Super User
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 20-26 สิงหาคม 2555
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 03 กันยายน 2558
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 02 กันยายน 2558
รัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 07 มกราคม 57
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 01 กันยายน 2558
กบง. ครั้งที่ 103 - วันอังคารที่ 10 เมษายน 2555
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 6/2555 (ครั้งที่ 103)
เมื่อวันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555 เวลา 09.00 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล และน้ำมันดีเซล
2. แนวทางการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของก๊าซ LPG และ NGV ในภาคขนส่ง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ) กรรมการและเลขานุการ
ประธานฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบเกี่ยวกับการรณรงค์ประหยัดพลังงาน ในกิจกรรม "ปิดไฟ ช่วยชาติ" ในวันที่ 10 เมษายน 2555 โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งการจัดกิจกรรม "ปิดไฟ ช่วยชาติ" เป็นผลมาจากการคาดการณ์ความต้องการใช้พลังงานจะสูงสุด ในวันที่ 10 เมษายน 2555 ช่วงเวลาประมาณ 14.00-15.00 น. ประกอบกับเป็นช่วงที่ประเทศพม่าหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติเนื่องจากมีการหยุดซ่อมแซมประจำปี และโรงไฟฟ้าในประเทศบางแห่งจำเป็นต้องปิดซ่อมแซมเพื่อฟื้นฟูหลังน้ำท่วม ส่งผลให้การส่งกระแสไฟฟ้ากำลังสำรองไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้น เพื่อสร้างความตระหนักของทุกภาคส่วนให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้พลังงาน ให้เกิดความประหยัดอย่างเป็นรูปธรรม กระทรวงพลังงานจึงจัดกิจกรรมดังกล่าว ด้วยการปิดไฟที่ไม่จำเป็นอย่างน้อย 1 ดวง ให้พร้อมกันในช่วงเวลา 14.00 - 15.00 น.
สรุปสาระสำคัญ
1. เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 เกี่ยวกับแนวทางการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้ (1) ทยอยปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล เดือนละ 1 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป โดยมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณาระยะเวลาการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ตามความเหมาะสม (2) ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของดีเซลหมุนเร็ว 0.60 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป โดยมอบให้ กบง. พิจารณาระยะเวลาการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ตามความเหมาะสม
2. เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2555 กบง. ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ในเดือนมกราคม 2555 โดยน้ำมันเบนซิน 95, 91 แก๊สโซฮอล 95, 91, E20 ปรับเพิ่มขึ้น 1.00 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ชดเชยเพิ่มขึ้น 0.10 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเพิ่มขึ้น 0.60 บาทต่อลิตร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป และเพื่อให้การดำเนินการปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในแต่ละเดือน กบง. จึงได้มีมติมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) นำเสนอ กพช. พิจารณามอบหมายให้ กบง. กำหนดอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ให้มีความเหมาะสมและคล่องตัว โดยคำนึงถึงราคาน้ำมันในตลาดโลก การส่งเสริมพลังงานทดแทนและฐานะกองทุนน้ำมันฯ
3. ต่อมาเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2555 กบง. ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555 เป็นต้นไป โดยน้ำมันเบนซิน 95, 91 แก๊สโซฮอล 95, 91, E20 และ E85 ปรับเพิ่มขึ้นชนิดละ 1.00 บาทต่อลิตร ส่วนน้ำมันดีเซลหมุนเร็วให้คงไว้ที่อัตราเดิม จากการทยอยปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลขึ้น 1.00 บาทต่อลิตร ทำให้อัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล 91, E20 และ E85 อยู่ที่อัตรา 0.60, -0.80 และ -12.60 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ที่เคยกำหนดไว้เดิม ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2554 ที่อัตรา 0.10, -1.30 และ -13.50 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ดังนั้น กบง. จึงได้มีมติให้ สนพ. จัดทำข้อเสนอการปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ให้มีความเหมาะสมและคล่องตัว โดยคำนึงถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก การส่งเสริมพลังงานทดแทนและฐานะกองทุนน้ำมันฯ นำเสนอ กพช. โดยการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแต่ละชนิดไม่สูงเกินกว่าอัตราเดิมที่เคยกำหนดไว้ ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2554
4. ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 1 เมษายน 2555 มีทรัพย์สินรวม 4,011 ล้านบาท มีหนี้สินกองทุน 26,845 ล้านบาท แยกเป็นหนี้ค้างชำระชดเชย 20,318 ล้านบาท งบบริหารและโครงการซึ่งได้อนุมัติแล้ว 347 ล้านบาท ดังนั้นกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิติดลบ 22,834 ล้านบาท
5. เพื่อให้เป็นไปตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 จึงต้องปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินขึ้น 1.00 บาทต่อลิตร โดยให้คงอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอลในอัตราเดิม และน้ำมันดีเซลหมุนเร็วยังคงอัตราที่ 0.60 บาทต่อลิตร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2555 เป็นต้นไป จากการปรับเพิ่มอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว จะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 95 และ 91 เพิ่มขึ้น 1.07 บาทต่อลิตร ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอลและน้ำมันดีเซลคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 กับน้ำมันเบนซิน 91 เพิ่มขึ้นจาก 2.35 บาทต่อลิตร เป็น 3.42 บาทต่อลิตร และส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 กับน้ำมันเบนซิน 95 เพิ่มขึ้นจาก 6.30 บาทต่อลิตร เป็น 7.37 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ กองทุนน้ำมันฯ จะมีภาระลดลงประมาณวันละ 10 ล้านบาท จากติดลบวันละ 70 ล้านบาท เป็นติดลบวันละ 60 ล้านบาท
มติของที่ประชุม
เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
ชนิดน้ำมัน | เดิม | ใหม่ | เปลี่ยนแปลง(+/-) |
น้ำมันเบนซิน 95 | 3.00 | 4.00 | +1.00 |
น้ำมันเบนซิน 91 | 3.00 | 4.00 | +1.00 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 | 2.20 | 2.20 | - |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 | 0.60 | 0.60 | - |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 | -0.80 | -0.80 | - |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 | -12.60 | -12.60 | - |
น้ำมันดีเซล | 0.60 | 0.60 | - |
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2555 เป็นต้นไป
เรื่องที่ 2 แนวทางการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของก๊าซ LPG และ NGV ในภาคขนส่ง
สรุปสาระสำคัญ
1. คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 เห็นชอบตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 ดังนี้ (1) ทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีก NGV เดือนละ 0.50 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 จนถึงเดือนธันวาคม 2555 (2) ทยอยปรับลดอัตราเงินชดเชยลงเดือนละ 0.50 บาทต่อกิโลกรัม จำนวน 4 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม ถึงเดือนเมษายน 2555 (3) ขยายระยะเวลาการตรึงราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนต่อไปจนถึงสิ้นปี 2555 (4) ขยายระยะเวลาการตรึงราคาก๊าซ LPG ภาคขนส่งต่อไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2555 โดยตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 เริ่มปรับขึ้นราคาขายปลีกเดือนละ 0.75 บาทต่อกิโลกรัม (0.41 บาทต่อลิตร) โดยปรับพร้อมกับการขึ้นราคา NGV 0.50 บาทต่อกิโลกรัม จนไปสู่ต้นทุนโรงกลั่นน้ำมัน (5) กำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับก๊าซที่ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี กิโลกรัมละ 1 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 เป็นต้นไป และ (6) มอบหมายให้ กบง. พิจารณาดำเนินการแก้ไขคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 4/2547 เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมีส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ
2. การดำเนินการปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้ออกประกาศ กบง. เรื่อง อัตราเงินชดเชยราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ จำนวน 4 ฉบับ ซึ่งการปรับลดอัตราเงินชดเชยดังกล่าวส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซ NGV ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 ถึงวันที่ 15 เมษายน 2555 ปรับเพิ่มขึ้น 1.50 บาทต่อกิโลกรัม จาก 8.50 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 10.00 บาทต่อกิโลกรัม
3. การดำเนินการปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG สนพ. ได้ออกประกาศ กบง. เรื่อง การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนสำหรับก๊าซที่จำหน่ายให้ภาคขนส่ง จำนวน 4 ฉบับ มีผลทำให้ราคาขายปลีกก๊าซ LPG ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 จนถึงวันที่ 15 เมษายน 2555 ปรับเพิ่มขึ้น 2.25 บาทต่อกิโลกรัม จาก 18.13 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 20.38 บาทต่อกิโลกรัม
