Super User
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 15-21 มีนาคม 2553
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 2-8 กุมภาพันธ์ 2552
กบง. ครั้งที่ 118 - วันศุกร์ที่ 20 กรกฏาคม 2555
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 21/2555 (ครั้งที่ 118)
วันศุกร์ที่ 20 กรกฏาคม 2555 เวลา 16.30 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์) ประธานกรรมการ
รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายนที ทับมณี) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบหลักเกณฑ์การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสมภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การมอบหมาย ดังนี้
1.1 น้ำมันดีเซล การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาสูงขึ้นจนทำให้มีผลกระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสารเกินสมควรให้ กบง. พิจารณาปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ตามความเหมาะสม การปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและโดยสารสมควรปรับอัตราค่าบริการลงให้ กบง. ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่กระทบเกินสมควรต่อค่าขนส่งและโดยสาร
1.2 น้ำมันเบนซิน/น้ำมันแก๊สโซฮอล การปรับเพิ่ม/ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลให้พิจารณาปรับเพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมันแก๊สโซฮอล เพื่อจูงใจให้มีการใช้พลังงานทดแทน (เอทานอล) มากขึ้น
2. ราคาน้ำมันตลาดโลกยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยราคาปิดตลาด ณ วันที่ 19 กรกฎาคม 2555 น้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 102.79, 119.08 และ 121.48 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ น้ำมันดิบดูไบปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการประชุมครั้งก่อนเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2555 (ราคาปิดตลาดวันที่ 17 กรกฎาคม 2555) 1.94, 3.51 และ 3.20 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันในประเทศเพิ่มสูงตามไปด้วยโดยมีโครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 20 กรกฎาคม 2555 ดังนี้
3. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2555 มีทรัพย์สินรวม 5,193 ล้านบาท หนี้สินกองทุน 21,532 ล้านบาท แยกเป็นหนี้ค้างชำระชดเชย 12,711 ล้านบาท งบบริหารและโครงการซึ่งได้อนุมัติแล้ว 171 ล้านบาท และเงินกู้ยืม 8,650 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิติดลบ 16,339 ล้านบาท
4. จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาดีเซลตลาดโลก ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับสูง ดังนั้นเพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้กระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสารและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯของน้ำมันดีเซลลง 0.40 บาทต่อลิตร ซึ่งจะทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.40 บาทต่อลิตร กองทุนน้ำมันฯ จะมีรายรับลดลงประมาณวันละ 22 ล้านบาท จากวันละ 115 ล้านบาท เป็นวันละ 93 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
(หน่วย : บาทต่อลิตร)
ชนิดน้ำมัน | เดิม | ใหม่ | เปลี่ยนแปลง(+/-) |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 | 2.90 | 2.60 | -0.30 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 | 1.30 | 1.00 | -0.30 |
น้ำมันดีเซล | 1.00 | 0.60 | -0.40 |
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2555 เป็นต้นไป
ปลัดกระทรวงคมนาคม (นายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ) ได้มีความเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลจะส่งผลกระทบโดยตรงต่ออัตราค่าโดยสารรถขนส่งสาธารณะ โดยเมื่อมีการปรับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล จะมีการปรับเพิ่มอัตราค่าบริการของรถโดยสารนอกระบบ ซึ่งกระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างดำเนินการกำกับดูแลในส่วนนี้ ทั้งนี้ การที่รัฐบาลมีนโยบายรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลให้มีเสถียรภาพและราคาไม่สูงเกินไปจะส่งผลดีต่อประชาชน ซึ่งประธานฯ ได้ชี้แจงว่า ที่ผ่านมา กบง. ได้กำกับดูแลเกี่ยวกับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเป็นกรณีพิเศษ โดยในช่วงก่อนหน้านี้ที่ราคาน้ำมันตลาดโลกอยู่ในระดับสูง และกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะกองทุนติดลบ รวมทั้งมีการจ่ายเงินเพื่อชดเชยราคาน้ำมันและราคาก๊าซ LPG ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลปรับตัวสูงขึ้น แต่ในปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะกองทุนดีขึ้นและมีรายรับจากการเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ทำให้สามารถใช้กลไกของกองทุนน้ำมันฯ กำกับดูแลราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 8-14 มีนาคม 2553
