ระดับอุดมศึกษา จำนวน 2 ทุน งบประมาณ : .0.06 ล้านบาท หน่วยงาน : สนพ. |
1) มก. ขอเปลี่ยนชื่อโครงการวิจัย จากเดิมเรื่อง "การศึกษาค่าสัมประสิทธิ์การบังแดดของไม้เลื้อยโดยใช้การประมวลภาพ" เป็นเรื่อง "การศึกษาค่าสัมประสิทธิ์การส่งผ่านความร้อนจากรังสีอาทิตย์ของไม้เลื้อย โดยใช้การประมวลภาพ" เพื่อให้ครอบคลุม สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และผลการวิจัย และขอขยายระยะเวลาวิจัย จากเดิมสิ้นสุดเดือน เม.ย. 2553 เป็นเดือน ต.ค. 2553 เนื่องจากในช่วงเดือน มี.ค.- พ.ค. ที่ผ่านมาอากาศร้อนจัด ส่งผลให้ต้นไม้ที่ใช้ในการทดลองไม่เจริญเติบโตตามแผนที่วางไว้
2) มก. ขอเปลี่ยนผู้ดำเนินการวิจัยเป็น นางสาวณัฏฐนียา พงษ์พิทักษ์ เนื่องจากนางสาวสุภาวรรณ ดีบุดชา ผู้วิจัย สำเร็จการศึกษา และขอขยายระยะเวลาวิจัยจากเดิมสิ้นสุดเดือน ก.พ. 2553 เป็นวันที่ 31 พ.ค. 2554 เนื่องจากต้องใช้เวลาในการเริ่มต้นระบบของถังปฏิกรณ์มากทำให้มีเวลาในการดำเนินการศึกษาสภาวะต่างๆ น้อย จึงต้องการเวลาในการศึกษาเพิ่มเติม |
7. โครงการประชาสัมพันธ์ผลสำเร็จด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน (Success Story) | |
1. ขอขยายเวลา จากเดิมสิ้นสุดในวันที่ 24 ก.ค. 2554 เป็นวันที่ 26 ธ.ค. 2554
2. ขอเปลี่ยนแปลงรายการจากเดิม เป็นดังนี้ - ผลิตและเผยแพร่สารคดีสั้นทางโทรทัศน์จำนวนไม่น้อยกว่า 30 ตอน ความยาวตอนละ 2 นาที ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ Free TV 1 สถานี ในช่วงเวลา Primetime ออกอากาศเป็นช่วงเวลาประจำไม่น้อยกว่า 2 เดือน และนำสารคดีที่ผลิตแล้วไปออกอากาศเพิ่มเติม (Re-run) ทางเคเบิลทีวีท้องถิ่นและหรือสถานีโทรทัศน์การศึกษาทางไกลอีกไม่น้อยกว่า2 สถานี - ผลิตและเผยแพร่บทความหรือ Advertorial ขนาด Junior Page ขาว-ดำ โดยเลือกนำเนื้อหา หรือจากสารคดีโทรทัศน์มาขยายผล จำนวนไม่น้อยกว่า 30 ครั้ง เผยแพร่ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ ราย 3 วัน และรายสัปดาห์ - ดำเนินการจัดทำแผนงานประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้กลุ่มเป้าหมายติดตามชมสารคดีสั้นทางโทศน์ดังกล่าว ผ่านช่องทางต่างๆ ตลอดระยะเวลาดำเนินงาน รวมถึงแผนงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสารมวลชลให้เกิดกระแสการติดตามชมสารคดีอย่างกว้างขวาง |
กลุ่มที่ 5 ขอยุติการดำเนินโครงการ จำนวน 3 โครงการ
มีสาเหตุจากคู่สัญญาหรือผู้ได้รับเงินจัดสรรไม่สามารถดำเนินการตามแผนงานที่เสนอไว้กับกองทุนฯ ได้ จึงขอยุติการดำเนินงาน ทั้งนี้ในกรณีที่โครงการที่ได้มีการดำเนินงานไปแล้ว และเกิดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานขึ้น อาจพิจารณาจ่ายเงินค่าใช้จ่ายตามสัญญาจ้างหรือหนังสือยืนยันการรับทุนตามความเหมาะสม
โครงการ |
สาเหตุการขอยุติโครงการ |
1. โครงการรณรงค์เพื่อปลูกจิตสำนึก"อนุรักษ์พลังงาน เพื่อพลังงานไทยที่ยั่งยืน" งบประมาณ : 45 ล้านบาท หน่วยงาน : สป.พน. |
เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการ ร่าง TOR (2 ครั้ง) ทำให้การดำเนินงานเกิดความล่าช้า ไม่สอดคล้องกับแผนงานที่กำหนดไว้ อีกทั้งมีลักษณะของโครงการในช่วงปี 2553 ที่ใกล้เคียงกัน จึงต้องยุติโครงการ เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนและการใช้งบประมาณเกิดประสิทธิภาพสูงสุด |
2. โครงการศึกษาเทคโนโลยีที่เหมาะสม สำหรับควบคุมการปล่อยมลพิษทางอากาศและน้ำเสียจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนถ่านหิน ชีวมวล และก๊าซธรรมชาติ งบประมาณ : 7 ล้านบาท หน่วยงาน : สผ. |