4. ฝ่ายเลขานุการฯ ได้มีข้อเสนอดังนี้ (1) ขอความเห็นชอบกำหนดอัตราเงินชดเชยราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ในอัตรา 0.00 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2555 เป็นต้นไป (2) ขอความเห็นชอบกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่จำหน่ายให้ภาคขนส่งในอัตรา 2.8036 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2555 ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2555 (3) ขอความเห็นชอบร่างประกาศ กบง. เรื่อง อัตราเงินชดเชยราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ และ เรื่อง การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนสำหรับก๊าซที่จำหน่ายให้ภาคขนส่ง และ(4) มอบหมายให้ สนพ. รับไปดำเนินการออกประกาศ กบง. เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบให้กำหนดอัตราเงินชดเชยราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ในอัตรา 0.00 บาท ต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2555 เป็นต้นไป
2. เห็นชอบให้กำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันสำหรับก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่จำหน่ายให้ภาคขนส่งในอัตรา 2.8036 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2555 ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2555
3. เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เรื่อง อัตราเงินชดเชยราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ และเรื่อง การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนสำหรับก๊าซที่จำหน่ายให้ภาคขนส่ง
4. มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการ บริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 22 เมษายน 2547
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 13-19 สิงหาคม 2555
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 7-13 กุมภาพันธ์ 2554
กบง. ครั้งที่ 102 - วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม 2555
มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
ครั้งที่ 5/2555 (ครั้งที่ 102)
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2555 เวลา 14.00 น.
ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) อาคารบี
1. การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล และน้ำมันดีเซล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์) ประธานกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ) กรรมการและเลขานุการ
ประธานฯ ได้สอบถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการจัดประชุมทางไกล (Teleconference) ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ได้ชี้แจงว่า จะประสานหารือกับผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่ามีกฎหมายใดที่รองรับการจัดประชุมทางไกล เมื่อได้ข้อสรุปผลการหารือแล้วจะรายงานให้ประธานฯ ทราบต่อไป
สรุปสาระสำคัญ
1. เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 เกี่ยวกับแนวทางการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้ (1) ทยอยปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล เดือนละ 1 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป โดยมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณาระยะเวลาการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ตามความเหมาะสม (2) ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของดีเซลหมุนเร็ว 0.60 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป โดยมอบให้ กบง. พิจารณาระยะเวลาการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ตามความเหมาะสม
2. เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2555 กบง. ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ในเดือนมกราคม 2555 โดยน้ำมันเบนซิน 95, 91 แก๊สโซฮอล 95, 91, E20 ปรับเพิ่มขึ้น 1.00 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ชดเชยเพิ่มขึ้น 0.10 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเพิ่มขึ้น 0.60 บาทต่อลิตร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป และเพื่อให้การดำเนินการปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในแต่ละเดือน กบง. จึงได้มีมติมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) นำเสนอ กพช. พิจารณามอบหมายให้ กบง. กำหนดอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ให้มีความเหมาะสมและคล่องตัว โดยคำนึงถึงราคาน้ำมันในตลาดโลก การส่งเสริมพลังงานทดแทนและฐานะกองทุนน้ำมันฯ