กบง. ครั้งที่ 117 - วันพุธที่ 18 กรกฏาคม 2555
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 20/2555 (ครั้งที่ 117)
วันพุธที่ 18 กรกฏาคม 2555 เวลา 16.30 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ปลัดกระทรวงพลังงาน กรรมการ (นายณอคุณ สิทธิพงศ์) เป็นประธานที่ประชุม
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบหลักเกณฑ์การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสมภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การมอบหมาย ดังนี้
1.1 น้ำมันดีเซล การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาสูงขึ้นจนทำให้มีผลกระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสารเกินสมควรให้ กบง. พิจารณาปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ตามความเหมาะสม การปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและโดยสารสมควรปรับอัตราค่าบริการลงให้ กบง. ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่กระทบเกินสมควรต่อค่าขนส่งและโดยสาร
1.2 น้ำมันเบนซิน/น้ำมันแก๊สโซฮอล การปรับเพิ่ม/ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลให้พิจารณาปรับเพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมันแก๊สโซฮอล เพื่อจูงใจให้มีการใช้พลังงานทดแทน (เอทานอล) มากขึ้น
2. ราคาน้ำมันตลาดโลกยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยราคาปิดตลาด ณ วันที่ 17 กรกฎาคม 2555 น้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 100.85, 115.57 และ 118.28 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ น้ำมันดิบดูไบปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการประชุมครั้งก่อนเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2555 (ราคาปิดตลาดวันที่ 11 กรกฎาคม 2555) 4.40 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.00 และ 3.44 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลงและราคาไบโอดีเซลที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันในประเทศเพิ่มสูงตามไปด้วย โดยมีโครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 18 กรกฎาคม 2555 ดังนี้
3. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2555 มีทรัพย์สินรวม 5,193 ล้านบาท หนี้สินกองทุน 21,532 ล้านบาท แยกเป็นหนี้ค้างชำระชดเชย 12,711 ล้านบาท งบบริหารและโครงการซึ่งได้อนุมัติแล้ว 171 ล้านบาท และเงินกู้ยืม 8,650 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิติดลบ 16,339 ล้านบาท
4. จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาดีเซลตลาดโลก ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลงและราคาไบโอดีเซลที่ปรับเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับสูง ดังนั้น เพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้กระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสาร และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซล ลง 0.50 บาทต่อลิตร ซึ่งจะทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 0.50 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกยังคงอยู่ที่ 29.83 บาทต่อลิตร กองทุนน้ำมันฯ จะมีรายรับลดลงประมาณวันละ 28 ล้านบาท จากวันละ 148 ล้านบาท เป็นวันละ 120 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
(หน่วย : บาทต่อลิตร)
ชนิดน้ำมัน | เดิม | ใหม่ | เปลี่ยนแปลง(+/-) |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 | 3.30 | 2.90 | -0.40 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 | 1.70 | 1.30 | -0.40 |
น้ำมันดีเซล | 1.50 | 1.00 | -0.50 |
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2555 เป็นต้นไป