1) ขอยุติโครงการฯ โดยปรับวงเงินจาก 7,000,000 บาท เป็น 3,677,633 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณงาน และขอเบิกเงินงวดสุดท้ายจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,177,633 บาท 2) ขอปรับรายละเอียดการส่งรายงานความก้าวหน้าโครงการและการเบิกเงิน เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินงานจริง เนื่องจากผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าแต่ละรายไม่ให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับด้านเทคนิคและการลงทุนของโรงไฟฟ้า ทำให้ สผ. ไม่สามารถรวบรวมข้อมูล เพื่อวิเคราะห์และประเมินผลได้ ส่งผลให้การดำเนินงานไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ |
3. โครงการสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 1 ทุน งบประมาณ : 0.20 ล้านบาท หน่วยงาน : สนพ. |
มจธ. ขอยุติโครงการ "การศึกษาสมบัติและการเผาไหม้ของเขม่าจากดีเซลและไบโอดีเซล" เนื่องจากการแก้ปัญหาเครื่องยนต์ที่ผลิตเขม่าและการหาวิธีการจัดเก็บเขม่าต้องใช้เวลามาก และขาดเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ตัวอย่าง เช่น การวิเคราะห์ Transmission Electron Microscope ทำให้งานวิจัยไม่ก้าวหน้าและไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ |
การพิจารณาของที่ประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ ดังนี้
1. ปลัดกระทรวงพลังงาน เห็นว่า การขอขยายระยะเวลาโครงการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำระดับหมู่บ้านอย่างยั่งยืนจากเดิมสิ้นสุดในเดือนกันยายน 2553 เป็นสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2555 นั้น ไม่ควรจะให้ขยายเวลาข้ามปีงบประมาณ จึงให้ พพ. เร่งดำเนินงานโครงการฯ ให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2554 โดยควรให้ขยายระยะเวลาโครงการฯ จนถึงเดือนกันยายน 2554 เพื่อจะได้ทราบถึงผลการประหยัดพลังงานที่ได้รับจากโครงการว่าส่งผลต่อเป้าหมายมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ ยังเห็นว่าการขอขยายระยะเวลาโครงการในครั้งต่อไป ควรให้ฝ่ายเลขานุการฯ ตรวจสอบรายละเอียดการขอเปลี่ยนแปลงในแต่ละโครงการว่าเป็นไปตามระเบียบกองทุนฯ ในข้อใด เพื่อการพิจารณาการขอเปลี่ยนแปลงโครงการฯ เป็นไปอย่างรอบคอบมากขึ้น พร้อมทั้งให้ปรับแก้ไขระยะเวลาที่เสนอขอขยายจากที่กำหนดเดือนและปี ให้เป็นจำนวนของระยะเวลาที่ขอขยายว่าจากเดิมมีกรอบระยะเวลาการดำเนินงานของโครงการกี่เดือน และจะขอขยายเวลาเพิ่มเป็นกี่เดือน
2. การขอขยายระยะเวลาโครงการในลำดับที่ 29-43 ซึ่งเป็นกลุ่มของโครงการที่สิ้นสุดระยะเวลานานแล้ว แต่ยังไม่ได้ปรับแผนขอขยายในช่วงที่ผ่านมา ให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำไปพิจารณาทบทวนและหารือร่วมกับปลัดกระทรวงพลังงาน และผู้แทนกรมบัญชีกลาง เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดในระเบียบ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะอนุกรรมการฯ ในการประชุมครั้งต่อไป
3. การขอขยายระยะเวลาสิ้นสุดของโครงการย้อนหลัง ควรจะเพิ่มเติมรายละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุให้ชัดเจน และไม่ควรจะให้มีการขอขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการย้อนหลังอีก
4. การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ และขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน จำนวน 7 โครงการ เห็นควรให้เปลี่ยนแปลงรายละเอียดและขยายเวลาดำเนินงานได้ ยกเว้นโครงการ ต่อไปนี้
- โครงการ Energy Mobile Unit ระยะที่ 2 อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินงานได้จนถึงเดือนพฤษภาคม 2554 แต่ไม่อนุมัติให้นำเงินเหลือจ่าย จำนวน 2,325,000 บาท ไปจัดซื้อรถบรรทุก คอมพิวเตอร์ และผลิตสปอตวิทยุ
- โครงการการพัฒนากระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการด้านพลังงานเพื่อเสริมในหลักสูตรประถมและมัธยมศึกษา (ปีที่ 1) อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินงานได้จนถึงวันที่ 22 ธันวาคม 2554 แต่ไม่อนุมัติให้โอนเปลี่ยนแปลงหมวดรายจ่าย จากหมวดค่าใช้สอยเป็นหมวดค่าครุภัณฑ์ ในวงเงิน 100,000 บาท เพื่อจัดซื้อวัสดุคงทนถาวรและครุภัณฑ์
5. โครงการสนับสนุนทุนการศึกษา อนุมัติการขยายระยะเวลาการศึกษาให้กับนายสุขแก้ว คำเมืองสา ได้จนถึงเดือนมิถุนายน 2554 แต่ไม่อนุมัติให้ใช้เงินเหลือจ่าย จำนวน 8,230 บาท ในช่วงขยายระยะเวลาการศึกษา
6. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ เพิ่มเติมรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการขอเปลี่ยนแปลงสาขาวิชาของผู้ได้รับทุนจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ในโครงการสนับสนุนทุนการศึกษา และนำมาเสนออนุกรรมการฯ ในการประชุมครั้งต่อไป
มติที่ประชุม
1. อนุมัติการขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ เกิน 3 เดือน นับจากวันสิ้นสุดเงื่อนไขแห่งสัญญา/หนังสือยืนยัน (กลุ่มที่ 1) จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำระดับหมู่บ้านอย่างยั่งยืน (ว่าจ้างปรับปรุงระบบส่งน้ำ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำระดับหมู่บ้าน โครงการห้วยน้ำขุ่น อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย)
2. อนุมัติการขยายระยะเวลาโครงการในส่วนของโครงการที่สิ้นสุดระยะเวลาโครงการฯ แล้ว และขอขยายระยะเวลาเพิ่มเติมเพื่อดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์ (กลุ่มที่ 2.1) จำนวน 26 โครงการ (โครงการที่ 1-26)
3. อนุมัติการขยายระยะเวลาโครงการในส่วนของโครงการยังไม่สิ้นสุดระยะเวลาโครงการ แต่มีการดำเนินการผูกพันสัญญาการขอรับทุนกับผู้ร่วมโครงการเกินระยะเวลาสิ้นสุดโครงการฯ (กลุ่มที่ 2.2) จำนวน 2 โครงการ (โครงการที่ 27-28)
4. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ ในส่วนของการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดกิจกรรมให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันเพื่อให้โครงการบรรลุวัตถุประสงค์ (กลุ่มที่ 3) จำนวน 4 โครงการ
5. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการและขอขยายระยะเวลาดำเนินงาน (กลุ่มที่ 4) ยกเว้น
- โครงการ Energy Mobile Unit ระยะที่ 2 อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินงานได้จนถึงเดือนพฤษภาคม 2554 แต่ไม่อนุมัติให้นำเงินเหลือจ่าย จำนวน 2,325,000 บาท ไปจัดซื้อรถบรรทุก คอมพิวเตอร์ และผลิตสปอตวิทยุ
- โครงการการพัฒนากระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการด้านพลังงานเพื่อเสริมในหลักสูตรประถมและมัธยมศึกษา (ปีที่ 1) อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินงานได้จนถึงวันที่ 22 ธันวาคม 2554 แต่ไม่อนุมัติให้โอนเปลี่ยนแปลงหมวดรายจ่าย จากหมวดค่าใช้สอยเป็นหมวดค่าครุภัณฑ์ ในวงเงิน 100,000 บาท เพื่อจัดซื้อวัสดุคงทนถาวรและครุภัณฑ์
- โครงการสนับสนุนทุนการศึกษา อนุมัติการขยายระยะเวลาการศึกษาให้กับนายสุขแก้ว คำเมืองสา ได้จนถึงเดือนมิถุนายน 2554 แต่ไม่อนุมัติให้ใช้เงินเหลือจ่าย จำนวน 8,230 บาท ในช่วงขยายระยะเวลาการศึกษา
- โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในประเทศในส่วนของการขอขยายระยะเวลาและขอเปลี่ยนแปลงสาขาวิชาของ สนข.
6. อนุมัติการขอยุติการดำเนินโครงการ (กลุ่มที่ 5) จำนวน 3 โครงการ
กอ. ครั้งที่ 52 - วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม 2553
มติคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ครั้งที่ 3/2553 (ครั้งที่ 52)
วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม 2553 เวลา 15.30 น.