3. ต่อมาเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2555 กบง. ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555 เป็นต้นไป โดยน้ำมันเบนซิน 95, 91 แก๊สโซฮอล 95, 91, E20 และ E85 ปรับเพิ่มขึ้นชนิดละ 1.00 บาทต่อลิตร ส่วนน้ำมันดีเซลหมุนเร็วให้คงไว้ที่อัตราเดิม จากการทยอยปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลขึ้น 1.00 บาทต่อลิตร ทำให้อัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอล 91, E20 และ E85 อยู่ที่อัตรา 0.60 -0.80 และ -12.60 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ที่เคยกำหนดไว้เดิม ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2554 ที่อัตรา 0.10 -1.30 และ -13.50 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ดังนั้น กบง. จึงได้มีมติให้ สนพ. จัดทำข้อเสนอการปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ให้มีความเหมาะสมและคล่องตัว โดยคำนึงถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก การส่งเสริมพลังงานทดแทนและฐานะกองทุนน้ำมันฯ นำเสนอ กพช. โดยการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแต่ละชนิดไม่สูงเกินกว่าอัตราเดิมที่เคยกำหนดไว้ ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2554
4. ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 11 มีนาคม 2555 มีทรัพย์สินรวม 3,824 ล้านบาท มีหนี้สินกองทุน 24,961 ล้านบาท แยกเป็นหนี้ค้างชำระชดเชย 24,807 ล้านบาท งบบริหารและโครงการซึ่งได้อนุมัติแล้ว 154 ล้านบาท ดังนั้นกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิติดลบ 21,137 ล้านบาท
5. เนื่องจากยังไม่ได้มีการประชุม กพช. ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 จึงต้องปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินขึ้น 1.00 บาทต่อลิตร โดยให้คงอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแก๊สโซฮอลในอัตราเดิม และน้ำมันดีเซลหมุนเร็วยังคงอัตราที่ 0.60 บาทต่อลิตร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2555 เป็นต้นไป จากการปรับเพิ่มอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว จะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 95 และ 91 เพิ่มขึ้น 1.07 บาทต่อลิตร ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอลและน้ำมันดีเซลคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 กับน้ำมันเบนซิน 91 เพิ่มขึ้นเป็น 2.35 บาทต่อลิตร และส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 กับน้ำมันเบนซิน 95 เพิ่มขึ้นเป็น 6.30 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ กองทุนน้ำมันฯ จะมีภาระลดลงประมาณวันละ 9 ล้านบาท จากติดลบวันละ 146 ล้านบาท เป็นติดลบวันละ 137 ล้านบาท
6. จากมติ กบง. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2555 ที่มอบหมายให้ สนพ. จัดทำข้อเสนอการปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ นำเสนอต่อ กพช. โดยการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแต่ละชนิดไม่สูงเกินกว่าอัตราเดิมที่เคยกำหนดไว้ ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2554 หากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกสูงขึ้นต่อเนื่อง อาจทำให้ขาดความยืดหยุ่นคล่องตัวในการรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ดังนั้นฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอเสนอให้ยกเลิกมติ กบง. เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2555 ที่มอบหมายให้ สนพ. จัดทำข้อเสนอการปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ให้มีความเหมาะสมและคล่องตัว นำเสนอต่อ กพช. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยคำนึงถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก การส่งเสริมพลังงานทดแทนและฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันแต่ละชนิดไม่สูงเกินกว่าอัตราเดิมที่เคยกำหนดไว้ ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2554
มติของที่ประชุม
1. เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
ชนิดน้ำมัน | เดิม | ใหม่ | เปลี่ยนแปลง(+/-) |
น้ำมันเบนซิน 95 | 2.00 | 3.00 | +1.00 |
น้ำมันเบนซิน 91 | 2.00 | 3.00 | +1.00 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 | 2.20 | 2.20 | - |
น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 | 0.60 | 0.60 | - |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 | 0.80 | 0.80 | - |
น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 | -12.60 | -12.60 | - |
น้ำมันดีเซล | 0.60 | 0.60 | - |
โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานรับไปดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการ บริหารนโยบายพลังงาน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2555 เป็นต้นไป
2. เห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2555 ที่มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานจัดทำข้อเสนอการปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ให้มีความเหมาะสมและคล่องตัว และนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยคำนึงถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก การส่งเสริมพลังงานทดแทนและฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันแต่ละชนิดไม่สูงเกินกว่าอัตราเดิมที่เคยกำหนดไว้ ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2554
ที่ประชุมฯ ได้มีการหารือในเรื่องต่างๆ โดยสรุปได้ดังนี้
1. ประธานฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมฯ ทราบเกี่ยวกับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 32.33 บาทต่อลิตร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประชาชน ปัจจุบันผู้ประกอบการด้านขนส่ง ได้แก่ ผู้ประกอบการรถโดยสารขนส่งสาธารณะ ได้มีการเรียกร้องขอปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร ทั้งนี้ ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ผู้ประกอบการยอมรับได้อยู่ที่ไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร หากราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร จะไม่มีการปรับราคาค่าโดยสารขึ้น อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่อัตรา 0.60 บาทต่อลิตร เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อราคาค่าโดยสารอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว
2. รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้ความเห็นว่า คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ได้เคยมีการพิจารณาว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 3 บาท คือ จากเดิมกำหนดไว้ที่ 30 บาทต่อลิตร ปรับเพิ่มเป็น 33 บาทต่อลิตร จึงจะมีการพิจารณาเกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าโดยสาร และอาจมีผู้ประกอบการรถโดยสารฯ บางรายที่ใช้ก๊าซ NGV จะเรียกร้องขอขึ้นค่าโดยสารโดยใช้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเป็นฐาน ซึ่งกระทรวงพลังงานควรมีการประชาสัมพันธ์ชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนและผู้ประกอบการเข้าใจที่ถูกต้อง
3. ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (พลตำรวจโทวิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์) ได้แจ้ง ที่ประชุมฯ เกี่ยวกับความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการกำหนดแนวทางการชดเชยราคาเอทานอล ที่ผลิตจากมันสำปะหลัง โดยพบว่าข้อมูลการชดเชยราคาเอทานอลที่ผลิตจากมันสำปะหลังที่มีอยู่ไม่ถูกต้อง จึงได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ ของคณะกรรมการเอทานอลฯ ไปประสานกรมสรรพสามิตเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ซึ่งผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ (นายสมศักดิ์ เกียรติชัยลักษณ์) ได้มีความเห็นว่า กระทรวงพาณิชย์มีสต๊อกมันเส้นอยู่จำนวนหนึ่ง ที่ต้องการให้โรงงานผลิตเอทานอลช่วยรับซื้อ โดยอาจเปิดรับซื้อโดยตรงหรือซื้อผ่านองค์กรคลังสินค้า (อคส.) และปลัดกระทรวงพลังงานได้มีความเห็นเพิ่มเติมว่า ถ้ามีสูตรราคาเอทานอลที่เหมาะสมแล้ว กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ควรหารือร่วมกับกรมการค้าภายใน เพื่อพิจารณากลไกการระบายมันสำปะหลังจากโกดังของ อคส. ไปยังโรงงานผลิตเอทานอล รวมถึงมาตรการตรวจสอบเพื่อจ่ายเงินชดเชย
4. ฝ่ายเลขานุการฯ (นายสุชาลี สุมามาลย์) ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า สนพ. ได้มีหนังสือหารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อตรวจสอบข้อกฎหมายเกี่ยวกับการนำเงินกองทุนน้ำมันฯ มาใช้ในการรับซื้อเอทานอลที่ผลิตจากมันสำปะหลัง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมทั้งได้ประสานกรมสรรพสามิตเพื่อตรวจทานข้อมูลตัวเลขการชดเชยราคาเอทานอลที่ผลิตจากมันสำปะหลัง ซึ่ง สนพ. จะได้สรุปข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อนำเสนอคณะกรรมการฯ ในการประชุมต่อไป
5. รองปลัดกระทรวงพลังงาน (นายศิริศักดิ์ วิทยอุดม) มีความเห็นว่า ควรมีการทบทวนการกำหนดระยะเวลาการปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซ LPG ในภาคขนส่ง โดยไม่จำเป็นต้องปรับพร้อมกับการปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV แต่ควรปรับตามสถานการณ์ราคาพลังงาน ทั้งนี้ เพื่อให้มีความเหมาะสมและคล่องตัว
มติของที่ประชุม
ที่ประชุมรับทราบ