Super User
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 22 ตุลาคม 2552
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 26 กันยายน 2554
ครั้งที่ 77 - วันจันทร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 19/2554 (ครั้งที่ 77)
เมื่อวันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เวลา 11.00 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพง
สรุปสาระสำคัญ
1. ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2553 และวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 เห็นชอบให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2553 ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2554 นั้น การดำเนินการที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 6 พฤษภาคม 2554 กองทุนน้ำมันฯ ได้จ่ายชดเชยเพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไปแล้วประมาณ 24,005 ล้านบาท โดยฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 3 พฤษภาคม 2554 มีฐานะกองทุนเบื้องต้นสุทธิ 971 ล้านบาท
2. มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2554 เห็นชอบให้ปรับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันลดลง 5.3050 บาทต่อลิตร จาก 5.3100 บาทต่อลิตร เป็น 0.0050 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2554 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2554 และเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2554 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติในหลักการให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) (สบพน.) กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน ในวงเงินประมาณ 20,000 ล้านบาท เพื่อใช้เสริมสภาพคล่องทางการเงินของกองทุนน้ำมันฯ หากราคาน้ำมันปรับเพิ่มสูงขึ้นจนทำให้กองทุนน้ำมันฯ ไม่มีสภาพคล่องที่จะไปชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
3. สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 6 พฤษภาคม 2554 ราคาน้ำมันดิบดูไบลดลง 13.49 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จาก 114.74 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 101.25 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลลดลง 14.52 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จาก 135.40 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 120.88 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และน้ำมันเบนซินลดลง 12.95 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จาก 136.32 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 123.37 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันปรับลดลง โดยราคาน้ำมัน ณ โรงกลั่นของแก๊สโซฮอล 95 ลดลง 1.58 บาทต่อลิตร ทำให้ค่าการตลาดอยู่ในระดับสูงมาก แต่ผู้ค้าน้ำมันได้ปรับลดราคาขายปลีกลง 0.80 บาทต่อลิตร ทำให้ค่าการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 1.0953 บาทต่อลิตร เป็น 1.7649 บาทต่อลิตร และราคาน้ำมัน ณ โรงกลั่นของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วลดลง 1.74 บาทต่อลิตร แต่ได้มีการปรับเพิ่มอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ 0.50 บาทต่อลิตร เพื่อลดภาระการชดเชยของกองทุนน้ำมันฯ ทำให้ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเพิ่มจาก 1.4060 บาทต่อลิตร เป็น 2.6481 บาทต่อลิตร
4. จากราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกได้ปรับตัวลดลง เพื่อเป็นการลดภาระและเสริมสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯ ให้ดีขึ้น ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอแนวทางการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วขึ้น 1.00 บาทต่อลิตร จากส่งเข้ากองทุน 0.3355 บาทต่อลิตร เป็น 1.3355 บาทต่อลิตร ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ จากมีสภาพคล่องติดลบ 28 ล้านบาทต่อวัน เป็นกองทุนน้ำมันฯ มีเงินไหลเข้า 28 ล้านบาทต่อวัน
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วขึ้น 1.0645 บาทต่อลิตร จาก 0.3355 บาทต่อลิตร เป็นเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 1.40 บาทต่อลิตร โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2554 เป็นต้นไป
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 21 ตุลาคม 2552
ครั้งที่ 76 - วันศุกร์ ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 18/2554 (ครั้งที่ 76)
เมื่อวันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เวลา 16.00 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ) กรรมการและเลขานุการ
เรื่องที่ 1 การแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพง
สรุปสาระสำคัญ
1. ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2553 และวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 เห็นชอบให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2553 ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2554 นั้น การดำเนินการที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 21 เมษายน 2554 ได้มีการปรับอัตราเงินชดเชยราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว รวม 17 ครั้ง โดยกองทุนน้ำมันฯ ได้จ่ายชดเชยเพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลจนถึงวันที่ 6 พฤษภาคม 2554 ไปแล้วประมาณ 24,005 ล้านบาท
2. กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2554 ได้มีมติอนุมัติในหลักการให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) (สบพน.) กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน ในวงเงินประมาณ 20,000 ล้านบาท เพื่อใช้เสริมสภาพคล่องทางการเงินของกองทุนน้ำมันฯ หากราคาน้ำมันปรับเพิ่มสูงขึ้นจนทำให้กองทุนน้ำมันฯ ไม่มีสภาพคล่องที่จะไปชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
3. สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 6 พฤษภาคม 2554 ราคาปิดครึ่งวันของน้ำมันดิบดูไบลดลง 8.71 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จาก 114.74 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 106.03 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลลดลง 9.95 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จาก 135.40 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 125.45 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และคาดการณ์ว่าน้ำมันเบนซินลดลง 9.76 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จาก 136.32 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 126.54 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันปรับลดลง โดยราคาน้ำมัน ณ โรงกลั่นของแก๊สโซฮอล 95 ลดลง 1.16 บาทต่อลิตร ทำให้ค่าการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 1.0953 บาทต่อลิตร เป็น 2.3626 บาทต่อลิตร และราคาน้ำมัน ณ โรงกลั่นของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วลดลง 1.30 บาทต่อลิตร ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเพิ่มขึ้นจาก 1.4060 บาทต่อลิตร เป็น 2.7082 บาทต่อลิตร
4. ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 3 พฤษภาคม 2554 มีเงินสดในบัญชี 34,518 ล้านบาท มีหนี้สินกองทุน 33,548 ล้านบาท แยกเป็นหนี้อยู่ระหว่างการเบิกจ่ายชดเชย 33,340 ล้านบาท งบบริหารและโครงการซึ่งได้อนุมัติแล้ว 207 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะเบื้องต้นสุทธิ 971 ล้านบาท
5. จากราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกได้ปรับตัวลดลง เพื่อเป็นการลดภาระกองทุนน้ำมันฯ ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอแนวทางการปรับลดเงินชดเชยน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจากกองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วลง 0.50 บาทต่อลิตร กองทุนน้ำมันฯ จะมีสภาพคล่องจากติดลบ 56 ล้านบาทต่อวัน เป็นติดลบ 28 ล้านบาทต่อวัน และภาระกองทุนน้ำมันฯ ลดลงประมาณ 28 ล้านบาทต่อวัน
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดาลง 0.50 บาทต่อลิตร จากชดเชย 0.1645 บาทต่อลิตร เป็นเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 0.3355 บาทต่อลิตร โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2554 เป็นต้นไป
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 23 กันยายน 2554
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 20 ตุลาคม 2552
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 22 กันยายน 2554
ครั้งที่ 75 - วันพุธ ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 17/2554 (ครั้งที่ 75)
เมื่อวันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 16.00 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล) ประธานกรรมการ
ผู้ตรวจราชการกระทรวง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายบุญส่ง เกิดกลาง) กรรมการและเลขานุการ
ประธานฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมฯ ทราบว่า ในวันนี้คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตของน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ 0.035 โดยน้ำหนัก จากอัตราภาษี 5.310 บาทต่อลิตร ลดลงเหลืออัตราภาษี 0.005 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 4 จากอัตราภาษี 5.04 บาทต่อลิตร ลดลงเหลืออัตราภาษี 0.005 บาทต่อลิตร โดยกระทรวงการคลังจะดำเนินการให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2554 เป็นต้นไป กระทรวงพลังงาน จึงจำเป็นต้องเชิญประชุมเร่งด่วนเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับอัตราการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลโดยใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้มีผลบังคับใช้พร้อมกับวันที่มีการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตของน้ำมันดีเซล
เรื่องที่ 1 การแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพง
สรุปสาระสำคัญ
1. ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2553 และวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 เห็นชอบให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2553 ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2554 นั้น การดำเนินการที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 20 เมษายน 2554 ได้มีการปรับอัตราเงินชดเชยราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว รวม 16 ครั้ง โดยกองทุนน้ำมันฯ ได้จ่ายชดเชยเพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลจนถึงวันที่ 19 เมษายน 2554 ไปแล้วประมาณ 23,301 ล้านบาท
2. มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2554 เห็นชอบให้ปรับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันลดลง 5.3050 บาทต่อลิตร จาก 5.3100 บาทต่อลิตร เป็น 0.0050 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2554 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2554 และจากมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวส่งผลให้ภาษีเทศบาลลดลง 0.5305 บาทต่อลิตร จาก 0.5310 บาทต่อลิตร เป็น 0.0005 บาทต่อลิตร (ร้อยละ 10 ของภาษีสรรพสามิต) ทำให้อัตราภาษีลดลงทั้งสิ้น 5.8355 บาทต่อลิตร
3. เพื่อเป็นการลดภาระกองทุนน้ำมันฯ ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอแนวทางการปรับลดเงินชดเชยน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจากกองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ลง 5.8355 บาทต่อลิตร เท่ากับภาษีที่ลดลง เพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วไว้ที่ 29.99 บาทต่อลิตร และกองทุนน้ำมันฯ จะมีสภาพคล่องจากติดลบ 381 ล้านบาทต่อวัน เป็นติดลบ 56 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งทำให้ภาระกองทุนน้ำมันฯ ลดลงประมาณ 325 ล้านบาทต่อวัน
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
ชนิด (บาทต่อลิตร) | อัตราเดิม | อัตราใหม่ | เปลี่ยนแปลง |
น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา | -6.00 | -0.1645 | +5.8355 |
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี5 | -4.05 | 1.4885 | +5.5385 |
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้พร้อมกับวันที่ประกาศกระทรวงการคลังเรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต ฉบับที่ 89 มีผลบังคับใช้