ณ ห้องประชุมบุญรอด-นิธิพัฒน์ ชั้น 11 อาคาร 7 กระทรวงพลังงาน
1. แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
2. รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553
3. ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557
4. รายงานการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553
5. รายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
6. บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง
7. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. เลขานุการฯ ได้แจ้งที่ประชุมทราบว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2553 ได้มีมติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนฯ จำนวน 7 ราย ดังนี้
1.1 นายสวัสดิ์ ตันตระรัตน์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม |
1.2 นายสมชาติ โสภณรณฤทธิ์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.3 นายกฤษณพงศ์ กีรติกร | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.4 หม่อมราชวงศ์พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.5 นายยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.6 นางสาวพวงเพชร สารคุณ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน |
1.7 นายพรายพล คุ้มทรัพย์ | ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ |
2. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2553 ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2553 เป็นต้นไป และฝ่ายเลขานุการฯ ได้แจ้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านทราบแล้ว
มติที่ประชุม
รับทราบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 2 รายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553
เลขานุการฯ ได้รายงานผลการใช้จ่ายเงินและฐานะเงินกองทุนฯ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 ดังนี้
หน่วย : ล้านบาท | |
ยอดยกมา ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2553 | 16,385.31 |
บวก รายรับ | 1,232.38 |
รวม | 17,617.69 |
หัก รายจ่าย | 901.63 |
คงเหลือ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 | 16,716.06 |
มติที่ประชุม
1. รับทราบรายงานฐานะการเงินกองทุนฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
2. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำข้อเสนอแนะของผู้แทนกรมบัญชีกลางไปพิจารณาดำเนินการ และเสนอคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาเห็นชอบก่อนดำเนินการ และให้รายงานต่อคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อทราบ
เรื่องที่ 3 ประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557
1. กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2552 ได้มีมติให้ยกเลิกการจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนอนุรักษ์ฯ ในส่วนที่เก็บเพื่อส่งเสริมโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่งของทั้งน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล ที่จัดเก็บในอัตรา 0.50 บาท/ลิตร และให้โอนเงินที่ได้จัดเก็บไว้แล้ว มาสบทบกับเงินสำหรับส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และลดอัตราจัดเก็บเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ของน้ำมันดีเซลสำหรับส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน จากที่เก็บอยู่ 0.25 บาท/ลิตร เหลือ 0.05 บาท/ลิตร เป็นระยะเวลา 1 ปี และให้จัดเก็บในอัตราเดิม คือ 0.25 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2553
2. รายได้ที่จัดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ สำหรับ "โครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่ง" ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2551 - 1 ตุลาคม 2552 รวมทั้งสิ้น 8,151.37 ล้านบาท โดยปัจจุบันได้โอนเงินดังกล่าวเข้าสมทบกับเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ทั้งนี้ฐานะเงิน "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 16,385 ล้านบาท
3. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้จัดทำประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 สรุปได้ดังนี้
หน่วย: ล้านบาท
ปีงบประมาณ | 2554 | 2555 | 2556 | 2557 | รวมช่วงปี54-57 |
1.เงินคงเหลือณวันที่ 30 กันยายน 2553 | 16,385 | 16,385 | |||
2.ยอดยกมาต้นปีงบประมาณ | 17,536 | 22,272 | 29,666 | ||
3.รายรับประกอบด้วย | |||||
3.1 ประมาณรายรับจากผู้ผลิต/ผู้นำเข้าน้ำมัน | 7,083 | 7,214 | 7,379 | 7,453 | 29,129 |
3.2 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากพพ. | 968 | 862 | 671 | 710 | 3,210 |
3.3 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากปตท. | 211 | 212 | 204 | 135 | 762 |
หน่วย: ล้านบาท
ปีงบประมาณ | 2554 | 2555 | 2556 | 2557 | รวมช่วงปี54-57 |
3.4 เงินทุนหมุนเวียนรอรับคืนจากกฟผ. | 550 | - | - | 400 | 950 |
รวมรับ | 8,812 | 8,288 | 8,254 | 8,698 | 34,051 |
4.รายจ่ายประกอบด้วย | |||||
4.1 รายจ่ายผูกพันปี 2538-2547 | 274 | 132 | 21 | - | 426 |
4.2 รายจ่ายผูกพันปี 2548-2552 | 4,701 | 3,420 | 838 | 766 | 9,726 |
4.3 รายจ่ายผูกพันปี 2553 (สนพ.) | 1,281 | 1,281 | |||
4.4 รายจ่ายผูกพันปี 2553 (พพ.) | 1,406 | 1,406 | |||
รวมจ่าย | 7,661 | 3,552 | 860 | 766 | 12,839 |
5.เงินคงเหลือปลายปี (1+2+3-4) ยกไป | 17,536 | 22,272 | 29,666 | 37,598 | 37,598 |
ประมาณการรายได้/รายจ่ายสุทธิ (3-4) | 1,151 | 4,736 | 7,394 | 7,932 | 21,213 |
มติที่ประชุม
รับทราบประมาณการกระแสเงินสดของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2554-2557 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 4 รายงานการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553
1. คณะกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ได้อนุมัติจัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2553 ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ในวงเงิน 1,823,952,000 บาท และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในวงเงิน 1,379,613,752 บาท รวมเป็นเงิน 3,203,565,752 บาท โดยแยกเป็นแผนพลังงานทดแทน ในวงเงิน 1,039,305,450 บาท แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในวงเงิน 2,034,859,090 บาท และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ในวงเงิน 129,401,212 บาท
2. พพ. และ สนพ. ได้ดำเนินโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ปีงบประมาณ 2553 ตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนฯ ไว้แล้ว โดยมีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นจำนวนเงิน 2,931,520,752 บาท คิดเป็นร้อยละ 91.51 ของงบประมาณรวม และได้เบิกจ่ายเงินคิดเป็นร้อยละ 23 ของงบที่ผูกพัน ดังนี้
2.1 การดำเนินโครงการภายใต้แผนพลังงานทดแทน ได้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 979.95 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 94 ของงบที่ได้รับ
2.2 การดำเนินโครงการภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ได้มีใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 1,822.17 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 90 ของงบที่ได้รับ
2.3 การดำเนินงานภายใต้แผนงานบริหารทางกลยุทธ์ ได้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และผูกพันงบประมาณ เป็นเงิน 129.40 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 100 ของงบที่ได้รับ
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ 2553 ตามที่ ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ
เรื่องที่ 5 รายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
1. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม 2551 - 31 กรกฎาคม 2552 เพื่อให้ทราบว่าการดำเนินงานของกองทุนฯ และโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ มีผลการดำเนินงานบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายหรือไม่การใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ประหยัด และคุ้มค่าหรือไม่ อย่างไร โดยขอตรวจสอบตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549-2551 และได้ขอความร่วมมือ สนพ. จัดเตรียมเอกสารและข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับกองทุนฯ และสถานที่ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานระหว่างการตรวจสอบ
2. สตง. ได้แจ้งผลและส่งรายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549-2551 มายัง สนพ. เพื่อทราบและดำเนินการตามข้อเสนอแนะ ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ 2 ประเด็น ดังนี้
2.1 การใช้จ่ายเงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ โดยครอบคลุมการใช้จ่ายเงินเพื่อบริหารกองทุนฯ ทั้งในส่วนของ สนพ. และ พพ. ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามภารกิจหน้าที่ของกองทุนฯ ซึ่งกำหนดไว้ในวัตถุประสงค์ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
2.2 ผลการดำเนินงานโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนฯ ไม่บรรลุวัตถุประสงค์และไม่มีการใช้ประโยชน์ ซึ่ง สตง. ได้ตรวจสอบทั้งหมด 42 โครงการ ตามแผนพลังงานทดแทน และแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยมีผลการดำเนินงานโครงการไม่บรรลุวัตถุประสงค์ และไม่มีการใช้ประโยชน์จากโครงการ จำนวน 11 โครงการ (พพ. จำนวน 10 โครงการ และ สนพ. จำนวน 1 โครงการ)
3. สตง. เสนอแนะให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอผลการตรวจสอบของ สตง. ให้ประธานกรรมการกองทุนฯ รับทราบและพิจารณา ดังต่อไปนี้
3.1 กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหาร เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
3.2 จัดให้มีการติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหารเพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งทราบปัญหา อุปสรรค
3.3 ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาของการดำเนินงานโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ โดยการพิจารณาดำเนินการตามรายงานประเมินผลและข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน และแจ้งปัญหาในการดำเนินงานของทั้ง 11 โครงการ ตามผลการตรวจสอบให้ สนพ. และ พพ. ทราบและดำเนินการแก้ไข เพื่อให้การดำเนินงานโครงการมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและยั่งยืน
3.4 กำหนดกฎระเบียบให้ สนพ. และ พพ. ซึ่งได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนฯ จัดส่งข้อมูล โครงการให้กองทุนฯ เพื่อให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ใช้ในการติดตามประเมินผล
3.5 การพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กับโครงการที่มีลักษณะการส่งเสริมและสาธิต ในอนาคตต้องกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ก่อน เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับพิจารณาตัดสินใจให้การสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับการดำเนินงานโครงการต่อไป
4. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ สตง. แล้ว สรุปได้ดังนี้
4.1 ได้จัดทำหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการประจำปี 2554 เพื่อใช้ในการพิจารณางบประมาณกองทุนฯ ปี 2554 ดังนี้
1) เกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ประจำปี 2554