รองปลัดกระทรวงพลังงาน (นายคุรุจิต นาครทรรพ) ได้แจ้งให้ที่ประชุมฯ ทราบว่า ตามที่กระทรวงพลังงานได้ดำเนินการตามแผนการดำเนินการสนับสนุนกลุ่มรถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซ LPG ให้เปลี่ยนมาเป็นรถแท็กซี่ NGV จำนวนประมาณ 15,000 คัน ในวงเงินประมาณ 248 ล้านบาท ปัจจุบันได้มีรถแท็กซี่เข้าร่วมโครงการประมาณ 4,800 คัน ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินจากกองทุนน้ำมันฯ ประมาณ 120 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าอุปกรณ์ 79 ล้านบาท ค่าติดตั้ง 24 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการทำลายชุดอุปกรณ์ และถังก๊าซ LPG 12 ล้านบาท โดยประมาณ ซึ่งขณะนี้ได้มีการสั่งซื้อเพื่อจัดซื้อถัง NGV และอุปกรณ์ส่วนควบแล้วจำนวนประมาณ 3,000 ชุด ส่งมอบแล้วประมาณ 2,000 ชุด โดยมี รถแท็กซี่เข้ารับการติดตั้งแล้วประมาณ 1,100 คัน
มติของที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 27 มกราคม 2548
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 22-28 กุมภาพันธ์ 2553
กบง. ครั้งที่ 116 - วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฏาคม 2555
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 19/2555 (ครั้งที่ 116)
วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฏาคม 2555 เวลา 16.30 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
2. สถานการณ์การจัดหาน้ำมันเบนซินพื้นฐาน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบหลักเกณฑ์การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณากำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ และระยะเวลาให้มีความเหมาะสมภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การมอบหมาย ดังนี้
1.1 น้ำมันดีเซล การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาสูงขึ้นจนทำให้มีผลกระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสารเกินสมควรให้ กบง.พิจารณาปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้ตามความเหมาะสม การปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลให้พิจารณาจากราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หากมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและโดยสารสมควรปรับอัตราค่าบริการลงให้ กบง. ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่กระทบเกินสมควรต่อค่าขนส่งและโดยสาร
1.2 น้ำมันเบนซิน/น้ำมันแก๊สโซฮอล การปรับเพิ่ม/ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลให้พิจารณาปรับเพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมันแก๊สโซฮอล เพื่อจูงใจให้มีการใช้พลังงานทดแทน (เอทานอล) มากขึ้น
2. ราคาน้ำมันตลาดโลกยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยราคาปิดตลาด ณ วันที่ 11 กรกฎาคม 2555 น้ำมันดิบดูไบ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 96.45, 109.57 และ 114.84 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ น้ำมันดิบดูไบปรับตัวลดลงจากการประชุมครั้งก่อนเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2555 (ราคาปิดตลาดวันที่ 5 กรกฎาคม 2555) 1.59 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.93 และ 0.34 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลงและราคาไบโอดีเซลที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันในประเทศเพิ่มสูงตามไปด้วย โดยมีโครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 12 กรกฎาคม 2555 ดังนี้
โครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 12 กรกฎาคม 2555
3. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 8 กรกฎาคม 2555 มีทรัพย์สินรวม 7,526 ล้านบาท หนี้สินกองทุน 25,530 ล้านบาท แยกเป็นหนี้ค้างชำระชดเชย 15,709 ล้านบาท งบบริหารและโครงการซึ่งได้อนุมัติแล้ว 171 ล้านบาท และเงินกู้ยืม 8,650 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิติดลบ 17,004 ล้านบาท
4. จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาดีเซลตลาดโลก ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลงและราคาไบโอดีเซลที่ปรับเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับสูง โดยค่าการตลาดเฉลี่ยน้ำมันดีเซล 5 วัน (8 - 12 กรกฎาคม 2555) อยู่ที่ 1.1816 บาทต่อลิตร ดังนั้น เพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้กระทบต่อภาคขนส่งและค่าโดยสาร และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซล ลง 0.50 บาทต่อลิตร ซึ่งจะทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 0.50 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกยังคงอยู่ที่ 29.83 บาทต่อลิตร กองทุนน้ำมันฯ จะมีรายรับลดลงประมาณวันละ 29 ล้านบาท จากวันละ 177 ล้านบาท เป็นวันละ 148 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลลง 0.50 บาทต่อลิตร จาก 2.00 บาทต่อลิตร เป็น 1.50 บาทต่อลิตร โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม 2555 เป็นต้นไป
เรื่องที่ 2 สถานการณ์การจัดหาน้ำมันเบนซินพื้นฐาน
สรุปสาระสำคัญ
1. เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2555 เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงกลั่นบางจาก ส่งผลให้หน่วยกลั่นที่ 3 กำลังการผลิต 80,000 บาร์เรลต่อวัน ต้องหยุดการผลิตประมาณ 3 เดือน จนถึงวันที่ 4 ตุลาคม 2555 และหน่วยกลั่นที่ 2 กำลังการผลิต 40,000 บาร์เรลต่อวัน ต้องหยุดผลิตถึงช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2555 และบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) จะหยุดซ่อมหน่วย FCC (หน่วยผลิตน้ำมันองค์ประกอบที่ใช้ผลิตเบนซินพื้นฐาน) ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม - วันที่ 7 กันยายน 2555 และหยุดซ่อมหน่วย CDU-1 HDT-1 และ HVU-1 ตั้งแต่วันที่ 5 - 29 สิงหาคม 2555 รวมทั้ง บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หยุดซ่อมหน่วย DCC (หน่วยผลิตเบนซิน) ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน ถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2555 ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาการผลิตเบนซินพื้นฐานไม่เพียงพอตั้งแต่เดือนกรกฎาคม - กันยายน 2555
หมายเหตุ : น้ำมันเบนซิน 91 ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นน้ำมันที่ไม่ได้มาตรฐานตามข้อกำหนดคุณภาพน้ำมันที่จำหน่ายในประเทศ จึงต้องส่งออก
2. เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2555 ธพ. ได้เชิญประชุมผู้ผลิตและผู้จำหน่ายน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล โดยสรุปแนวทางการแก้ไขปัญหาได้ดังนี้ (1) ให้ผู้ค้าน้ำมันนำเข้าน้ำมันเบนซินพื้นฐาน (ปตท. บางจาก เชลล์) (2) ให้โรงกลั่นน้ำมันผลิตเพิ่ม (SPRC) (3) ผ่อนผันคุณภาพน้ำมันบางตัวที่ไม่มีผลกระทบต่อเครื่องยนต์เป็นการชั่วคราว และ (4) ผ่อนผันการสำรองน้ำมันให้ผู้ค้าน้ำมันตามความจำเป็น โดยสรุปแนวทางการแก้ปัญหาได้ดังนี้
3. เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2554 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบและรับทราบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554 โดยเห็นชอบในหลักการให้ยกเลิกน้ำมันเบนซิน 91 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป และมอบหมายให้กระทรวงพลังงานรับไปแก้ไขปัญหาการผลิตและการนำเข้าน้ำมันเบนซินพื้นฐาน (G-Base) และนำเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณาต่อไป
4. จากปัญหาเพลิงไหม้โรงกลั่นบางจาก ในเบื้องต้นคาดว่าโรงกลั่นบางจากจะต้องหยุดผลิตประมาณ 3 เดือน ประกอบกับโรงกลั่นไทยออยล์ต้องหยุดซ่อมบำรุงตามแผน ส่งผลกระทบต่อการผลิตและการจัดหาน้ำมันเบนซินพื้นฐาน ทำให้ต้องนำเข้าน้ำมันเบนซินพื้นฐาน และนำน้ำมันสำรองตามกฎหมายที่มีอยู่ออกมาจำหน่ายจนกว่าโรงกลั่นทุกโรงจะกลับมาผลิตได้ตามปกติ และหลังจากนั้น จะต้องใช้ระยะเวลาในการจัดหาน้ำมันมาเก็บสำรองตามกฎหมายให้ครบถ้วนตามเดิมอีกระยะหนึ่ง ดังนั้น จึงเห็นควรเลื่อนกำหนดเวลายกเลิกน้ำมันเบนซิน 91 ออกไปอีกระยะหนึ่งประมาณ 3 เดือนหลังจากที่โรงกลั่นบางจากกลับมาผลิตตามปกติ
มติของที่ประชุม
1. รับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาการจัดหาและการผลิตน้ำมันเบนซินพื้นฐาน
2. เห็นชอบในหลักการให้เลื่อนกำหนดการยกเลิกน้ำมันเบนซิน 91 ออกไปอีกระยะหนึ่งในเบื้องต้นประมาณ 3 เดือน เพื่อบรรเทาผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนน้ำมันเบนซินพื้นฐานและใช้กลไกราคาในการปรับความต้องการน้ำมันกลุ่มเบนซินแต่ละเกรดให้สมดุลกับความสามารถในการผลิตของโรงกลั่นในประเทศ และนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเพื่อพิจารณาต่อไป