เพื่อให้ใช้จ่ายเงินกองทุนในส่วนของงานบริหารงานกองทุนฯ เป็นไปตามเจตนารมณ์ ของพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 มาตรการ 25 (4) ที่กำหนดวัตถุประสงค์ให้ "เป็นค่าใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในการบริหารงานการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้" การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ประจำปี 2554 คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำ 2554 ใช้หลักเกณฑ์เบื้องต้นในการพิจารณาจัดสรร ดังนี้
1.1) เป็นรายการค่าใช้จ่ายที่มีความเกี่ยวข้องกับภารกิจและหน้าที่ของกองทุนเพื่อส่งเสริม การอนุรักษ์พลังงาน
1.2) อัตราค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนด และรายการค่าจ้างที่ปรึกษาให้เป็นไปตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
1.3) เป็นรายการค่าใช้จ่ายที่เป็นไปตามภารกิจที่คณะกรรมการกองทุนฯ และคณะอนุกรรมการกองทุนฯ มอบหมาย
1.4) เป็นรายการค่าใช้จ่ายที่ดำเนินการตามตัวชี้วัดเงินทุนหมุนเวียนของกรมบัญชีกลาง
1.5) นำผลประเมินของคณะอนุกรรมการประเมินผลฯ มาประกอบการพิจารณาในการจัดสรรงบประมาณแต่ละปี
2) แนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณต่อไป
2.1) ฝ่ายเลขานุการฯ จะจัดตั้งคณะทำงานกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ของกองทุนฯ เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณเป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตามภารกิจ หน้าที่ของกองทุนฯ ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนจาก สนพ. พพ. กรมบัญชีกลาง และผู้แทนสำนักงบประมาณ
2.2) นำหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ในส่วนงานบริหารแผนและงานบริหารจัดการ ของกองทุนฯ ที่กำหนดโดยคณะทำงานมาใช้ในการจัดสรรงบประมาณแต่ละปี
4.2 ฝ่ายเลขานุการฯ จะดำเนินการจัดทำหนังสือแจ้งประธานอนุกรรมการประเมินผลฯ เพื่อติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ ในส่วนของงานบริหารต่อไป
4.3 สนพ. และ พพ. ได้ชี้แจงเหตุที่ไม่บรรลุวัตถประสงค์หรือไม่มีการใช้ประโยชน์ พร้อมทั้งเสนอแนวทางการแก้ไขการดำเนินโครงการให้เกิดการใช้ประโยชน์สูงสุด ทั้ง 11 โครงการแล้ว ซึ่งมีรายละเอียดตามเอกสารแนบของระเบียบวาระ
4.4 การจัดส่งข้อมูลโครงการให้กองทุนฯ นั้น ได้เพิ่มเติมข้อเสนอในเรื่องที่ 4.1 เพื่อเป็นมติให้ สนพ. และ พพ. จัดส่งข้อมูลโครงการให้กองทุนฯ เพื่อให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ใช้ในการติดตามประเมินผลแล้ว
4.5 สนพ. ได้มีหนังสือแจ้ง สตง. ให้ทราบผลการดำเนินงานเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว
มติที่ประชุม
รับทราบรายงานการตรวจสอบประเมินผลกองทุนฯ ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตามที่ ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และประธานกรรมการกองทุนฯ ให้ฝ่ายเลขานุการฯ และหน่วยงานทั้ง สนพ. และ พพ. นำข้อท้วงติงของ สตง. ไปเป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินงานต่อไป เพื่อมิให้มีรายการค่าใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ที่ผิดวัตถุประสงค์เกิดขึ้นอีก
เรื่องที่ 6 บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 มีมติอนุมัติให้หน่วยงานต่างๆ ที่มีเงินนอกงบประมาณ ถือปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลเงินนอกงบประมาณ ที่กระทรวงการคลังเสนออย่างเคร่งครัด โดยให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามผล การดำเนินการ และกรมบัญชีกลางเริ่มใช้ระบบประเมินผลทุนหมุนเวียน ตั้งแต่ปีบัญชี 2547 ซึ่งกองทุน เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเป็นทุนหมุนเวียนที่เข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงาน ตั้งแต่ปีบัญชี 2549
2. ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 กรมบัญชีกลางได้กำหนดตัวชี้วัดภาคบังคับ "บทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียน" ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ทุกทุนหมุนเวียนในความรับผิดชอบของกรมบัญชีกลางจะต้องปฏิบัติตาม โดยมีความมุ่งหวังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลของคณะกรรมการทุนหมุนเวียน โดย จะประเมินจาก 4 ประเด็นหลักที่สำคัญ ดังนี้
2.1 การจัดให้มีทิศทาง แผนยุทธศาสตร์ และแผนปฏิบัติการประจำปี โดยพิจารณาจากคณะกรรมการทุนหมุนเวียนกำหนดทิศทาง ยุทธศาสตร์ และจัดให้มีแผนยุทธศาสตร์หรือแผนระยะยาว และแผนปฏิบัติการประจำปี ที่มีองค์ประกอบครบถ้วน มีคุณภาพ และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์จัดตั้ง รวมถึง พันธกิจของทุนหมุนเวียน
2.2 การติดตามระบบการบริหารจัดการและผลการปฏิบัติงานตามภารกิจของทุนหมุนเวียน โดยพิจารณาจากคณะกรรมการทุนหมุนเวียนมีการติดตามผลการปฏิบัติงานตามพันธกิจและระบบบริหารจัดการที่สำคัญ ได้แก่ ระบบการควบคุมภายใน ระบบการตรวจสอบภายใน ระบบการบริหารความเสี่ยง ระบบบริหารจัดการสารสนเทศ และระบบบริหารทรัพยากรบุคคลของทุนหมุนเวียนอย่างครบถ้วน เพียงพอ และสม่ำเสมอทั้งปี
2.3 การจัดให้มีระบบประเมินผลผู้บริหารทุนหมุนเวียน โดยพิจารณาจากการประเมินผลผู้บริหารระดับสูงที่เป็นระบบ โดยมีหลักเกณฑ์ชัดเจนสอดคล้องและเชื่อมโยงกับหลักเกณฑ์ และเป้าหมายระดับองค์กร
2.4 การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยพิจารณาจากการเปิดเผยข้อมูลสารสนเทศที่ครบถ้วน ถูกต้อง เชื่อถือได้ ทันกาล
3. การกำหนดเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปีบัญชี 2554 นั้น ฝ่ายเลขานุการฯ กำลังดำเนินการเจรจาต่อรองระหว่างผู้ถูกประเมิน คือ กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (สนพ. และ พพ.) กับผู้ประเมิน คือ กรมบัญชีกลางและทริส เพื่อให้ได้ตัวชี้วัดที่เหมาะสมกับการดำเนินงานของกองทุนฯ มากที่สุด ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จกลางเดือนมกราคม 2554
มติที่ประชุม
รับทราบบทบาทคณะกรรมการทุนหมุนเวียนตามตัวชี้วัดภาคบังคับของกรมบัญชีกลาง ตามที่ ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และให้ฝ่ายเลขานุการฯ รายงานผลการประเมินการดำเนินงานของกองทุนฯ ในแต่ละรอบ ต่อคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อทราบต่อไปด้วย
เรื่องที่ 7 งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ได้รับทราบแผนอนุรักษ์พลังงานและเป้าหมาย ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-2554 ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เสนอ โดยมีเป้าหมายและการดำเนินการจะลดปริมาณการใช้พลังงานลง 7,820 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.8 ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศในปี 2554 และกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้แทนพลังงานเชิงพาณิชย์ 8,858 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 12.2 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554 และ กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 ได้เห็นชอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี โดยกำหนดเป้าหมายการนำพลังงานทดแทนรวม 10,961 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือคิดเป็นร้อยละ 15.6 ของความต้องการใช้พลังงานในปี 2554
2. สนพ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ได้รวบรวมงบประมาณรายจ่ายตามแผนงานและโครงการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ สำหรับ ใช้จ่ายเป็นเงินหมุนเวียน เงินช่วยเหลือ หรือเงินอุดหนุนสำหรับการลงทุน และดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน มาตรา 25 แห่ง "พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" โดยมีหน่วยงานยื่นขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในปีงบประมาณ 2554 เป็นจำนวน 125 โครงการ ในวงเงินทั้งสิ้น 5,365,911,205 บาท
3. การพิจารณากลั่นกรองงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ดำเนินการโดย "คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองงบประมาณประจำปี 2554 ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" ที่ประธานคณะอนุกรรมการกองทุนฯ ได้แต่งตั้งเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 โดยมีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธานคณะทำงานฯ ซึ่งได้เริ่มประชุมพิจารณางบประมาณตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2553 - 3 ธันวาคม 2553 รวม 9 ครั้ง และคณะทำงานฯ ได้ยึดแนวทาง/หลักเกณฑ์การพิจารณากลั่นกรองโครงการฯ ของกองทุนฯ โดยมีหลักเกณฑ์ที่สำคัญ ดังนี้
1) การจัดลำดับความสำคัญตามนโยบายและแผน โดยทำการพิจารณาถึงความสอดคล้องของโครงการกับภารกิจที่สำคัญ ดังนี้
- ภารกิจตามข้อกำหนดและกฎหมาย พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
- ภารกิจตามยุทธศาสตร์ระดับชาติ นโยบายรัฐบาล และกระทรวงพลังงาน
- ภารกิจตามเจตนารมณ์ของกองทุนฯ ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และตามแผนและเป้าหมายอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554
- ภารกิจตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี (พ.ศ. 2551-2565)
2) ระยะเวลาการเกิดผลสัมฤทธิ์ โดยใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่งช่วงเวลาที่โครงการดังกล่าวสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้ในอนาคต โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะ "สั้น" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 1-2 ปี) ระยะ "กลาง" (เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ใน 3-5 ปี) และ ระยะ "ยาว" (เกิดผลสัมฤทธิ์ต้องใช้เวลามากกว่า 5 ปี)
3) ศักยภาพในการขยายผล โดยเน้นโครงการวิจัยและ/หรือดำเนินการแล้วสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงหรือขยายผลได้จริง (Deployment Potential) โดยแบ่งตามศักยภาพการขยายผลเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "มาก" และกลุ่มที่มีศักยภาพในการขยายผล "น้อย"
4) โครงการต่อเนื่อง โดยพิจารณาผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ถ้ามีความก้าวหน้าเกินกว่าร้อยละ 50 ของแผนงาน และผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดี จึงจะได้รับงบประมาณสำหรับปีต่อไป
5) งานประชาสัมพันธ์ ดำเนินงานเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารอย่างแท้จริง
6) งบบริหารแผนการดำเนินงาน จะต้องเป็นภารกิจหรืองานที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตาม พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และปรับอัตราค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แนวทาง และขอบเขตการพิจารณางบประมาณตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
4. คณะทำงานฯ ได้พิจารณารายละเอียดการของบประมาณรายจ่ายโครงการของกองทุนฯ ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะอนุกรรมการฯ แล้ว โดยเห็นสมควรสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายตามโครงการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ เป็นจำนวนไม่เกิน 2,614,335,136 บาท รวม 81 โครงการ ซึ่งได้ครอบคลุมการดำเนินงานทั้งในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจ การจัดการด้านการใช้พลังงาน รวมถึงการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนในการผลิตไฟฟ้า และผลิตความร้อนในเทคโนโลยีต่างๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานชีวมวล และเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยแบ่งรายจ่ายออกเป็น 2 หน่วยงานผู้เบิกเงิน กองทุนฯ ดังนี้
1) พพ. จำนวน 883,618,960 บาท คิดเป็นร้อยละ 33.80 รวม 54 โครงการ
2) สนพ. จำนวน 1,730,716,176 บาท คิดเป็นร้อยละ 66.20 รวม 27 โครงการ
5. คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2553 ได้พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ แล้ว ที่ประชุมมีมติเห็นชอบงบประมาณรายจ่าย เป็นจำนวน 2,614,335,136 บาท ตามที่คณะทำงานฯ เห็นสมควร และให้ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ดังนี้
จำแนกตามแผนอนุรักษ์พลังงาน | จำนวนโครงการ | รวม | ร้อยละ | จำแนกตามหน่วยผู้เบิก (บาท) | |
พพ. | สนพ. | ||||
1. แผนพลังงานทดแทน | 39 | 1,449,445,340 | 55.44 | 318,758,500 | 1,130,686,840 |
1.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 10 | 214,635,000 | 8.21 | 61,635,000 | 153,000,000 |
1.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 20 | 341,945,340 | 13.08 | 228,703,500 | 113,241,840 |
1.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 9 | 864,445,000 | 33.07 | - | 864,445,000 |
1.4 งานบริหารแผนงาน | - | 28,420,000 | 1.09 | 28,420,000 | - |
2. แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | 40 | 1,087,318,060 | 41.59 | 564,860,460 | 522,457,600 |
2.1 งานศึกษาวิจัยพัฒนา | 3 | 107,800,000 | 4.12 | 7,800,000 | 100,000,000 |
2.2 งานส่งเสริมและสาธิต | 21 | 492,940,000 | 18.86 | 492,940,000 | - |
2.3 งานพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ | 16 | 479,543,060 | 18.34 | 57,085,460 | 422,457,600 |
2.4 งานบริหารแผนงาน | - | 7,035,000 | 0.27 | 7,035,000 | - |
3. แผนบริหารเชิงกลยุทธ์ | 2 | 77,571,736 | 2.97 | - | 77,571,736 |
3.1 งานศึกษาวิจัยเชิงนโยบาย | 2 | 14,000,000 | 0.54 | - | 14,000,000 |
3.2 งานบริหารแผนงาน | - | 63,571,736 | 2.43 | - | 63,571,736 |
รวมงบประมาณ กทอ.ปี 2554 | 81 | 2,614,335,136 | 100.00 | 883,618,960 | 1,730,716,176 |
6. ฝ่ายเลขานุการฯ มีข้อเสนอในการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ดังนี้
1) เนื่องจาก พพ. และ สนพ. มีงานบริหารเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานที่ต้องดำเนินงานต่อเนื่อง เช่น การเบิกจ่ายเงินให้หน่วยงาน โครงการ ตามข้อผูกพันสัญญาฯ การประสานหน่วยงาน โรงงาน อาคาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอนุรักษ์พลังงาน การให้คำแนะนำกับประชาชนในเรื่องวิธีประหยัดพลังงาน ฯลฯ จึงมีรายจ่ายประจำที่จำเป็นเพื่อการบริหารงานที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น ค่าจ้างพนักงานราชการ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปให้ความรู้ความเข้าใจ การร่วมประชุมให้ความเห็น ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาเห็นชอบให้งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ของกองทุนฯ งานบริหารของทั้ง 3 แผนงาน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553
2) การพิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการภายใต้งานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านเทคนิค ทั้งแผนพลังงานทดแทนและแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ในส่วนที่ สนพ. รับผิดชอบ ขอเสนอวิธีการดำเนินงานในลักษณะเดียวกับปีงบประมาณ 2553 โดยให้ สนพ. ทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองรายละเอียดของโครงการที่มีผู้ยื่นขอรับการสนับสนุน ตามรายละเอียดการของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 แล้วนำเสนอผู้มีอำนาจอนุมัติภายในวงเงิน ดังต่อไปนี้
(1) ผอ.สนพ. ไม่เกิน 10,000,000 บาท
(2) คณะอนุกรรมการกองทุนฯ เกิน 10,000,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000,000 บาท
(3) คณะกรรมการกองทุนฯ เกิน 50,000,000 บาท
3) เพื่อให้งานประชาสัมพันธ์มีความเป็นเอกภาพ และมีทิศทางการปฏิบัติไปในแนวเดียวกัน จึงขอเสนอพิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายโครงการประชาสัมพันธ์ในแผนพลังงานทดแทนและแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ไว้เป็นกรอบวงเงินแผนงานละ 350 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 700 ล้านบาท ให้ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก "คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของกระทรวงพลังงาน" ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน และให้สามารถถัวจ่ายและเปลี่ยนแปลงรายการในแผนงาน/งานเดียวกันได้ ทั้งนี้เมื่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ เห็นชอบแล้ว ให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินโครงการต่อไป และให้กระทรวงพลังงานดำเนินการประเมินผลการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับงบประมาณจากกองทุนฯ ต่อไปด้วย
4) เพื่อให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ให้ สนพ. และ พพ. จัดส่งข้อมูลการดำเนินโครงการที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ 2554 พร้อมทั้งเอกสารรายงานที่ได้ตรวจรับแล้ว (ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์) ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทุก 4 เดือน เพื่อจัดส่งให้คณะอนุกรรมการประเมินผลฯ ใช้ในการติดตามประเมินผลโครงการต่อไป
มติที่ประชุม
ประธานกรรมการกองทุนฯ ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ไปดำเนินการทบทวนและตรวจสอบงบประมาณรายจ่ายในแต่ละโครงการตามข้อกำหนดในมาตรา 25 ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พร้อมทั้งตรวจสอบโครงการในมิติตามเป้าหมายการอนุรักษ์พลังงาน เพิ่มเติม และจัดทำข้อมูลดังกล่าวเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อประกอบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2554 ในการประชุมครั้งต่อไป